จากการไม่ปรากฏตัวของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของคิม อิลซ็อง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือและปู่ของเขา จนนำไปสู่ข่าวลือต่างๆ มากมาย ทั้งข่าวลือที่ว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว หรือกำลังรักษาตัวด้วยสุขภาพที่ย่ำแย่ บ้างว่าเขากลายสภาพเป็นผัก ไม่ได้สติหรือรู้สึกตัวอีกต่อไปแล้วจากการเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ในเวลาไม่นานหลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วโลก สปอตไลต์ก็ฉายมาสู่ผู้หญิงที่ชื่อ คิม โยจอง น้องสาวของคิม จองอึน ที่คาดว่าหากคิม จองอึน เสียชีวิต หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้ เธอคนนี้นี่แหละที่ได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือ 

แต่ถึงอย่างนั้น โลกก็รู้จักผู้หญิงคนนี้น้อยเหลือเกิน

คิม โยจอง เกิดปี 1987 88 หรือ 89

แม้เธอจะปรากฏกายข้างคิม จองอึน มาโดยตลอดตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นผู้นำเกาหลีเหนือหลังจากการเสียชีวิตของผู้เป็นพ่อ จนสื่อตะวันตกให้ฉายาว่า เมลาเนีย ทรัมป์ แห่งเกาหลีเหนือ (ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นภรรยาแต่เธอเป็นเงาตามตัวผู้นำประเทศ) แต่เรื่องราวของเธอคนนี้ก็ยังคงปริศนา ซึ่งทำให้ยากแก่การคาดเดาว่า หากเธอก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเกาหลีเหนือแทนพี่ชายแล้ว เกาหลีเหนือภายใต้การนำของคิม โยจอง จะเป็นอย่างไร 

สำหรับประวัติส่วนตัวของเธอที่ยังคงเป็นปริศนา โดยไม่มีการคอนเฟิร์มร้อยเปอร์เซนต์ กล่าวว่า คิม โยจอง อายุ 31 ปี เกิดเมื่อเดือนกันยายน 1987 (บ้างว่า 1988 หรือ 1989) ว่ากันว่าเธอและพี่ชาย คิม จองอึน ถูกส่งไปเรียนและใช้ชีวิตวัยเด็กที่เมืองเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงปี 1996-2000 แต่ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับชีวิตของเธอในช่วงที่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์เลย ไม่ว่าจะเป็นจากปากคำของคนใกล้ชิดหรือคนที่เคยรู้จักเธอก็ตาม

จากนั้น ว่ากันว่าเธอกลับมายังเกาหลีเหนือและเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนทหารมหาวิทยาลัยคิม อิลซ็อง ในเมืองเปียงยาง ตามมาด้วยสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า เธอแต่งงานแล้วกับโช ซอง ลูกชายของ โช ยองเฮ นักการเมืองและนายทหารระดับสูงของเกาหลีเหนือ และมีบุตรด้วยกันหนึ่งคนเกิดในเดือนพฤษภาคม ปี 2015 

คิม โยจอง เป็นที่สังเกตครั้งแรกในงานพิธีศพของคิม จองอิล พ่อของเธอ ในเดือนธันวาคม ปี  2011 จากภาพถ่ายที่ปรากฏภาพของเธออยู่ในพิธีจำนวนมาก ซึ่งในครั้งนั้นผู้คนก็เดากันไปต่างๆ นานาว่าเธออาจจะเป็นภรรยาของคิม จองอึน 

ความหวังของการรวมเกาหลีเป็นหนึ่ง

ชื่อของคิม โยจอง เป็นที่จับตาของชาวโลกในช่วงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวประจำปี 2018 หรือเรียกกันในนาม พย็องชัง 2018 ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ และในครั้งนั้นเกาหลีเหนือตกลงส่งทีมนักกีฬาลงแข่งขันในโอลิมปิกครั้งนั้นด้วย และผู้ที่มาพร้อมกับทีมนักกีฬาเกาหลีเหนือในโอลิมปิกครั้งนั้นก็คือ คิม โยจอง

การมาเยือนเกาหลีใต้ของคิม โยจอง ในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เพราะเธอถือเป็นสมาชิกครอบครัวคิมที่ปกครองเกาหลีเหนือคนแรกที่มาเยือนเกาหลีใต้ หลังจากการแบ่งแยกประเทศตั้งแต่ยุค 1950 เป็นต้นมา และการมาเยือนเกาหลีใต้ของเธอในครั้งนั้นก็ถูกตีความไปมากมาย ตั้งแต่การที่เกาหลีเหนือส่งเธอมาเป็นตัวแทน เพราะเธอเป็นผู้หญิงซึ่งให้ภาพทางการเมืองที่อ่อนโยนมากกว่า 

มากไปกว่านั้นคือความหวังของการกลับมาสานสัมพันธไมตรีกันระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ หรือแม้แต่ความฝันของการรวมเป็นหนึ่งเดียวของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการที่เธอนั่งเคียงข้างมุน แจอิน ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้เพื่อร่วมชมการแสดงของวงเกิร์ลส์ เจเนอเรชั่น (Girls’ Generation) เกิร์ลกรุ๊ปที่ดังที่สุดของเกาหลีใต้ในช่วงเวลานั้น ซึ่งแสดงร่วมกันกับวงออร์เคสตร้าแซมจียอน (Samjiyon Orchestra) ของเกาหลีเหนือ ในเพลง ‘Our Wish Is Unification’ โรงละครแห่งชาติ ในกรุงโซล เกาหลีใต้ อีกทั้งเธอยังกล่าวคำเชิญชวนให้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เดินทางไปยังเมืองเปียงยางอีกด้วย

ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะไปเดินทางมายังเกาหลีใต้ ซึ่งการเดินทางมาเกาหลีใต้ครั้งนี้สร้างความประหลาดใจและความรู้สึกแปลกแตกต่างให้กับฉันอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ได้เห็นสิ่งต่างๆ มากมายในเกาหลีใต้ที่มีความคล้ายคลึงกันหรือเหมือนกันกับเกาหลีเหนือด้วย ฉันหวังว่าวันที่เราจะรวมเป็นหนึ่งจะเดินทางมาถึงเร็วๆ นี้ และหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าที่เป็นมิตรทั้งหมดของทุกคน (ชาวเกาหลีใต้) ที่เมืองเปียงยางคิม โยจอง  กล่าวเมื่อครั้งที่ไปเยือนเกาหลีใต้

ทั้งหมดนี้ทำให้ความหวังของสันติภาพและการรวมกันเป็นหนึ่งของเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือปะทุขึ้นมาอีกครั้ง 

แต่ฝันนั้นก็เพิ่งจะสลายไปเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเมื่อเดือนที่แล้วหลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของเกาหลีใต้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความเป็นห่วงในการที่เกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธ ซึ่ง คิม โยจอง ก็ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการฉบับแรกภายใต้ชื่อของเธอกล่าวตอบโตว่า สิ่งที่เกาหลีใต้กล่าวมาก็แค่หมาเห่าเท่านั้น

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นอกจากการออกมาตอบโต้อย่างไร้สัมพันธไมตรีทั้งๆ ที่เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เคยมาเยือนเกาหลีใต้ และเคยหยอดคำหวานจนทำให้โลกทั้งโลกเคลิ้มไปว่าเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะมาสามารถกลับมาสานสัมพันธ์กันได้อีกครั้ง ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เธอก็เพิ่งได้รับการเสนอชื่อในตำแหน่งรองผู้อำนวยการคนแรกของคณะกรรมการกลางของพรรคแรงงานที่ปกครองเกาหลีเหนือ แต่จากแถลงการณ์ล่าสุดในเดือนที่ผ่านมาที่ลงชื่อเธอนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับตำแหน่งใหม่ที่สูงกว่าตำแหน่งเดิมไปแล้ว 

หรือนั่นจะเป็นการเตรียมการอะไรบางอย่าง

เป็นไปได้หรือไม่ ที่เธอจะเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนต่อไป

ประเด็นสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ เธอเป็น ‘ผู้หญิง’ แม้ว่าจะเป็นลูกแม่เดียวกันกับคิม จองอึน ก็ตาม เพศสภาพมีความสำคัญมากในการขึ้นมาเป็นผู้นำในเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะในสามเจเนอเรชั่นที่ผ่านมาล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมด และสังคมที่ปกครองด้วยระบบทหารนี้ ก็คงเป็นการยากที่จะให้ผู้หญิงขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุด แม้ว่าเธอจะเป็นสายเลือดเดียวกันก็ตาม แต่การยอมรับในสังคมชายเป็นใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งผู้นำพรรค นายทหารระดับสูงหรือแม้แต่ประชาชนในเกาหลีเหนือเองก็ตาม 

“บทบาทของคิม โยจอง น่าจะจำกัดอยู่ที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มากกว่า” ยู โฮยูล อาจารย์ผู้สอนวิชาการศึกษาเกาหลีเหนือที่มหาวิทยาลัยเกาหลีกล่าว

 แต่ซู คิม ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนโยบายในคาบสมุทรเกาหลี จาก Rand Corp. กลักล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้นำคนต่อไปของเกาหลีเหนือจะเป็นคิม โยจอง โดยเธอบอกว่าคิม โยจองนั้น เข้ามาทำงานเป็นเหมือนเบื้องหลังมันสมองและการตัดสินใจหลายๆ อย่างทั้งของคิม จองอึน และของพรรคมานาน ซึ่งเท่ากับว่าเธอได้ฝึกฝน เตรียมการและมีประสบการณ์มากพอที่จะบริหารประเทศต่อไปได้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคิม จองอึน ซึ่งขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศในช่วงวัย 20 ปีเท่านั้น ซึ่งในช่วงนั้นก็มีหลากหลายเสียงแสดงความคิดเห็นว่าเขาไม่น่าจะ ‘เอาอยู่’ แต่สุดท้ายเขาก็ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศที่เข็มแข็งและได้รับการยอมรับในที่สุด  

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะต้องกังวลเกี่ยวกับการจะได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำจากชาวเกาหลีเหนือเลย เพราะสายเลือดตระกูลคิมของเธอมันเป็นดั่งใบเบิกทางที่ดีอยู่แล้ว ชะตากรรมของเกาหลีเหนือเริ่มต้นและจบลงด้วยตระกูลคิม” ซู คิม กล่าว

หากไม่ใช่ คิม โย จอง ในตระกูล ‘คิม’ ยังมีใครอีกบ้าง? หนึ่งในนั้นก็คือ คิม จองโชล น้องชายของคิม จองอึน ซึ่งไม่มีตำแหน่งทางการเมือง และไม่สนใจการเมือง เขาดูจะเป็นนักดนตรี เล่นกีตาร์เสียมากกว่า อีกหนึ่งคนก็คือ คิม ฮานโซล หลานของคิม จองอึน แต่ก็ไม่มีความเป็นไปได้เลยเพราะ คิม ฮานโซล กล่าวประณามระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือและขอใช้ชีวิตในต่างประเทศ

สื่อในเกาหลีใต้เคยรายงานว่า คิม จองอึน นั้นมีลูกชายวัย 10 ขวบ แต่ด้วยความที่ไม่เคยปรากฏรายงานอย่างเป็นทางการและด้วยช่วงวัย จึงไม่น่าจะเป็นตัวเลือกในการขึ้นเป็นผู้นำประเทศต่อจากคิม จองอึน ได้ อีกหนึ่งคนที่น่าสนใจก็คือ คิม เปียงอิล ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้ก่อตั้งเกาหลีเหลือ คิม อิลซ็อง (มีศักดิ์เป็นพี่น้องคนและแม่กับคิม จองอิล พ่อของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน) ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเพิ่งจะเดินทางกลับมายังเกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้ว หลังจากใช้ชีวิตในต่างประเทศมากว่า 40 ปี ในฐานะนักการทูต ปัจจุบันเขามีอายุ 65 ปี

และนั่นทำให้คิม โยจอง ยังคงเป็นบุคคลอันดับหนึ่งที่ถูกจับตามองว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน เธอนี่แหละจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนต่อไป

“เมื่อคิม โยจอง ขึ้นสู่อำนาจสูงสุด คนก็จะไม่มองว่าเธอเป็นผู้หญิงอีกต่อไป แต่เธอจะกลายเป็นผู้นำที่สืบทอดความชอบธรรมในการปกครองมากกว่าผู้อื่น เกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในสังคมชาตินิยมชายเป็นใหญ่มากที่สุดในโลก แต่ทั้งสายเลือดและแรงเสริมด้วยสถานะในพรรคแรงงานของคิม โยจอง จะทำให้คนมองข้ามเรื่องเพศสภาพของเธอชุน ยุงวู อดีตนักการทูตของเกาหลีใต้กล่าว 

อ้างอิง

https://www.thestar.com.my/news/regional/2020/04/26/will-a-woman-run-north-korea-kim-yo-jong-outshines-male-rivals

https://www.newyorker.com/news/daily-comment/in-north-korea-the-fourth-man-could-be-a-woman

https://nypost.com/2020/04/26/kim-jong-uns-health-uncertain-focus-shifts-to-powerful-sister-kim-yo-jong/

https://www.theguardian.com/world/2020/mar/03/kim-jong-uns-sister-calls-south-korea-a-frightened-dog

https://www.scmp.com/news/asia/east-asia/article/2061542/us-sanctions-north-korean-leaders-sister-over-human-rights

ภาพ : JORGE SILVA / POOL, SAUL LOEB,Handout / Dong-A Ilbo / AFP

Tags: , , ,