ปัจจุบัน จากข้อมูลทางสถิติมีชาวเคนยาประมาณ 1.5 ล้านคนที่มีเชื้อเอชไอวี มีประมาณ 1 ล้านคนที่เข้ารับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ซึ่งกว่า 90% ต้องนำเข้าจากอินเดียและยุโรป ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นทุกปี ประมาณปีละ 44,000 คน
เมื่อเร็วๆ มีการก่อสร้างโรงงานผลิตยาขนาดใหญ่ขึ้นในกรุงไนโรบี เมืองหลวงของเคนยา ซึ่งเป้าหมายหลักคือการแก้ไขปัญหาเชื้อเอชไอวี/เอดส์ โรงงานที่ใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐนี้จะเป็นโรงงานยาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา และเตรียมเปิดในปีหน้านี้
ไม่เพียงแต่สร้างงานให้กับชาวเคนยา 1,000 ตำแหน่ง โรงงานนี้จะช่วยลดการนำเข้ายาจากยุโรปได้เกือบครึ่งหนึ่ง รวมทั้งผลิตยาป้อนให้กับประเทศอื่นๆ ในแอฟริการวม 23 ประเทศอีกด้วย
การผลิตยาสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี จะมาจากความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล กองทุนโลก (Global Fund) และโรงงานผลิตยาท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เคนยาลดค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี/เอดส์ได้ แจ็คสัน คิโอโค ผู้อำนวยการทางการแพทย์ของประเทศกล่าวว่า การตั้งโรงงานจะช่วยลดงบประมาณประจำปีจาก 373 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเงินที่จ่ายไปเพื่อรักษาเอชไอวี/เอดส์ อีกทั้งยังทำให้ผู้ป่วย 300,000 คนได้รับการรักษา รวมถึงโรงงานในเคนยายังจะเป็นแหล่งผลิตยาให้ประเทศอื่นๆ ในแอฟริกาได้อีก
นอกจากนี้ ยังสามารถแก้ปัญหายาปลอมได้ด้วย ที่ผ่านมา จำนวนยาปลอมที่เพิ่มขึ้นในตลาดทำให้เกิดการดื้อยา ยาปลอมนี้มาจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปลอมหรือไม่ได้ลงทะเบียน โดยทำให้เชื่อว่า หากหยุดใช้ยาต้านไวรัสและใช้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาจะช่วยรักษาโรคได้ เมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจเคนยาเพิ่งจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการขายยาต้านไวรัสปลอม ยาปลอมส่วนใหญ่ได้รับการทดสอบจากหน่วยงานภายใต้การควบคุมของรัฐ ซึ่งมักพบว่ามีข้อบกพร่องและเป็นอันตราย
ขณะเดียวกันก็มีแผนว่าจะผลิตยาสำหรับโรคมาเลเรียและวัณโรคด้วย ยาส่วนใหญ่เป็นสิทธิบัตรจากบริษัทในยุโรป เช่น แกลกโซสมิธไคลน์
นายแพทย์มาร์ติน ซิเรนโก หัวหน้าโครงการควบคุมเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กล่าวว่า เขาหวังว่าการผลิตยาในท้องถิ่นจะช่วยคนที่ยังไม่เคยตรวจหาเชื้อเอชไอวีมาตรวจมากขึ้น และหวังว่าจะมีการผลิตยาต่างๆ สำหรับความต้องการอื่นๆ อีก โดยจะมีการสำรวจให้ถี่ขึ้น เพื่อให้สามารถตรวจหากรณีเฉพาะ ปริมาณและชนิดของยาที่ต้องการได้
ที่มา:
Tags: เอดส์, แอฟริกา, เอชไอวี, การรักษา, เคนยา
