ลา ดอตต้า (La Dotta) เปิดตัวเมื่อปีก่อนด้วยคอนเซ็ปต์ของพาสต้าช้อปที่ขายเฉพาะเมนูพาสต้า ซึ่งเป็นร้านอาหารเฉพาะทางที่นิยมในอิตาลี ที่ไม่ขายอย่างอื่นเลยนอกจากพาสต้า เนื่องจากพาสต้าเป็นอาหารคู่คนอิตาเลียน บางครั้งก็ซื้อกลับบ้านในยามที่เกิดนึกขี้เกียจทำพาสต้าเองก็มองหาร้านพาสต้าไว้ใจได้

          ลา ดอตต้า มีจุดเด่นอยู่ที่การทำพาสต้าเส้นสดด้วยมือ จึงนำเอาเส้นพาสต้า Tortelloni มาใช้เป็นโลโก้ร้าน ส่วนชื่อของ ลา ดอตต้า เป็นชื่อเล่นหนึ่งของเมืองโบโลญญ่า เช่นเดียวกับ ลา กัสซ่า และลา รอสซ่า ส่วนลา กัสซ่า ใช้เส้นพาสต้า Conchiglie เป็นโลโก้ร้าน

         หนึ่งปีผ่านไปลา กัสซ่า (La Grassa) คลอดตามลา ดอตต้า มาในคอนเซ็ปต์ของออลเดย์ไดนิ่งที่ยังคงมีพาสต้าเป็นเมนูเด่น ลองนึกภาพของคนอ้วนที่กินอาหารไม่หยุดหย่อนตลอดวัน นั่นแหละคือความหมายของลา กัสซ่า ที่แปลว่า อ้วนตุ้ยนุ้ย อะไรคือความแตกต่างของลา กัสซ่า และลา ดอตต้า ถ้าลา ดอตต้า ทำเส้นพาสต้าสดด้วยมือ ลา กัสซ่า ก็เลือกที่จะทำเส้นพาสต้าสดด้วยพาสต้าแมชชีน ซึ่งเลือกใช้ La Monferrina ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเป็นเฟอร์รารีในวงการพาสต้าแมชชีน เท่าที่ทราบลา กัสซ่า คือร้านอาหารสแตนอโลนแห่งแรกที่ใช้พาสต้าแมชชีนแบรนด์นี้

         จุดเด่นที่ทำให้พาสต้าเส้นสดจากพาสต้าแมชชีนดีเทียบเท่าหรืออาจจะเหนือกว่าเส้นพาสต้าสดที่ทำด้วยมือก็คือความสม่ำเสมอของเส้นที่ผ่านการบีบอัดผ่านหัวทองแดงที่ทำให้เส้นพาสต้าได้รูปทรงตามต้องการและยังให้เนื้อของเส้นที่สม่ำเสมอกว่าเส้นพาสต้าทำมือ แต่ไม่ใช่ว่าพาสต้าจากแมชชีนจะดีกว่ามือ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

Strawberries & Truffle สลัดผักร็อคเกตกับชีสพาร์มีซาน

         ด้วยความเป็นร้านอาหารสไตล์ออลเดย์ไดนิ่ง ทำให้ที่นี่มีเมนูอาหารเช้าอย่างพานินี (Panini) หรือแซนด์วิชอิตาเลียน ที่ให้บริการตั้งแต่ 6.30-17.30 น. ส่วนมื้อกลางวันก็มีเซทมื้อกลางวัน 2 และ 3 คอร์ส ในราคาคุ้มมาก อุ่นเครื่องกันด้วยค็อกเทล Strawberry Spritz เปรี้ยวหวานซ่าช่วยให้เกิดความสดชื่นก่อนมื้ออาหารได้ดี

Strawberry Spritz ค็อกเทลเปรี้ยวหวานซ่า

Linguine Alle Vongole

         ส่วนอาหารเราเลือกสั่ง Strawberries & Truffle สลัดผักร็อคเกตกับชีสพาร์มีซาน แต่เพิ่มรสชาติให้พิเศษขึ้นด้วยรสเปรี้ยวหวานของสตรอว์เบอร์รี่และทรัฟเฟิลประจำฤดูใบไม้ร่วง ส่วนพาสต้ามี 2 แบบให้เลือก คลาสลิกพาสต้า อย่าง คาร์โบนาร่า โบลองเนส และวองโกเล่ เราเลือกอย่างหลัง Linguine Alle Vongole เส้นพาสต้าเส้นแบนหนึบกับกลิ่นรสของหอยที่มาแบบเต็มปากเต็มคำ หรือพาสต้าแบบเชฟทวิสต์ ที่ฉีกแนวจากเดิม เราลองสั่ง Wagyu ‘Mac & Cheese’ ซึ่งไม่อยู่ในสารบบของพาสต้า พอนำเอาเส้นพาสต้าที่เป็นโลโกร้านอย่าง Conchiglie มาใช้ก็สร้างความแปลกใหม่ด้วยความยืดของชีสและรสของเนื้อวัววากิวที่ให้รสชาติที่เต็มคำ

หมูหันแบบซาร์ดิเนีย

Wagyu ‘Mac & Cheese’

         นอกจากเส้นพาสต้า ไม่ควรพลาดเมนู Meat & Seafood ที่เพิ่มมาเอาใจคนไม่กินพาสต้า เชฟนำเอาสูตรอาหารของซาร์ดิเนียมาทำ Slow Cooked Crispy Skin Suckling Pig จะเรียกว่าหมูหันแบบซาร์ดิเนียก็คงได้ หนังกรอบเนื้อนุ่มกินกับมันอบและเกรวี่ไวน์แดง ก่อนปิดท้ายด้วยโดนัทอิตาเลียนที่เรียกว่า Bombolini ที่ดั้งเดิมเลยก็มีเพียงไส้ช็อกโกแลตนูเทลล่า ก่อนที่จะเพิ่มรวมเป็น 5 ชนิด Tiramisu ให้รสของกาแฟและเหล้าแบบพอดีแต่มีแป้งหนึบหอมมาเสริมรส หรือ Strawberry & Champagne ไม่ได้หวานอย่างเดียวตามด้วยรสเปรี้ยวขมผสมด้วย

โดนัทอิตาเลียนที่เรียกว่า Bombolini

         ใครว่างตอนไหนให้ไปตอนนั้น แต่ละช่วงเวลามีเมนูเด่นไม่เหมือนกัน นี่เราก็ว่าจะไปชิม Panini สักหน่อยเพราะวันก่อนไปเป็นมื้อค่ำ น่าเสียดาย

Fact Box

  • La Dotta La Grassa ​โรงแรม Sacha’s Hotel UNO ซอยสุขุมวิท 19 ถนนสุขุมวิท เปิดบริการทุกวัน เวลา 6.30-23.00 น. โทร.0-2254-9599 www.facebook.com/ladottalagrassa/
Tags: , ,