ข่าวบันเทิงควบข่าวเชิงธุรกิจ เมื่อชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ดาราดังที่เพิ่งจะมีลูกแฝด เพิ่มบทบาทใหม่ในชีวิต เป็นผู้บริหารเปิดตัวธุรกิจใหม่ บริษัท เค โอ แอล แมนเนจเมนท์ จำกัด (KOL Management Co., Ltd.) บริษัทที่ทำหน้าที่วางกลยุทธ์ดิจิทัลมีเดียให้กับแบรนด์ ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเซียล
ตัวชมพู่เองถือว่าเป็นดาราที่ใช้โซเชียลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอินสตราแกรมของเธอ @chomismaterialgirl มีคนฟอลโลว์สูงถึง 7.8 ล้านคน เธอยังเป็นแอมบาสเดอร์ให้กับนิตยสารผู้หญิงหัวนอกL’Officiel Thailand หนึ่งในนิตยสารจากค่ายแมส กรุ๊ป ที่มีหนังสือในเครือเล่มอื่นๆ ได้แก่ L’Optimum Thailand, WoW Thailand และ Men’s Fitness Thailand โดยผู้บริหารคือ อาลี ซีอานี ซึ่งก็มีความสนิทกับชมพู่อยู่แล้ว และยังมาเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจใหม่นี้อีกต่างหาก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งสองคนจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด คนหนึ่งเป็นดาราที่รู้จักการใช้โซเชียลมีเดียเป็นอย่างดี คนหนึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจสื่อที่ทำคอนเทนต์เป็นหลัก KOL Management จึงมีความได้เปรียบตรงนี้มาต่อยอดทำธุรกิจในลักษณะที่เรียกว่าเป็น Influencer Marketing
อาลี ซาอานี ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เค โอ แอล แมนเนจเมนท์ จำกัด เล่าถึงโมเดลธุรกิจลักษณะนี้ว่า เริ่มจากในประเทศเกาหลีและจีนที่ได้รับความนิยมเป็นอันมาก การใช้คนที่มีความคิดและความสามารถที่โดดเด่นในการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียสำหรับโปรโมตสินค้า โดยจะต้องเป็นคนที่สามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมีคุณภาพ
“จากประสบการณ์ เราทำงานร่วมกับแบรนด์มากกว่า 2,000 แบรนด์ เรามีบางสิ่งที่เอเจนซีอื่นไม่มี เราเข้าใจแบรนด์ เพราะภาษาของแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน เวลาแบรนด์ไปคุยตรงกับดาราหรือคนดัง เราไม่แน่ใจว่าความเข้าใจจะตรงกันหรือเปล่า หน้าที่ของเราคือทำให้คนเหล่านี้เข้าใจแบรนด์นั้นก่อนสื่อผ่านโซเชียลมีเดีย”
“บางแบรนด์ใช้เงินเป็นล้านๆ ในการทำการตลาด เราสามารถให้คำแนะนำเขาได้ และเราเองก็เข้าใจอินฟลูเอนเซอร์ เรามีข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนนี้เหล่านี้ ที่น้อยคนมากจะรู้ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับเราในการทำข้อตกลงกับลูกค้าว่ายอดคนที่จะเห็น การ engagement จะมีตัวเลขที่น่าพอใจอย่างแน่นอน”
ขณะที่ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เล่าถึงบทบาทใหม่ในครั้งนี้ว่า มองเห็นไอเดียนี้ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา จากการได้ไปแฟชั่นวีค หรือการไปคานส์ ก็จะเห็นโมเดลแบบนี้ในต่างประเทศ เห็นการสื่อสารผ่านโซเชียล ในฐานะที่ใช้เหมือนกัน ก็คิดว่ามันมีอิทธิพลอย่างมาก
“เราอยากทำแบบนี้มาสักพัก แต่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่อยากทำมันคืออะไร ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน หลังจากกลับมาจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ เราก็มานั่งคุยกับอาลีว่าเห็นเทรนด์ในต่างประเทศเริ่มมาแล้ว และในไทยยังไม่มีสิ่งเหล่านี้เป็นรูปธรรม เลยคิดว่าเราน่าจะลงมือทำเป็นคนแรกไหม”
การบริการของ เค โอ แอล แมนเนจเมนท์ เริ่มจากการวางกลยุทธ์ การหา celebrities หรือบุคคลมีชื่อเสียงที่ตอบโจทย์ ไปจนถึงการวางแผนการสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคผ่านวิธีการสื่อสารที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ตามไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับแบรนด์ โดยแบ่งเป็นห้าประเภท ได้แก่ Entertainment, Lifestyle, Fashion, Health และ Commercial ซึ่งแต่ละประเภทจะมีการสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมและสะท้อนผ่านเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่มีภาพลักษณ์ส่งเสริมและสอดคล้องกับแต่ละแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ทาง KOL มีสมาชิกทั้งหมด 20 คน ล้วนเป็นคนดังหลากหลายวงการ เช่น กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง,หลุยส์ สก๊อต, แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด, พลอย-ชวพร เลาหพงศ์ชนะ และก็อต-จิรายุ ตันตระกูล เป็นต้น
“ไม่จำเป็นต้องเป็นเซเลบหรือดาราเสมอไป บางคนไม่ได้มีคนฟอลโลว์เป็นล้าน แต่มีไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเรา คงต้องดูเป็นเคสไป คือบางคนก็อยากให้มีคนช่วยดูแล เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับตัวเอง หรือน้องๆ ที่เราเลือกมาเพราะเราเห็นศักยภาพบางอย่างในตัว แต่อาจยังถ่ายทอดไม่ชัดเจนนัก เราก็จะช่วยชี้ให้เห็นว่าเขามีดีอย่างไร เป็นการผลักดันเขาไปในตัว คนที่มาอยู่กับเรา คือเราเชื่อมั่นในตัวเขา และเขาก็เชื่อมั่นในตัวเรา” ชมพู่พูดถึงการเลือกอินฟลูเอนเซอร์เข้ามาเป็นสมาชิกของ KOL
จากการคาดการณ์ของเว็บไซต์ Statista มีผู้ใช้สมาร์ตโฟนทั่วโลกจำนวนสูงถึง 5 พันล้านคนไม่เกินปี 2562 เฉพาะในประเทศไทยในปี 2560 มีผู้ใช้สมาร์ตโฟนสูงถึง 24.14 ล้านคน การเติบโตนี้ส่งผลถึงการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ที่นับวันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น อย่างในปี 2559 ตัวเลขโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์สูงถึง 1.73 พันล้านบาท ในจำนวนนี้มีมูลค่าการโฆษณาผ่านอินสตาแกรม เฟชบุ๊ก และยูทูป คิดเป็น 9.9 พันล้านบาท
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่นิยมใช้โซเชียลมีเดียกันมาก จากการขยายตัวของการใช้สมาร์ตโฟนที่เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแพลตฟอร์มต่างๆ มากขึ้น เทรนด์การเปลี่ยนโทรศัพท์เฉลี่ยปีละสองครั้ง ทำให้ KOL จะช่วยตอบโจทย์ของแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ตรงนี้ได้ดียิ่งขึ้น”
“ปีหน้าเรามีรายได้ถึง 200 ล้านบาทอย่างแน่นอน” อาลีบอกอย่างมั่นใจ
ขณะที่ชมพู่ก็ให้ความเห็นเรื่องการใช้อินฟลูเอนเซอร์สื่อสารการตลาดผ่านโซเซียลมีเดียว่า ไม่ใช่การกระจายฟีดส์ให้เต็มไปด้วยคอนเทนต์ของลูกค้า สิ่งสำคัญคือตัวคนปล่อยฟีดส์นั้นจะสื่อสารกับผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน
“เราไม่เชื่อว่ามีเงินแล้วทุ่มให้เซเลบหรือคนดังปล่อยข่าวพร้อมกันตอนหกโมงเย็น แล้วจะขายได้เสมอไป มากกว่านั้นคือทำอย่างไร ให้คนเสพสื่อเชื่อจริงๆ ก่อนหน้านี้ลูกค้าอยากได้สิ่งที่ขายของเยอะๆ แคปชั่นต้องยาว แต่ในมุมเราเองมองว่ามันไม่เวิร์กอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าบางรูปจะสวยมาก ผู้บริโภคฉลาดมากขึ้น เขาจะชอบในสิ่งที่เชื่อว่ามันจริง”
“โซเชียลมีเดียเหมือนดาบสองคม เราเกิดมาในยุคที่ยังไม่มีตรงนี้ จนมาถึงที่มีและได้รับความนิยม ถ้าใช้ในทางที่ดี ที่ถูก ที่ควรก็สร้างประโยชน์ให้เราได้อย่างมหาศาล ขณะเดียวกันทำให้เราหลงไปกับคอมเมนต์จากแฟนคลับ เช่น สวย ดีจังเลย มันก็อาจทำให้เราหลงทางได้เหมือกัน คือต้องรู้จุดแข็งตัวเอง ฟังฟีดแบ็กบ้าง แต่ต้องรู้สไตล์ของตัวเรา และเป็นตัวจริง”
Tags: social media, KOL, ชมพู่-อารยา, influencer, Business, Branding, marketing