‘IF YOU BELIEVE IN DEMOCRACY,
YOU’LL NEVER WALK ALONE’
ตอนที่เห็นภาษาอังกฤษประโยคนี้ครั้งแรกในเพจหนึ่งของกลุ่มนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยภายหลังที่ทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลได้แชมป์อย่างเป็นทางการไม่กี่วัน ทำให้ผมนึกถึงสโลแกนของร้านหนังสือฟิลาเดลเฟียที่ว่า
Those who read will never sleep alone.
คนที่อ่านหนังสือจะไม่มีวันนอนเดียวดาย
ผมรู้สึกทึ่งในความสร้างสรรค์ของกิจกรรมนี้ของนักศึกษา เพราะนี่เป็นไอเดียที่เท่มาก เท่และมีรากด้วย นั่นแสดงว่าเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นแฟนหงส์แดงหรือ Liverpool FC ไม่ใช่สักแต่เชียร์อย่างไร้ข้อมูลไร้ความรู้ เพราะมีไม่น้อยที่เชียร์ทีมรักจนหลงยกไว้เป็นสถาบันอันแตะต้องไม่ได้ โดยไม่เปิดหูเปิดตาหรือศึกษาที่ไปที่มา แบบนี้เรียกว่างมงาย งมงายแล้วก็จะคับแคบ คับแคบแล้ววิสัยทัศน์ก็จะต่ำ และการไร้ความสร้างสรรค์ก็จะตามมา
…
อาจด้วยเป็นคนสก็อตต์ที่โดยสภาพการณ์แล้วอยู่ภายใต้บังคับของอังกฤษและ/หรือความเข้าใจสภาพแวดล้อมของเมืองลิเวอร์พูลซึ่งเป็นเมืองท่าเป็นเมืองกรรมกร และยิ่งเมื่อเมืองแมนเชสเตอร์ขุดคลองสำเร็จ ท่าเรือก็ย้ายไปที่นั่น ชนชั้นกรรมกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของลิเวอร์พูลก็ยิ่งอดอยากยากไร้ลง
บิลล์ แชงค์ลี่ย์ จึงได้กล่าววาทะหนึ่งขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่มารับงานคุมทีมลิเวอร์พูลในทศวรรษ 1960 ซึ่งตอนนั้นทีมกำลังตกต่ำและผู้คนในเมืองกำลังสิ้นหวังว่า
“I believe the only way to live and to be truly successful is by the collective effort, with everyone working for each other, everyone helping each other, and everyone having a share of the rewards at the end of the day. That might be asking a lot, but it’s the way I see football and I see life.”
“ผมเชื่อว่ามีหนทางเดียวที่จะมีชีวิต และเป็นทางเดียวที่จะไปถึงความสำเร็จอย่างแน่นอน นั่นก็คือการร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกคนต้องทำงานเพื่อผู้อื่น ทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเมื่อวันแห่งการงานสิ้นสุดลง ทุกคนจักได้รับการแบ่งปันรางวัลที่ได้มา บางที นี่อาจเป็นคำขอที่มากเกินไป แต่นี่เป็นวิถีเดียวที่ผมเห็นฟุตบอลและชีวิต”
สิ่งที่บิลล์ แชงค์ลีย์ กล่าวประกาศนี้ก็คือ Socialist Ideals นั่นเอง แต่ในความเห็นของเขานี่ไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างเดียว ทว่ามันเป็นวิถีการดำรงชีวิต เป็นเรื่องมนุษยธรรม (“Socialism I believe in isn’t really politics. It is a way of living. It is humanity.”) ตรงนี้แหละที่แชงค์ลีย์ใช้เป็นอุดมการณ์เพื่อสร้างลิเวอร์พูลขึ้นมาเหมือนนกฟินิกซ์ที่เกิดใหม่จากกองเถ้าถ่าน นั่นคือการไม่ยอมจำนน NEVER GIVE UP!
และนี่ก็ได้กลายมาเป็น The Way หรือวิถีของ Liverpool FC มาตลอด
สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือคำพูดของ ปีเตอร์ มัวร์ คนเมืองลิเวอร์พูลที่ไปทำงานอยู่อเมริกาและมาเป็น CEO ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล (ภายหลังการได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019 – 2020 เขาก็หมดวาระ) ที่บอกว่า
“ความสำเร็จของลิเวอร์พูลมาจากความเป็นสังคมนิยม”
สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าระยะเวลาจะยาวนานเท่าไร อุดมการณ์นี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน
…
ในทางปฏิบัติ บิลล์ แชงค์ลีย์ ใช้แนวคิดสังคมนิยมนี้มาสร้างสรรค์ฟุตบอลในแบบของลิเวอร์พูลขึ้นมา นั่นคือการทำงานร่วมกันในสนาม
“ผ่านบอลและเคลื่อนที่ไปยังจุดที่เพื่อนร่วมทีมจะส่งลูกให้ได้”
“Pass the ball and move to make yourself available for a teammate.”
ในขณะที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันเปิดตัวอย่างชัดเจนว่า – – “ผมอยู่ฝั่งซ้าย ซ้ายมากกว่ากลาง…ความเข้าใจทางการเมืองของผมคือ หากผมมีชีวิตที่ดี ผมก็อยากให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีเช่นกัน…”
ปรัชญาในถ้อยคำของเจอร์เกน คล็อปป์ ก็ไม่ได้ต่างจากของ บิลล์ แชงค์ลีย์ จะว่าไป มันคือเป็นนิยามเดียวกันด้วยซ้ำ
ในวิถีแห่งฟุตบอล คล็อปป์ได้แปรอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายของเขาเป็นระบบการเล่นแบบ ‘เจอร์เก้นเพลสซิ่ง’ ซึ่งเป็นการพัฒนาฟุตบอลของลิเวอร์พูลไปอีกระดับ และนำมาซึ่งความสำเร็จอย่างที่เห็น ยุติการรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปี
และสิ่งที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ทีมสตาฟฟ์ เหล่านักเตะ และ The KOP ทุกคน พิสูจน์ให้เห็นในปีนี้ก็คือ พวกเขาสามารถทำความฝันที่ค้างคามาตลอดเวลาอันยาวนานให้จบในรุ่นของพวกเขา
…
ย้อนกลับไปที่คำประกาศอุดมการณ์ของบิลล์ แชงค์ลีย์ ที่วางรากฐานอุดมการณ์ให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่และมีเสน่ห์ที่สุดทีมหนึ่ง – –
“I believe the only way to live and to be truly successful is by the collective effort, with everyone working for each other, everyone helping each other, and everyone having a share of the rewards at the end of the day. That might be asking a lot, but it’s the way I see football and I see life.”
“ผมเชื่อว่ามีหนทางเดียวที่จะมีชีวิต และเป็นทางเดียวที่จะไปถึงความสำเร็จอย่างแน่นอน นั่นก็คือการร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกคนต้องทำงานเพื่อผู้อื่น ทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเมื่อวันแห่งการงานสิ้นสุดลง ทุกคนจักได้รับการแบ่งปันรางวัลที่ได้มา บางที นี่อาจเป็นคำขอที่มากเกินไป แต่นี่เป็นวิถีเดียวที่ผมเห็นฟุตบอลและชีวิต”
และหากเราลองมองย้อนกลับมาที่ #เยาวชนปลดแอก ที่ตอนนี้ขยายและพัฒนามาเป็น #ประชาชนปลดแอก แล้วถามตัวเองว่า
เราเห็นอะไร ?
จากนั้นเปลี่ยนคำว่า ‘ฟุตบอล’ และ ‘สังคมนิยม’ เป็น ประชาธิปไตย ดูสิ แล้วคุณจะเห็นเหมือนที่ผมเห็นไหมว่า เยาวชนที่มีมันสมองที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แบบนี้ได้ เราต้องยอมรับและให้ความเคารพสติปัญญาของพวกเขาอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงหัวจิตหัวใจของพวกเขา – นั่นมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน!
ผมลืมไป – – เจอร์เกน คล็อปป์ บอกไว้อีกประโยคว่า
“ในชีวิตนี้ผมจะไม่มีวันลงคะแนนเสียงให้กับฝ่ายขวา”
ทราบกันไว้ด้วยนะครับ
IF YOU BELIEVE IN DEMOCRACY, YOU’LL NEVER WALK ALONE.
อ้างอิง:
1 จากหนังสือสตาร์ ซอคเก้อร์ Liverpool Extra ทั้งหมดในรูป
2 https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=162656688747064&id=100050082003967
Tags: ประชาธิปไตย, ลิเวอร์พูล, คนขายหนังสือ