Lao Dtom Lao จากไอศกรีมพาเลอร์สู่อาหารลาวสายลึก

ก่อนอื่นเราต้องบอกว่าเราเสียใจไม่น้อยกับการปิดตัวของ Hazel’s ice cream parlour and fine drinks ร้านไอศกรีมสุดคราฟท์ในโรงพิมพ์เก่าที่ต้องปิดตัวลงไปของเชฟพี่โจ๊ก-สมเกียรติ ไพโรจน์มหกิจ เจ้าของอาณาจักรอาหารและเครื่องดื่มในย่านถนนจักรพรรดิพงษ์ ที่มีทั้งร้าน Seven Spoons และ Pollen Baked Goods แน่นอนว่าการจากไปของร้านไอศกรีมพาเลอร์ได้ถูกทดแทนด้วยร้านล่าสุด ลาวต้มลาว (Lao Dtom Lao)

ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้หากใครมาที่ร้านเฮเซลบ่อยๆ จะพอทราบได้ว่าเชฟพี่โจ๊กจะชอบสั่งอาหารอีสานจากร้านใกล้กันมากินในร้าน จนกลายเป็นลูกค้าขาประจำ ต่อมาก็ชวนเชฟแดงมาทำโปรเจ็กต์ด้วยกันในชื่อว่า สุดแดงแรงฤทธิ์ ออกร้านในงานแฟร์ต่างๆ ก่อนต่อยอดกลายเป็นลาวต้มลาว

ความใจเด็ดของเชฟพี่โจ๊กคือ การตัดสินใจปิดร้านไอศกรีมมาทำร้านอาหารแทน เพราะไม่ว่ายังไงคนก็ต้องกินข้าว ไม่เหมือนอย่างไอศกรีม แน่นอนว่าภายใต้โรงพิมพ์เดิมจะถูกปรับนิดหน่อย ให้บาร์มาอยู่หน้าร้าน ซึ่งอยู่ด้านในสุด เพราะอยากให้เข้ามาร้านอาหารแต่มีค็อกเทลดื่ม มองมาจากด้านนอกจะเห็นบาร์ก่อน เมื่อเข้ามาภายในร้านจะมีเสียงดนตรีไทย ให้บรรยากาศสนุกสนาน กินข้าวเสร็จแฮงค์เอ้าท์ต่อได้ แน่นอนว่าที่นี่ยังคงความเป็นอินดัสเตียลและตกแต่งด้วยของเก่าซึ่งเป็นของสะสมของเชฟพี่โจ๊ก อย่างตู้ไปรษณีย์หน้าร้านก็จะเชื่อมโยงไปกับโปสการ์ดที่ทางร้านจะแจกให้กับลูกค้าเขียนโดยให้ที่นี่เป็นคนส่งสารให้

“เรายังคงเป็นอาหารลาวที่เข้าใจได้ง่าย” นี่คือสิ่งที่คุณเติ้ล-จิตธนา สันทวี ผู้จัดการร้าน เล่าถึงอาหารลาวในแบบของลาวต้มลาว เชฟแดงยังนำเอารสชาติแบบที่ตัวเองกินในสะหวันนะเขต บ้านเกิด มาให้เราได้ชิม แน่นอนว่าวัตถุดิบบางอย่างก็ต้องหอบหิ้วมาจากที่นั้น วันไหนเชฟกลับบ้านเราจะได้กินอาหารของลาวต้มลาวที่หลากหลายกว่า เพราะเชฟจะไปหิ้ววัตถุดิบกลับมาเอง ยกตัวอย่าง แหนง ที่เชฟบอกว่าคือ หน่อไม้หน่อเล็ก ที่ถ้าไม่มีของมาจากที่บ้านเกิดก็จะไม่ทำเมนูแกงแหนงหน่อไม้

ไส้กรอกโฮมเมด

เนื่องจากก่อนหน้าที่จะเป็นลาวต้มลาว เชฟพี่โจ๊กและเชฟแดงตระเวนออกงานในชื่อของสุดแดงแรงฤทธิ์ที่เด่นเรื่องปิ้งย่าง ทำให้ที่นี่เด่นเรื่องไส้กรอกโฮมเมด หมูย่าง เนื้อย่าง โดยเฉพาะเนื้อย่างที่มีตัวเลือกไม่น้อย อาทิ เนื้อข้างซี่โครง เนื้อข้างไข่ เนื้อน่องลาย เนื้อปลายสัน วันนี้เราได้ลองไส้กรอกเนื้อวัว คล้ายไส้กรอกอีสาน ที่นี่เลือกใช้เนื้อส่วนเสือร้องไห้ที่ติดมันเมื่อทำเป็นไส้กรอกจะไม่แห้งและเละ ที่สำคัญร้านนี้แยกส่วนเนื้อกับมันไม่ได้คลุกผสมกัน แต่จะแทรกมันด้วยมือภายหลัง ส่วนไส้กรอกหมูใช้ส่วนสันคอ นอกจากนั้นยังผสมพริกลาวและพริกไทยลงไปด้วย กินแนมกับสับปะรดย่าง ผักสด และน้ำจิ้มแจ่วพริกลาว

เห็ดบดจีน

อีกเมนูกินเล่นที่น่าสนใจคือเห็ดบดจีน ของกินเล่นของคนลาว ที่นำเอาเห็ดคล้ายเห็ดนางฟ้าไปอบแห้งโรยงาแล้วย่าง กินกับหมูแดดเดียวหรือเนื้อแดดเดียว

ตำสะหวันนะเขต

มาที่เมนูตำบ้าง ตำสะหวันนะเขต เชฟแดงว่าคล้ายตำหลวงพระบางตรงที่ทำเส้นมะละกอเป็นแผ่นบางๆ แทนการสับมะละกอแบบไทย เอารสเปรี้ยวจากมะกอก มะนาว และมะเขือเทศ แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ปลาร้าที่ทางร้านหมักและต้มสุกมาแล้ว เชฟบอกว่าต้องกินกับขนมจีน

ยำโต่ง

ยำโต่ง ก็เป็นอีกจานที่น่าสนใจ จะว่าไปก็คล้ายๆ หมูมะนาวผสมแกงป่า ทำขลุกขลิกแบบยำแต่ใส่กะปิ มะเขือพวง มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว และใบโหระพา ยิ่งกินยิ่งแซ่บ

เป็ดต้มน้ำยา

เป็ดต้มน้ำยา อาหารจานเดียวที่หน้าตาคล้ายขนมจีนน้ำยา แต่จานนี้ไม่ใช้เนื้อปลาใช้เนื้อเป็ดบดต้มกับพริกแกงเสิร์ฟแยกมา เนื่องจากรสจัดมาก กินกับขนมจีนราดด้วยน้ำยานิดหน่อย เนื้ออกเป็ดนุ่มๆ และไข่ต้มยางมะตูม

หมี่คั่วลาว

อาหารจานเดียวอีกจานที่น่าสนใจคือ หมี่คั่วลาว จะบอกว่าคล้ายผัดไทยก็คงได้ เส้นเล็กผัดกับน้ำปรุงรส น้ำตาลปี๊บ และซีอิ๊วขาว ผัดแบบจานต่อจาน มาพร้อมไข่เป็ดลวกน้ำ หอมเจียว แคบหมู เพิ่มรสชาติด้วยพริกและถั่ว

ขนมข้าวโพดนึ่ง

ส่วนของหวานเป็น ขนมข้าวโพดนึ่ง แป้งข้าวโพดผสมแป้งสาลี น้ำตาล และมะพร้าว ห่อด้วยเยื้อหุ้มฝักข้าวโพดแล้วนำไปย่าง

อยากรู้ว่าอาหารลาวสายลึกแบบสะหวันนะเขตเป็นอย่างไรต้องชิมเอง บอกเลยว่าดี