ในบางครั้งที่ห้องพัก บ้าน หรือที่ทำงาน อาจไม่ใช่คำตอบของที่ที่สบายที่สุด เราอาจอยากหาพื้นที่หลบผู้คน หรือนั่งพักผ่อนคุยกับตัวเองและเพื่อนฝูง แม้สถานที่เหล่านั้นจะมีอยู่มากมายในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ แต่ในซีรีส์ The Hidden Places นี้ The Momentum อยากเล่าเรื่องของผู้คนที่สร้างพื้นที่ขึ้นมาเพื่อให้คนได้มาพักใจ พูดคุย หรือนั่งดื่มด่ำบรรยากาศ

หลากหลายพื้นที่ หลากหลายเป้าหมาย แต่ทั้งหมดนั้นเหมาะแก่การหลีกเร้น เป็นที่ลับในการสร้างพื้นที่ชั่วคราวของเรา หนึ่งในนั้นคือร้าน Fathom bookspace

นอกจากบ้านของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ตลาด และ Smalls บาร์แจ๊ซกะทัดรัด ที่ซอยสวนพลูยังมีร้าน Fathom bookspace ตั้งอยู่ด้วย

เป็นร้านหนังสือ เป็นที่ทำเวิร์กช็อป เป็นร้านกาแฟ และยังเป็นที่เล่นเปียโนได้ด้วย

ร้านคูหาเดียวที่ดูเหมือนเล็กเมื่อมองจากข้างนอก กลับดูกว้างขวางขึ้นทันทีเมื่อเปิดประตูเข้าไป ไม่ว่าจะด้วยแสงสว่างจากในร้าน การจัดวางหนังสือ หรือเพราะรอยยิ้มของเจ้าของร้าน

ชั้นหนึ่งเปิดเป็นพื้นที่นั่งดื่มบทสนทนาและกาแฟ ชั้นสองปล่อยให้นอนอ่านหนังสือสบายๆ ส่วนชั้นสามมีไว้เพื่อจัดกิจกรรมเวิร์กช็อป ก่อนหน้านี้ไม่นาน สองสาวเจ้าของร้าน Fathom เพิ่งจัดเวิร์กช็อปการออมเงิน, หนังสือมนุษย์, โยคะ, บอร์ดเกม, เล่านิทาน หรือแม้แต่ชวนคนมาคุยเรื่องสมุดบันทึก ที่น่าสนใจคือร้านเปลี่ยนธีมไปเรื่อยๆ ล่าสุดมีชื่อธีมเท่ๆ ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2017 ว่า ‘Wake Me Up When Yesterday Ends’ ชวนสำรวจร่องรอยความไม่สมบูรณ์แบบของคน สิ่งที่พวกเธอทำคือการหยิบเอาเรื่องนามธรรมเหล่านี้ มาจัดกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมได้อย่างน่าชื่นชม

เรานัดคุยกันในบ่ายวันฝนตก ฟ้าครึ้มกว่าเวลาจริงมาก ป่าน – ภัทรอนงค์ สิรีพิพัฒน์ และ กุ๊กไก่ – ขนิษฐา ธรรมปัญญา เจ้าของพื้นที่อบอุ่นเริ่มต้นด้วยการเสิร์ฟน้ำเปล่า มีเสียงเปียโนจากลำโพงคลอเบาๆ ตลอดการสนทนา

“มันเริ่มจากเวลาเราอ่านเฟซบุ๊กแล้วเห็นดรามาเกิดขึ้นง่ายมากเลย ทำไมเราด่ากันได้ง่ายขนาดนี้ ทำไมเราถึงได้อยู่ในสังคมที่ขาดความใส่ใจในสิ่งที่ควรใส่ใจขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือสิทธิขั้นพื้นฐาน” ป่านพูดถึงที่มาของการทำร้าน และอาจเพราะเป็นคนทำหนังสือ เธอจึงเลือกทำสิ่งที่ตัวเองถนัดและเข้าใจ

“เรารู้สึกว่าจริงๆ คนเราควรอ่านหนังสือ คือไปสู่จุดเริ่มต้น ทำยังไงให้คนได้รับ mindset บางอย่าง ที่จะเห็นคนอื่น เห็นตัวเอง เห็นสังคม ยินดีที่จะอยู่ในความหลากหลาย หรือว่าเป็นคนที่ใจดีกับคนอื่นได้มากขึ้น แล้วเราก็คิดว่าเครื่องมือที่เรารู้จักอาจช่วยให้คนใจดีกับคนอื่นและสังคมได้ หนึ่งในนั้นก็มีหนังสือ ศิลปะ และกระบวนการเรียนรู้ จนเกิดมาเป็นร้านนี้ ซึ่งเป็นลูกผสมของสามอย่าง มันก็จะออกมาเป็นเวิร์กช็อปหรืองานพูดคุยรูปแบบต่างๆ ซึ่งงานพูดคุยที่้ร้านก็จะเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนจริงๆ ที่ไม่ใช่งานเสวนา”

“เราเปลี่ยนธีมทุกสองเดือนเพราะเราคาดหวังว่ามันน่าจะทำให้หนังสือดีๆ ที่ไม่ค่อยได้ถูกเห็น ได้มีคนมาเห็นใหม่อีกครั้ง แล้วก็ทำให้เรื่องที่คุยยาก หยิบยกมาคุยได้ง่ายขึ้น หลายมุมมากขึ้นผ่านกิจกรรมและหนังสือไปพร้อมๆ กันในช่วงธีมนั้น”

เช่นเดียวกับกุ๊กไก่ – ขนิษฐา ที่ทำงานด้านละครและชุมชนมาก่อน ก็สนใจเรื่องการใช้ ‘พื้นที่’ ของมนุษย์กับมนุษย์ เธออธิบายเรื่องการจัดวงสนทนาได้อย่างเห็นภาพ

“เราพยายามชวนคุยหรือทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ใครก็ควรจะรับรู้เรื่องแบบนี้ได้ เข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ ซึ่งก็มีหลายครั้งเวลาที่ป่านบอกว่าเราจัดธีม มันก็จะมีนิทรรศการเล็กๆ ให้คนได้มีส่วนร่วม เราพยายามแปลงสิ่งยากๆ เหล่านั้นให้เป็นคำถามง่ายๆ ให้เขาได้มีโอกาสได้คุยกับตัวเอง หรือว่ามองเห็นคนอื่นๆ รอบๆ ข้าง ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นคำถามที่เขาไม่เคยรู้จัก เช่น ธีมเสียงที่เธอนั้นไม่ได้ยิน เราก็พูดถึงเสียงหลายๆ แง่มุม เช่น เสียงภายในตัวเอง เสียงธรรมชาติ เสียงของสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ อีกอันนึงคือเสียงของคนที่เราไม่คุ้นเคย เสียงของคนที่เราคุ้นเคย เสียงของคนรักเราอยู่ใกล้ตัว เราเคยได้ยินจริงๆ มั้ย

“หรือว่า เสียงของคนที่เป็นคนเล็กคนน้อย คนที่เราไม่รู้จัก เราก็ใช้คำถามว่า เวลานึกถึงคนชายขอบ สิ่งแรกที่เแว้บขึ้นมาในหัวคืออะไร แล้วสิ่งที่สองล่ะคืออะไร ก็มีหลายคนนะที่มาถามเราว่าคนชายขอบแปลว่าอะไร ไม่ใช่น้อยๆ ด้วยที่ถาม เออ เราก็ว่าน่าสนใจ คำถามนี้มีประโยชน์ ทำให้คนได้คุยกัน แล้วก็ได้เริ่ม เอ๊ะ มันคืออะไรนะ แว้บแรกอาจจะเป็นความสงสาร แว้บที่สองอาจจะเป็นแบบ เฮ้ย แล้วเราทำอะไรได้บ้าง ถ้ามันมากพอจนเขาเกิดอยากรู้ต่อขึ้นมา มีหนังสือให้อ่าน มีเวิร์กช็อปให้เข้า มีวงคุยให้ไป ก็น่าจะดี”

ในวันธรรมดาที่ไม่มีเวิร์กช็อป ที่้นี่ก็มีชาและกาแฟขาย ซึ่งก็มีเมล็ดกาแฟแบบใหม่มาให้ลองเรื่อยๆ และหากใครอยากดื่มกาแฟแต่ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดี คุณสามารถสั่งตามอารมณ์ได้เลย เช่น ขอกาแฟที่ให้ความรู้สึกมั่นคง หรือ ขอกาแฟที่ออกเปรี้ยวพอให้สดชื่น หลังจากนั้นเจ้าของร้านจะแปลงสารของคุณกลายมาเป็นกาแฟดริปรสเยี่ยมที่คาดเดาไม่ได้ บทสนทนาดำเนินไปถึงครึ่งทางและฝนยังไม่หยุดตก เราจึงสั่งกาแฟที่ให้ความรู้สึกไม่เปียกแม้ในวันชุ่มฉ่ำแบบนี้

ป่านเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำกาแฟมาทำให้ดูตรงหน้า อีกไม่กี่นาทีเมล็ดกาแฟจากโรงคั่วที่เชียงใหม่กำลังจะกลายเป็นกาแฟหอมกรุ่นที่ช่วยเติมเต็มยามบ่ายให้สมบูรณ์ ระหว่างที่กาแฟค่อยๆ หยดลงบนแก้ว เราคุยกันเรื่องหนังสือ และลูกค้าที่มาในร้าน มีหลายเรื่องที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจ ชายวัยทำงานผู้เข้ามาในร้านเพื่อนั่งห่อหนังสือ หญิงสาวคร่ำเคร่งเข้ามาหาหนังสืออ่านสักเล่มแล้วจากไปด้วยรอยยิ้ม หรือเด็กสักคนที่เข้ามาเพื่อบรรเลงเปียโน พื้นที่ตรงนี้เปิดกว้างให้ผู้คนมาวางหัวใจ นั่งปล่อยหัวให้โล่ง อ่านหนังสือและดื่ม พูดคุยกับเจ้าของร้าน หรือผล็อยหลับไปกับหนังสือบนอก

“เราก็เคยตั้งคำถามนะว่าสิ่งที่เราทำเล็กไปมั้ย ทันการณ์มั้ย แต่เราก็คิดว่าสิ่งเล็กๆ แบบนี้เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆ เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นจากสิ่งเล็กๆ แบบนี้ได้บ้าง แต่เรารู้ว่าทำยังไงให้สิ่งเล็กๆ แบบนี้เกิดขึ้นเยอะที่สุด แล้วก็ทำยังไงให้มันใหญ่ให้ได้” ป่านพูด

“ซึ่งเรารู้สึกว่าเรื่องเล็กๆ มันมีผลกับชีวิตมากเหมือนกัน” กุ๊กไก่เสริม

กาแฟหยดจนเต็มกาแล้ว เมื่อเทลงบนแก้วเกิดเป็นควันเบาบาง ฉันสูดกลิ่นกาแฟเข้าไปเต็มปอด พลังของหยดเล็กๆ เมื่อรวมกันก็ทำให้หัวใจเต้นแรงได้เหมือนกัน

 

ภาพถ่ายโดย สิทธิพงษ์ ติยะวรากุล

FACT BOX:

สาทรซอย 3 (ซอยสวนพลู) ร้านอยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจ ติดธนาคารออมสิน
เปิดเวลา 10.00 – 20.30 น. (ปิดวันพุธ)
Facebook : Fathom bookspace

Tags: , , , , ,