เมื่อพูดถึง ‘ฤดูร้อน’ ของญี่ปุ่น เสียงที่ตามมาล้วนเป็นเอกฉันท์ว่าให้หนีไปปปปป ด้วยความที่ซัมเมอร์บ้านเขานั้นโหดร้ายกว่าบ้านเราเสียอีก เป็นร้อนแบบอบอ้าวสะสมเหงื่อ ประหนึ่งอยู่ในซาวน่าตลอดเวลา จะมีแค่โซนเหนือสุดอย่างฮอกไกโดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปช่วงหน้าร้อน เนื่องด้วยอากาศที่กำลังสบาย (แต่หลังๆ มาเดายาก อากาศแปรปรวนเหลือเกิน) แถมยังเป็นช่วงพีคของดอกลาเวนเดอร์ ฟาร์มดอกไม้ต่างๆ จึงเนื่องแน่นไปด้วยผู้คน ท็อปทรีสามสัญชาติได้แก่ จีน เกาหลี และไทย
ผู้เขียนมีโอกาสไปท่องเที่ยวฮอกไกโดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าทำตัวแมสๆ ไปดูดอกไม้ตามฟาร์มนั่นนี่จนเอียนกันไปข้าง แต่ก็แบ่งตารางไปสอดส่องศิลปะตามพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ด้วย ต้องพูดตามตรงว่าอาร์ตซีนของฮอกไกโดนั้นสู้เมืองหลวงอย่างโตเกียวไม่ได้แน่นอน ทว่า ‘ของดี’ ก็มีไม่น้อย ดังนั้นจึงขอแนะนำที่น่าสนใจในสามเมืองหลัก ซัปโปโระ อาซาฮิคาวะ ฮาโกดาเตะ โดยมีทั้งงานชั่วคราวและถาวรครับ
Sapporo
เมืองหลวงของจังหวัดฮอกไกโดที่ใครๆ ต้องมา ของขึ้นชื่อหนีไม่พ้นเบียร์โลโก้รูปดาวและมิวเซียมเบียร์ Sapporo Beer Museum แต่สำหรับคอศิลปะแล้วสถานที่ห้ามพลาดที่ต้องถ่อไปสักกาะให้ได้คือ Hill of the Buddha ที่ออกแบบโดยเสด็จพ่อ ทาดาโอะ อันโด สถาปนิกชื่อก้องระดับโลก
Hill of the Buddha ตั้งอยู่ในสุสาน Makomanai Takino Cemetery เพิ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อปี 2015 นี่เอง จุดเด่นคือพระพุทธรูปที่สูงถึง 13.5 เมตร แต่แทนที่เข้าไปแล้วจะได้เห็นพระพุทธรูปแบบเต็มๆ คุณอันโดทำเก๋ด้วยการสร้างเนินเขาทรงโดมล้อมพระพุทธรูปเอาไว้และให้เฉพาะส่วนศีรษะของพระพุทธรูปโผล่พ้นจากเนินเขา ความเก๋ที่สองคือหากไปในช่วงหน้าร้อน โซนเนินเขาจะเต็มไปด้วยดอกลาเวนเดอร์กว่า 150,000 ต้น ความเคร่งขรึมแบบพุทธกับสีสันสดใสของดอกไม้มาอยู่รวมกันได้อย่างน่าประหลาด
ส่วนด้านในของ Hill of the Buddha ด่านแรกจะเจอกับลานโล่งที่เป็นสระน้ำขนาดยาว หากวันไหนอากาศแจ่มใส่ภาพท้องฟ้าจะสะท้อนลงในสระน้ำ และข้างในสุดจะเป็นพระพุทธรูปใหญ่โตตั้งตระหง่าน ข้างบนมีช่องว่างให้แสงอาทิตย์ส่องลงมา การเล่นกับแสงเป็นธีมที่ปรากฏในงานของอันโดอยู่เสมอ (งานที่โดดเด่น เช่น Church of the Light ที่โอซาก้า และ Akita Museum of Art) ต้องขอบอกว่าพอได้มายืน ณ ตรงนั้นก็ให้ความรู้สึกขลังทีเดียว อีกแง่คือปลื้มใจที่มาถึงจนได้ ดูรูปผ่านกูเกิ้ลมาตั้งหลายปี (ฮา)
ไม่ไกลจาก Hill of the Buddha เป็นที่ตั้งของ Sapporo Art Park สวนศิลปะสำคัญของเมืองนี้ ภายในจะมี Sapporo Art Museum แต่ช่วงที่ผู้เขียนไป ตัวนิทรรศการไม่ค่อยโดนใจนัก บริเวณใกล้เคียงยังมี Sappro Sculpture Garden สวนกลางแจ้งที่มีงานประติกรรมถึง 74 ชิ้นจาก 64 ศิลปิน ฟังแล้วอาจรู้สึกท้อ แต่ความจริงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็สามารถเดินซอกแซกจนดูครบได้ ส่วนชิ้นงานป๊อปที่สุดน่าจะเป็น You’re my chair, I’m yours ของชิเกโอะ ฟุคุดะ เจ้าพ่อประติมากรภาพลวงตาที่เป็นคนสีเหลืองนั่งซ้อนต่อกันไปเรื่อยๆ (แต่ผู้เขียนเห็นแล้วดันนึกถึงหนัง The Human Centipede)
อย่างไรก็ดี สถานที่ที่เซอร์ไพรส์ผู้เขียนที่สุดคือ Migishi Kotaro Museum of Art มิวเซียมที่รวบรวมผลงานของ โคทาโร่ มิกิชิ จิตรกรที่เกิด ณ เมืองซัปโปโระและเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น ตัวนิทรรศการจัดแสดงงานตามลำดับเวลา งานช่วงแรกเป็นภาพวาดที่ไม่ได้แปลกแตกต่างเท่าไร แต่แล้วในช่วงกลางของอาชีพ อยู่ดีๆ มิกิชิก็หันไปวาดภาพตัวตลกอันแสนหลอกหลอน คำอธิบายบอกว่ามิกิชิเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ ได้ดูคณะละครสัตว์ที่นั่น และหลังจากนั้นงานของเขาก็เปลี่ยนไปเลย (เหวอ) ถึงกระนั้นเป็นความรู้สึกดีที่ได้ทำความรู้จักกับศิลปินที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
Asahikawa
เมืองอาซาฮิคาวะเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฮอกไกโด แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มองมันในฐานะทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังฟาร์มดอกไม้ในเมืองบิเอะและฟุราโนะ ทั้งที่จริงแล้วอาซาฮิคาวะเองมีของขึ้นชื่ออยู่เหมือนกัน เด่นๆ คือราเม็ง ถึงขนาดมี Ramen Village ที่รวมราเม็งรสเด็ดหลายร้านไว้ในที่เดียวกัน
ส่วนมิวเซียมประจำเมืองอย่าง Asahikawa Museum of Art ต้องสารภาพว่าผู้เขียนเดินเข้าไปอย่างไม่คาดหวังอะไรเลย แต่ปรากฏว่าโชคดีมากว่าที่นี่กำลังมีนิทรรศการ Present-day British Automata : Paul Spooner and His Contemporaries (แสดงถึง 1 กันยายน 2019) ซึ่งเป็นงานที่เคยจัดที่โตเกียวตั้งแต่ปี 2016 จากนั้นก็หมุนเวียนไปยังภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่น
พอล สปูนเนอร์ เป็นศิลปิน automata คนดัง งานแนวนี้คือการสรรค์สร้างโมเดลไม้ที่ประกอบด้วยฟันเฟืองและกลไก อย่างในงานนี้จะมีตู้กระจกของโมเดลกว่า 30 ตัว เมื่อเรากดปุ่มค้างไว้จะเป็นการไขลานและหุ่นพวกนี้จะขยับ ต้องขอเตือนว่างานนี้อาจจะไม่ได้เหมาะน้องๆ หนูๆ นัก เนื้อหาในงานของสปูนเนอร์จะออกไปทางแดกดัน ตลกร้าย และหลอกหลอน ประเภทหุ่นแม่บ้านที่ทำงานบ้านจนตัวตายเป็นต้น งานของเขาชวนให้นึกถึงหุ่นเชิดสุดเฮี้ยนของ Quay Brothers อยู่เหมือนกัน (น่าเสียดายว่าในงานห้ามถ่ายรูป ดูคลิปเพิ่มเติมได้ที่นี่จ้ะ)
อีกหนึ่งไฮไลต์ห้ามพลาดของอาซาฮิคาวะคือสวนสัตว์ Asahiyama Zoo …คุณผู้อ่านอาจสงสัยว่าอีตาคนเขียนเบลอหรือเปล่า มันเกี่ยวอะไรกับศิลปะ คำตอบคือสวนสัตว์แห่งนี้เขามีไอเดียที่ดีมากในการจัดดิสเพลย์ สัตว์หลายตัวจะไม่ได้แค่อยู่ในกรงโดดๆ แต่จะมีโซนเฉพาะของตัวเองที่เรียกว่า Museum อาทิ Polar Bear Museum หรือ Penguin Museum เป็นต้น นอกจากเหล่าสรรพสัตว์ ก็จะมีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์นั้นๆ ความน่ารักคือเขาใช้ฟอนต์ลายมือหรือป้ายบางแผ่นก็เขียนด้วยมือจริงๆ พวกสัตว์ที่ได้รับความนิยมจะมีภาษาอังกฤษด้วย
ความดีงามอีกอย่างของ Asahiyama Zoo คือแนวคิดที่น่าจะคล้ายกับ Singapore Zoo เน้นเรื่องความใกล้ชิดกับสัตว์ โซนสัตว์ดุร้ายจะเน้นกระจกใส ส่วนโซนสัตว์ไม่ดุร้ายบางอันจะไม่มีกรงหรือรั้วกั้น เช่น โซนแพนด้าแดง (ต้นแบบของ Aggretsuko) ที่น้องๆ พร้อมใจกันออกมาโชว์ตัว แต่ถ้ามันเกิดเฮี้ยนกระโดดกัดคนดูก็ตัวใครตัวมันจ้า
Hakodate
เมืองทางใต้สุดของเกาะฮอกไกโดที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดด้วยความเป็นเมืองติดทะเล หรือหลายคนมาเพื่อตามรอยหนังญี่ปุ่นเรื่องดัง If Cats Disappeared from the World (2016) ที่ถ่ายทำในเมืองนี้
สำหรับคนที่ชอบงานป๊อปๆ ดูไม่ยาก ไม่ควรพลาดนิทรรศการ Alfons Mucha’s Women ที่ Hakodate Museum of Art (แสดงถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2019 / ในงานห้ามถ่ายรูป) โดย อัลโฟนส์ มูคา (1860-1939) เป็นศิลปินชาวเช็กที่มีบทบาทสำคัญต่อศิลปะนวศิลป์ (Art Nouveau) สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาคือการวาดภาพผู้หญิงในแบบสวยหวานแฟนตาซี (ลองกูเกิ้ลชื่อเขาดูสิ งานเหมือนพวกการ์ตูนตาหวานเลย)
มูคาสร้างงานหลายแบบทั้งภาพพิมพ์ โปสเตอร์ ปฏิทิน ภาพประกอบหนังสือ งานของเขาถือเป็นพาณิชย์ศิลป์อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ดี ภาพที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดเป็นผลงานช่วงแรกในชีวิตของมูคา เป็นภาพวาดที่ดูแทบไม่ออกว่าคืออะไร แต่คำอธิบายบอกว่ามันคือการวาดภาพ Julinka ผู้หญิงซึ่งเป็นรักแรกของเขา เป็นภาพที่วาดไม่เสร็จดี (unfinished) เนื่องจาก Julinka ตายตั้งแต่อายุ 25 ปี ศิลปินเลยเลือกจะคงภาพไว้เช่นนี้
เป็นเรื่องพิศวงดีเหมือนกันที่งานที่ไม่สมบูรณ์กลับสร้างอิมแพ็คต์กับผู้ชมได้อย่างมหาศาล
วิธีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
- Hill of the Buddha : รถใต้ดินสถานี Makomanai แล้วต่อรถเมล์สาย 108
- Sapporo Art Park : จาก Hill of the Buddha นั่งรถเมล์สาย 108
- Migishi Kotaro Museum of Art : รถใต้ดินสถานี Nishi-Juhatchome
- Asahikawa Museum of Art : เดินจากสถานี Asahikawa ประมาณ 20 นาที
- Asahiyama Zoo : ขึ้นรถเมล์ป้ายเบอร์ 6 ที่สถานี Asahikawa ใช้เวลาราว 40 นาที
- Hakodate Museum of Art : รถรางสถานี Goryokaku-koen-mae