หากเย็นนี้คุณกำลังติดฝนอยู่ไม่ไกลจากห้าแยกลาดพร้าว และยังไม่แน่ใจว่าควรฝ่าฝนออกไปเรียกรถหรือพักรออีกหน่อยให้สายฝนเบาเม็ด ลองเดินทะลุทางเดินรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพหลโยธินและเลือกออกประตู 2 ก่อนเดินย้อนมาหน่อยจะเห็นร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่มุมเล็กๆ ซึ่งถ้าหากเงยหน้ามองขึ้นไปจะพบกับป้ายร้านสีแดง ฟร้อนท์ตัวหนังสือสีขาวเขียนชื่อร้านว่า ‘Highland Cafe’
Highland Cafe เกิดจากการตัดสินใจทำงานร่วมกันอีกครั้งของแอดมินเพจ ‘กัญชาชน’ ทั้งสี่คน ได้แก่ ไกด์ – รัฐพล แสนรักษ์, วัฒน์ – ชัยวัฒน์ บานใจ, คิตตี้ – ช่อขวัญ ช่อผกา และ แม็กซ์ – อรัญ เอเวอรี่
(แม็กซ์ – อรัญ เอเวอรี่)
(คิตตี้ – ช่อขวัญ ช่อผกา และ ไกด์ – รัฐพล แสนรักษ์)
แม็กซ์ เล่าให้เราฟังว่า โปรเจคท์ Highland Cafe ของพวกเขา เริ่มต้นขึ้นอย่างง่ายดายจนน่าประหลาด ขณะที่กำลังล้อมวงคุยกันในร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง อยู่ดีๆ ใครสักคนในวงก็พูดเรื่องร้านกาแฟขึ้นมาและทุกคนก็เกิดอาการเออออและพร้อมลุยด้วยกันในทันที จนเกิดเป็นร้านกาแฟข้างต้นในเวลาต่อมา
ซึ่งหากใครที่เคยเดินทางไปเยี่ยมชมเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ คงจะเคยเห็น CoffeeShop ซึ่งมีกัญชาหลากสายพันธุ์จำหน่ายควบคู่ไปกับกาแฟและขนมหวานของทางร้าน แต่ด้วยความเคารพในข้อจำกัดทางกฎหมายของเมืองไทย Highland Cafe จึงเป็นเพียงแต่ชื่อที่หยิบยกมาล้อกับชื่อเพจกัญชาชนเท่านั้น ไม่มีสิ่งของเหนือกฎหมายใดๆ จำหน่ายทั้งนั้น
ย้ำอีกครั้ง! ไม่ว่าหน้าบาร์ หลังครัว ชั้นสอง หรือบนฝ้าของ Highland Cafe ก็ไม่มีของผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น
สิ่งเดียวที่พวกเขามีพร้อมให้ คือความรู้อย่างลุ่มลึก และพร้อมแบ่งปันอย่างเต็มที่ในทุกแง่มุมของกัญชา ซึ่งถ้าคุณกำลังมีคำถามเกี่ยวกับพืชชนิดนี้ ไม่ว่าจะในมิติของ วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การลงทุน โมเดลต่างประเทศ เกษตรกรรม ปรัชญา ประวัติศาสตร์ การเมือง กฎหมาย เรารับประกันว่าพวกเขามีเรื่องเล่าให้คุณฟังได้ 3 วัน 3 คืนยังไม่รู้หมด หรือใครอยากพูดคุยนอกเรื่องไปบ้างอย่าง น้ำท่วม ส้วมตัน รถติด หรือความรัก พวกเขาทุกคนก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ รับฟังและปลอบประโลมคุณ ด้วยมุกตลกแพรวพราว
ความตั้งใจจริงของพวกเขา คืออยากให้ Highland Cafe เป็นพื้นที่เปิดสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิด ล้อมวงพูดคุย ทำความรู้จักคนแปลกใหม่ ตลอดจนร่วมมือกันริเริ่มทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาก็เล่าให้เราฟังว่า ก่อนหน้าที่เราเดินทางมาเยือนเพียงไม่กี่วัน มีนักศึกษาแพทย์และเภสัชกลุ่มหนึ่ง ได้มารู้จักกันที่ร้านแห่งนี้ ก่อนที่บรรยากาศจะพัดพาให้เริ่มสนิทสนมกัน จนกระทั่งชวนกันทำธีสิสเรียนจบในหัวข้อที่เชื่อมโยงถึงกัน
และสำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลของกัญชาในเชิงลึก ทางทีมงานกัญชาชนจะมีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับพืชชนิดดังกล่าวในทุกๆ ช่วงค่ำประมาณ 18.00 น. ของวันอังคาร ซึ่งเราได้มีโอกาสไปมาครั้งหนึ่ง บอกได้เลยว่า เป็นวงสนทนาที่สนุกและมีบรรยากาศเป็นกันเองมาก โดยหัวข้อสนทนาจะโคจรหมุนไปในทุกแง่มุมที่มีกัญชาเป็นศูนย์กลาง ไล่เรียงทุกเรื่องตั้งแต่ โมเดลทางธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์และศิลปะ ประวัติศาสตร์ การเมือง การเกษตรกรรม
บริเวณหน้าบาร์ของร้านมีชั้นวางเล็กๆ สำหรับตั้งโชว์อุปกรณ์เกี่ยวกับกัญชาที่พวกเขานำมาจากต่างประเทศ เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้สนใจเรื่องของกัญชา รวมถึงยังมีสินค้าจากทางเพจกัญชาชนวางจำหน่ายอยู่ อาทิ สติกเกอร์ เสื้อยืด ถัดมานั้น มีแมกกาซีนและหนังสือจากต่างประเทศนอนเรียงรอผู้สนใจมาหยิบอ่าน
ชั้น 2 ของ Highland Cafe ค่อนข้างเป็นมุมที่สงบ เหมาะแก่การนั่งทำงาน หรือชวนเพื่อนกลุ่มเล็กๆ มาสนทนากัน เพราะนอกจากบรรยากาศที่ค่อนข้างมีความส่วนตัวแล้ว ชั้น 2 ของร้านยังมีระเบียงเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกระถางต้นไม้ซึ่งพวกเขาร่วมกันปลูก เพื่อเป็นมุมยืดเส้นยืดสาย หรือสูดอากาศ
สำหรับเมนูที่เราขอแนะนำเป็นพิเศษ ได้แก่ ชีสเบอร์เกอร์เนื้อแป้งโฮมเมด รสชาติของชีสที่ถูกความร้อนในระดับที่พอดีหลอมละลายจนเป็นหนึ่งเดียวกับความฉ่ำของเนื้อที่ถูกปรุงอย่างเชี่ยวชาญ โดยฝีมือแม่ครัวที่ทางกลุ่มกัญชาชนไปแอบจีบมาจากภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ผักกาดและมะเขือเทศกรอบสดทำหน้าที่ตัดความมันจากเนื้อและชีสได้เป็นอย่างดี พวกเขายังแอบกระซิบให้เราฟังอีกว่า ทางร้านได้ใส่ส่วนผสมพิเศษลงไปในเนื้อแป้งแบบโฮมเมด เพื่อเพิ่มความกรอบและกรุบกริบอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ชีสเบอเกอร์เท่านั้นที่ทางร้านทำได้อร่อยจนตาลอย ไส้กรอกเยอรมันเนื้อและแกะโฮมเมดที่เสิร์ฟมาพร้อมมัสตาร์ดดิฟ ทานคู่กับแตงกวาดองก็นับว่าอร่อยจนอยากขอเพิ่มขอเติมอีกสักชิ้น และถ้าได้กินเป็นกับแกล้มคู่กับเบียร์ดุงเคลสักไพน์ รับรองว่าคืนนั้นคงหลับสบาย
นอกจากเมนูอาหารอเมริกันดั้งเดิมที่ใช้วัตถุดิบชั้นยอด และผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถัน แม่ครัวคนเก่งของทางร้านยังสามารถรังสรรค์เมนูอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สปาเกตตีผัดขี้เมา สปาเกตตีต้มย้ำกุ้ง ตลอดจนอาหารทานเล่นสุดคลาสิคของไทยอย่าง เอ็นข้อไก่ทอด หมูย่าง และยำทะเลรสนัว
สำหรับเครื่องดื่ม หากใครไม่ใช่คอกาแฟ เราขอแนะนำเป็นเมนู Mango Smoothies เนื้อมะม่วงอกร่องหอมสุกที่คัดสรรมาจากฟาร์มออแกนิก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำก่อนนำลงไปปั่นให้เข้ากันอย่างประณีตบรรจง เกร็ดความรู้เล็กน้อยของเมนูนี้ คือมะม่วงทุกชนิดมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า myrcene สารชนิดนี้เปรียบดั่งรถขนส่งที่นำพาสารแคนนาบินอยด์ให้เข้าสู่ร่างกายเราได้ดีขึ้น นานขึ้น และรวดเร็วขึ้น หรือพูดกันไม่อ้อมค้อม คือฮายด์มากขึ้นนั้นเอง
(Mango Smoothies – ภาพจากเพจ Highland Cafe)
นอกจาก Mango Smoothies ซึ่งเป็นทีเด็ดของทางร้านแล้ว โกโก้เย็นโรยธัญพืชลึกลับ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เราประทับใจ เพราะมีความแปลก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร
ทั้งนี้ หากบทสนทนาล่วงเลยจนอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทางร้านก็มีเบียร์แทปหลากชนิด หลายสไตล์มาเสิร์ฟให้เลือกชิมกัน ซึ่งแต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป และหากินไม่ใช่ง่ายจากที่อื่น
แต่เอาจริงๆ แล้ว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Highland Cafe เป็นความใส่ใจต่อแขกผู้มาเยือนอย่างเท่าเทียมกันเสียมากกว่า เพราะเมื่อก้าวผ่านกระถางต้นเฟิร์นที่แขวนประดับประดาอยู่เหนือประตูร้านแล้ว คำทักทายและบทสนทนาอย่างเป็นกันเองจะเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนได้รับ รวมทั้งความรู้สึกเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่รั้งคุณไว้ให้ติดหนึบอยู่ในร้านเช่นกัน
คุณอาจจะเดินหลงทางมาถึง Highland Cafe เพียงคนเดียว แต่เมื่อก้าวออกไปแล้ว มิตรภาพคือสิ่งที่คุณจะได้ติดตัวกลับบ้านอย่างแน่นอน นี่คือคำกล่าวและความจริงใจจากทีมงาน Highland Cafe ทุกคน
Fact Box
- Highland Cafe ตั้งอยู่ตรงข้ามยูเนี่ยน มอลล์ ใกล้กับห้าแยกลาดพร้าว หรือขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดิน(MRT) พหลโยธิน ประตู 2 เปิดบริการทุกวันเวลา 11.00 - 00.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Highlandcafebkk