อย่างน้อยๆ เรารู้จักสุกี้ สุโกศล แคลปป์ ในฐานะผู้ก่อตั้ง เบเกอรี่ มิวสิค ที่เคยรุ่งเรืองสมัย 20 ปีที่แล้ว รวมถึงเป็นมือต้าร์วงพรู (Pru) ที่เคยดังสุดขีดขนาดกวาดรางวัลศิลปินยอดนิยมจาก MTV ในปี 2002 มาแล้ว แต่หลังจากการล่มสลายของค่ายเบเกอรี่ราวปี 2004-2005 เขาหันหลังให้วงการเพลง ขายกีต้าร์ดีๆ กว่า 50 ตัวทิ้งไป หันไปซื้อมอเตอร์ไซค์ขี่ไปเรื่อยๆ พร้อมทำรายการ ซิ่งล่าฝัน (Dreamchaser) เคยไปทำรายการ วัน แชมเปี้ยนชิพ ที่เป็นศิลปะการต่อสู้แบบ Mixed Martial Arts – MMA มีโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับดนตรีบ้างประปราย นอกเหนือจากธุรกิจครอบครัวที่ต้องดูแลคือ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ

เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ในวัย 50 ปี เขากลับมาเล่นกีต้าร์และเล่นกีฬายกน้ำหนักแบบ Powerlifting อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกเหมือนรักครั้งเก่าได้หวนคืนมา 

บางช่วงบางตอนของการพูดคุยถึงช่วงชีวิตหลังการล่มสลายของเบเกอรี่ หลุมดำที่ทำให้เขาอยู่เฉยๆ อยู่หลายปี จนได้มาทำไลฟ์สไตล์เฟสติวัลอย่าง ยิปซี คาร์นิวัล (Gypsy Carnival) ที่ทำมาได้ 5 ปีแล้ว และความสุขในความพอดีของคนวัย 50 กับคอนเสิร์ต B-Day ที่อดีตศิลปินค่ายเบเกอรี่จะกลับมารวมตัวอีกครั้งปลายปีนี้ ซึ่งแฟนเพลงเก็บตังค์รอซื้อบัตรกันได้เลย

ทราบมาว่าปีนี้จะกลับมามีคอนเสิร์ต B-day อีกครั้ง

จริงๆ บอย (บอย โกสิยพงษ์) เขาชวนผมมาหลายปีแล้ว แต่ผมยังไม่อินและไม่พร้อม ยิ่ง 2-3 ปีหลัง เรารู้สึกว่าคนแต่ละเจนฯ มันเริ่มห่างแล้ว อย่างผมเจน X พวกคุณน่าจะเจน Y เด็กสมัยนี้น่าจะเป็นเจนมิลเลนเนียล และเจน Z อย่างผมไป Cat Festival มาล่าสุด ไม่มีใครรู้จักผมแล้ว และมีเด็กอายุ 18 เดินมาบอกว่า แม่หนูอายุ 45 ปี เป็นแฟนเพลงพี่ ผมเลยรู้สึกว่าช่วงวัยมันไกลมาก แล้วเราก็อายุ 50 ปีแล้วด้วย 

ไม่อินหมายถึงอะไร

ห่างไกลมานานหลายอย่าง คือผมออกจากวงการเพลงแล้วไปทำอย่างอื่นเยอะ ขี่มอเตอร์ไซค์ ทำรายการมวย นับว่าเป็นคนโชคดีที่ได้ทำหลายอย่าง เลยได้ไปจุดอื่น แล้วเบเกอรี่สำหรับเรามันค่อนข้างเป็นอดีตแล้ว ผมจำได้ว่าเราหยุดทำตั้งแต่ปี 2005 แต่ 8 ปีต่อจากนั้น อิทธิพลของเพลงเรายังมีอยู่ ไปไหนก็ยังได้ยินเพลงของเรา แต่หลังปี 2016 เราว่ามันเริ่มไกล อย่างผมเจอป๊อด โมเดิร์นด็อก เขาบอกว่า ไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วเด็กไม่รู้จักเพลงบุษบา แสดงว่ามันเริ่มไกลแล้ว วันหนึ่งกลายเป็นเจเนอเรชั่นของเราที่คิดว่ากูแก่แล้ว ซึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมาถึงวันนี้ 

เพราะตอนเราเด็ก เราก็ไม่คิดเรื่องนี้นะ คือเราโตไปกับแฟนเพลง แล้วบังเอิญได้แฟนเด็กใหม่มาก็โชคดีไป ค่ายเบเกอรี่เดินทางมาถึงจุดที่เป็น เราเป็นนอสแทลเจีย (Nostalgia) ไปแล้ว ประเด็นว่าไม่ใช่ดีหรือไม่ดี เพราะผมมองว่าช่วงเวลานี้ เพลงในยุค 90s กลายเป็นคลาสสิกไปแล้วเหมือนครั้งหนึ่งที่เพลงยุค 70s และ 80s  คือตำนาน และเวลานี้มันเหมาะมากที่จะมีคอนเสิร์ต B-day ถ้าไปข้างหน้ามากกว่านี้มันอาจเริ่มหลุดไปแล้ว ถ้าจัดครั้งนี้คนดูสักสองสามหมื่นก็พอได้อยู่ ถ้าให้ 4-5 หมื่นเหมือนสมัยก่อนคงไม่ได้ และถ้าคอยนานไปกว่านี้ ส่วนตัวผม ความสนใจมันจะไปอยู่ที่อื่น

เราไม่ต้องทำก็ได้ที่จริง เพราะมันไม่ใช่ธุรกิจเราแล้ว แต่ถ้าทำ ก็ต้องทำในสิ่งที่ใช่และอยากทำ รอไปนานกว่านี้ แฟนเพลงที่อายุสัก 50 ปี คงไม่มีใครมาแล้ว ขนาดผมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีวงดนตรีดังๆ มาเล่นคอนเสิร์ตในบ้านเรา ผมยังขี้เกียจออกไปดู ไม่อยากขับรถออกไป ด้วยวัยที่มากขึ้นผมว่ามันเกี่ยว เราคุยกับบอยและสมเกียรติ (สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์)  เรื่องคอนเซปต์เราว่าไม่ต้องมีอะไรก็ได้ ให้มันเป็นการรำลึกหรือรียูเนียน ไม่จำเป็นต้องจ้างครีเอทีฟให้เปลืองตังค์เปล่าๆ ขอให้เพลงกับศิลปินมันใช่ ผมว่าคนหวังแบบนั้น 

ทำไมความสนใจของคุณมันถึงหายไป

ใช่ครับ มีช่วงหนึ่งที่ผมทิ้งวงการเพลงไปสิบปี ช่างแม่งเลย กีต้าร์มีอยู่ 55 ตัว ขายทิ้งไป คือตอนนั้นมันช่วงวิกฤตวัยกลางคน แต่ของผมมาเร็วตอนอายุ 35 ปี คือขายบริษัท ปิดห้องอัด ขายเครื่องดนตรี กูไปแล้ว ทำอย่างอื่น (หัวเราะ) มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ตลอดเวลานั้นเราคิดว่าจะออกจากมันไปได้อย่างไร เพราะเราเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เป็นรักแรกเหมือนแฟนคนแรก พอมันออกไปนานแล้วกลับเข้ามายากด้วยความรู้สึกเดิม ซึ่ง 5 ปีหลังค่อยๆ กลับมา ด้วยความที่เรามีลูกชาย (ใค แคลปป์ ลูกคนเล็กของสุกี้) ก็อยู่บ้าน ไม่รู้ทำอะไร ก็เลยได้กลับมาเล่นกีต้าร์อีกครั้งและเล่นมากที่สุดในรอบ 30 ปี กับอีกอย่างคือยกน้ำหนัก powerlifting ที่เราเคยเล่นตอนเด็ก ทั้งสองสิ่งเหมือนเป็นการทำให้ผมกลับไปเป็นวัยรุ่นช่วง 18-22 ปี ที่เอาจริงเอาจังทั้งการเล่นกีต้าร์และยกน้ำหนัก 

อยู่ดีๆ การเล่นกีต้าร์กับยกน้ำหนักก็ทำให้คุณเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง

เราอยู่บ้าน ด้วยลูกก็ยังเล็กเลยถูกบังคับให้เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ก็ไม่ได้ สมัยก่อนออกทริป 2 ครั้งต่อเดือน แต่ตอนนี้ผมก็พยายามอยู่บ้าน ก็เลยเล่นกีต้าร์ละกัน แล้วที่น่าสนใจคือการกลับมาเล่นของเราคือเล่นกีต้าร์โปร่งอย่างเดียวเลย โดยไม่แคร์ด้วยว่าจะเล่นดีหรือไม่ดี กลับมาสู่พื้นฐานสุดๆ แล้วเริ่มเล่นจากแนวบลูส์ ทั้งๆ ที่ในยุคผมมันต้องเฮฟวีเมทัล แต่ผมไม่เคยชอบมันเลย ส่วนการกลับไปยกน้ำหนัก เพราะเราอายุมากขึ้น เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ แล้วมันก็ใกล้บ้าน เป็นสิ่งที่เราชอบและอยากกลับไปทำจริงๆ 

ทุกคนบอกว่าผมไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แต่เข้าใจโลกมากขึ้น คุณรู้ไหมผมใช้เวลา 30 ปีกว่าจะเข้าใจวัฒนธรรมคนไทย เพราะเราโตมาแบบฝรั่ง เพิ่งเข้าใจในช่วงสิบปีหลังว่าระบบคนไทยคือระบบอุปถัมภ์ เพราะสมัยเด็กเราเป็นเด็กฝรั่ง แล้วแม่ก็ไม่ได้สอนเราตรงนั้น พออายุมากขึ้นเราเข้าใจแล้วว่าตรงนี้มันสำคัญ  

ผมมีแพสชั่นอยู่สามอย่าง คือกีต้าร์ ยกน้ำหนัก และมอเตอร์ไซค์ แต่ถ้าให้เลือกอย่างเดียวผมเลือกมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเรามาชอบตอนหลังที่ออกจากเบเกอรี่ เหมือนได้แฟนใหม่ ขนาดขายกีต้าร์ 55 ตัวมาซื้อมอเตอร์ไซค์ 10 คัน ทำแล้วมีความสุข มีแค่ผม มอเตอร์ไซค์ และถนน ทั้งสามอย่างมาเจอกันแบบไม่ต้องคิดอะไร เวลามันไหลไปเรื่อยๆ มันมีความพิเศษ และก็อิสระจริงๆ อย่างที่เขาบอกกัน ผมมีความสุขเวลาออกทริปแล้วไปในเส้นทางใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แล้วไม่ต้องไปกลุ่มใหญ่มาก ผมอยากไปขี่ ก็จะมีแค่ 6-8 คน ในกลุ่มผม ซึ่งไม่มีอะไรเทียบได้ กีต้าร์ก็เทียบไม่ได้ ได้ใช้ร่างกายด้วย เข้าป่าไปอยู่กับธรรมชาติ ไม่ซับซ้อนเท่าดนตรี แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ขี่เท่าไร เพราะมีลูก (หัวเราะ)

ทำค่ายเพลง ทำรายการทีวี ขี่มอเตอร์ไซค์ ทำรายการมวย เป็นผู้บริหารโรงแรม และอื่นๆ ในความหลากหลายที่คุณทำ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง 

สิ่งที่ผมเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองคือ ผมเป็นคนชอบสร้าง ไม่ชอบซื้อมาขายไป เช่น ทำเพลงก็สร้าง ทำโรงแรมเราก็สร้าง รายการทีวี เราก็สร้าง แต่ไม่ใช่ชอบการซื้อมาขายไป ให้ไปเล่นหุ้น อะไรแบบนี้ เพราะเราไม่ได้มองว่ามันยาก เราเริ่มต้นจากความชอบความอยาก ความจำเป็น ทำให้เราต้องสร้างสรรค์ ผมไม่เคยคิดจะทำค่ายเพลง แต่ในเมื่อค่ายอื่นมันไม่เข้ากับเรา ก็เปิดเองเลยละกัน อะไรแบบนี้

แล้วทุกอย่างที่ทำตอนออกจากวงการเพลงมันเหมือนการทำค่ายเพลงเลยนะ ไปทำโรงแรมเดอะสยาม ต้องไปคุมการก่อสร้าง มันก็จะมีดีไซเนอร์แบบน้อย (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) และก็มีฝ่ายการเงิน ซึ่งฝั่งออกแบบจะเอาแบบนี้ ส่วนการเงินก็คิดว่าต้นทุนจะคืนเมื่อไร มันก็เหมือนทำค่ายเพลงว่าจะต้องขายกี่ชุดถึงจะคุ้มทุน ผมเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างครีเอทีฟกับฝ่ายการเงิน ตอนทำ วัน แชมเปี้ยนชิพ นักมวยก็เหมือนศิลปินนักร้อง ทุกอย่างมันคล้ายกันหมด เพียงแต่มันปรับเปลี่ยนมาในรูปแบบอื่น 

ทุกวันนี้ยังนึกถึงเบเกอรี่อยู่ไหม

สำหรับผมมันผ่านไปแล้ว อยู่ในความทรงจำ ผมจะบอกตลอดว่าความหมายของมันคือช่วงเวลาที่ดวงดาวมาเจอกันพอดี แต่อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้ มันจะแตก แต่เมื่อไรที่เรียกกลับมาก็มาเจอกันใหม่ได้ มันไม่ค่อยมีอะไรแบบเบเกอรี่ เอาไปทำหนังยังได้เลย ตอนที่ทำไม่รู้ตัวนะ แต่พอมองย้อนกลับไปคือมันใช่ แบบเด็กๆ อายุ 22 ปี มาเจอกันแล้วทำค่ายเพลง มาเจอวิกฤตตอนอายุ 27 ปี หนี้สินเป็นล้าน เป็นไทม์มิงที่เกิดขึ้นมาพอดี 

แต่ถ้าให้กลับไปทำคงไม่แล้ว (หัวเราะ) มันเหนื่อยมากกับหลายอย่าง เหมือนชักเย่อที่คุณต้องรู้ว่าเมื่อไรใช้สมองหรือใช้ใจ อย่างตอนเราทำวงพรู มันประสบความสำเร็จมากนะ แต่เราโดนศิลปินคนอื่นในค่ายมองว่าก็ค่ายเพลงตัวเอง เอาน้องชายมาเป็นนักร้อง ออกอัลบั้ม แต่ผมไม่โกรธ เพราะนั่นคือความเป็นมนุษย์ แม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมน่าจะมีความสุขที่สุด เราต้องชกตัวเองตลอดเวลา จะทำอะไรก็เดี๋ยวโดนคนอื่นด่า ทำเอ็มวีก็ต้องใช้งบน้อยที่สุด 

แล้วความเป็นเพื่อนของคุณทั้งสามคนเป็นอย่างไรบ้าง

เราสนิทกันเหมือนมีสารเคมีที่ตรงกัน นอกจากเรื่องรสนิยมภายนอกแล้ว มันต้องมีแกนที่เหมือนกันด้วย ผมว่าสำคัญ วิธีคิดที่เหมือนกัน เรามองย้อนไปนี่ชัดเลยว่าวัฒนธรรมของเราไม่เหมือนคนอื่น ไม่ใช่ว่าดีกว่าหรือแย่กว่า เราอยู่ของเรา ไม่ได้ยุ่งกับใครเลย เรามีวิธีคิดแบบนี้ วัฒนธรรมแบบนี้ ศิลปินในค่ายก็จะมาโทนเดียวกันหมด คือเป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที ผม-บอย โกสิยพงษ์ และสมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ ค่อนข้างไม่เหมือนใครในวงการบันเทิงตอนนั้น แม้ทุกวันนี้ไม่ค่อยเจอกันแต่พอมาก็คลิก นั่งคุยกันเนี่ยผมว่าสองคนนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ แต่ผมเปลี่ยน ไม่รู้สิ คุณต้องไปถามพวกเขาว่าเปลี่ยนไปหรือเปล่า 

Fact Box

  • สุกี้บอกว่าในปีนี้จะมีคอนเสิร์ต B-day แน่นอน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี ซึ่งจะรวมศิลปินค่ายเบเกอรี่ไว้มากที่สุดครั้งหนึ่ง 
  • Gypsy Carnival เป็นไลฟ์สไตล์เฟสติวัล ที่เอาดนตรีกับมอเตอร์ไซค์มารวมกัน โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 5 ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 สถานที่คือต้นผึ้งฟาร์ม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ราคาบัตร : 1,500 บาท ซื้อบัตรได้ที่ : https://thaiticketmajor.com 
Tags: ,