1.

“มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เจ้าหน้าที่บอกว่าพบหลานสาวคุณแล้ว” 

ลิซ่า (Lisa) เป็นชื่อของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเติบโตมากับครอบครัวอุปถัมภ์ รู้เพียงว่าพ่อชื่อ กอร์ดอน เจนสัน (Gordon Jenson) แต่จำไม่ได้ว่าแม่เป็นใคร

ตอนอายุราว 4-5 ปี เธอถูกพ่อพาตัวไปฝากกับคู่รักชรา แล้วจากไปเลย ทิ้งหนูน้อยไว้กับครอบครัวนี้ ซึ่งพวกเขาก็ดูแลจนลิซ่าเติบโตขึ้นมา แต่เธอเหมือนเป็นบุคคลบ้านแตก เพราะพ่อไม่เคยเซ็นในเอกสารให้ครอบครัวนี้รับอุปถัมภ์อย่างเป็นทางการ นั่นทำให้เธอไม่มีสิทธิ์อะไรสักอย่างในครอบครัวนี้

เมื่อโตมา จนอายุ 30 กว่าๆ ลิซ่าตัดสินใจแจ้งตำรวจ ขอให้ช่วยหาตัวให้หน่อยว่าพ่อเธออยู่ที่ไหน

แม้เจ้าหน้าที่จะไม่เคยรู้ว่ามีกรณีนี้เกิดขึ้น แต่เหล่านักสืบกลับไม่ปล่อยผ่านเลย พวกเขาส่งเรื่องให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจดีเอ็นเอ เพื่อช่วยไขคำถามว่า ครอบครัวที่แท้จริงของลิซ่าอยู่ที่ไหนกันแน่ในโลกกลมๆ ใบนี้

ปัจจุบันนี้ ในอเมริกามีเทคโนโลยีการสร้างสาแหรกครอบครัวจากดีเอ็นเอ ซึ่งทางตำรวจมักจะใช้มันจับฆาตกรต่อเนื่องอยู่เสมอ

อย่างไรก็ดี จุดเริ่มต้นของมันจริงๆ มีวัตถุประสงค์ใช้สำหรับลูกหลานที่ถูกรับไปดูแลโดยครอบครัวอื่น ต้องการจะสืบเสาะหาพ่อแม่ที่แท้จริง ซึ่งอาจทิ้งไป อาจยกให้คนที่พร้อมกว่าดูแล มันเป็นการสานฝันให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ได้รู้จักผู้ให้กำเนิดทางสายเลือดที่แท้จริง

และเมื่อนำดีเอ็นเอลิซ่าไปเทียบเคียง ข้อมูลก็เริ่มประมวลจำนวนคนที่มอบดีเอ็นเอให้บริษัทดูแลสาแหรกครอบครัวมีมากมายก่ายกอง กว่าจะบีบวงให้แคบได้ก็ใช้เวลานานมาก กินเวลาหลายปีทีเดียว จนกลายเป็นโครงการใหญ่ของตำรวจไปเลย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะต้องดูความเชื่อมโยงว่าดีเอ็นเอลิซ่าคล้ายกับครอบครัวไหน แม้จะเพียงนิด หากเจอ ทางการก็จะส่งคนไปเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอครอบครัวนั้นๆ เพื่อขยายความเหมือนของลิซ่าให้ขยับเข้าใกล้ไปอีกเรื่อยๆ 

ในปี 2017 ชายชราที่แบกรับความทุกข์มาทั้งชีวิตจากคำถามที่ไร้คำตอบ ได้รับโทรศัพท์จากทางการ บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ พวกเขาแจ้งว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งดีเอ็นเอคล้ายกับตัวเขา สิ่งนี่สร้างความตกใจมากๆ เพราะชายเฒ่ารู้ว่า เขามีลูกสาวซึ่งมีหลานสาว แต่ทั้งสองหายตัวและติดต่อไม่ได้มาหลาย 10 ปีแล้ว

“ผมไม่คิดว่าจะมีใครออกตามหาลูก แต่ก็ยังมีความหวังเสมอ”

หลาย 10 ปี ในที่สุดแสงสว่างก็ส่องเข้ามาในชีวิตชายเฒ่าคนนี้

“พวกเขาต้องการดีเอ็นเอผมไปเทียบเคียง” 

กินเวลาหลายอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งคำตอบมาว่า “เราพบหลานสาวคุณแล้ว”

ในที่สุด ลิซ่าก็ได้พบครอบครัวของแม่เสียที แต่มันสร้างความตกตะลึงให้กับหญิงสาวด้วย เพราะข้อมูลจากชายชราทำให้พบว่า พ่อของเธอไม่ใช่กอร์ดอนแต่อย่างใด เขาเป็นเพียงแฟนใหม่ของแม่เท่านั้น

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับมารดาที่แท้จริงของลิซ่า

เมื่อตำรวจนำข้อมูลของกอร์ดอนไปค้น ก็พบข้อมูลบางอย่างที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะชื่อของเขามีลายนิ้วมือซ้ำกับของผู้ชายคนอื่นๆ ที่มีนามเรียกขานแตกต่างกันมากมาย โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าลายนิ้วมือของกอร์ดอนไปซ้ำกับนักโทษรายหนึ่งที่ถูกจับ ฐานฆาตกรรมแฟนสาวตัวเอง

และที่สำคัญเขาอาจเป็นฆาตกรต่อเนื่องด้วย

2.

ย้อนกลับไปในวันที่ 10 พฤศจิกายน ปี 1985 พี่น้องคู่หนึ่งเข้าไปล่าสัตว์ในป่า รัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา ทันใดนั้นพวกเขาสังเกตเห็นถังน้ำมัน 2 ใบซ่อนอยู่ จึงเดินเข้าไปสำรวจด้วยความแปลกใจว่า ทำไมในสถานที่แห่งนี้จึงมีสิ่งของดังกล่าวถูกทิ้งไว้อย่างน่าประหลาดใจ

เมื่อเปิดฝาออกมา สิ่งที่เห็นก็คืออะไรบางอย่างสีขาวซีด ลักษณะดูคุ้นตา ทำให้ทั้งคู่แทบจะหยุดหายใจ ตกอยู่ในอาการภวังค์โดยฉับพลัน 

“แจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”

เจ้าหน้าที่รุดไปจุดเกิดเหตุ ก่อนพบว่าในถัง สิ่งที่ดูขาวซีดเซียวนั้นคือศพผู้หญิง ส่วนอีกถังเป็นศพเด็กผู้หญิง พวกเขาระบุอายุไม่ได้ แต่พบบาดแผลที่ทำให้ทั้งสองเสียชีวิต นั่นก็คือถูกตีทุบอย่างรุนแรงตรงศีรษะ

ตำรวจนำศพไปตรวจละเอียด แต่ไม่พบหลักฐานใดๆ ไม่พบเบาะแสจะโยงว่าผู้ตายทั้งสองชื่ออะไร และไม่รู้ว่าใครทำ

แต่ที่รู้แน่ๆ คือ ฆาตกรที่ลงมือเหี้ยมนี้ เลือดเย็นเอามากๆ

คดีพบศพในถังน้ำมัน กลายเป็นปริศนายาวนานมาหลาย 10 ปี จนกระทั่งถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2000 เจ้าหน้าที่ก็รับแจ้งพบ 2 ศพ ยัดอยู่ในถังน้ำมันคนละใบ ทิ้งในป่าแห่งนี้ เมื่อตรวจดูก็พบร่าง 2 เด็กผู้หญิงถูกทุบตีที่หัวจนตาย

4 ศพในป่าแห่งนี้ ตำรวจรู้ทันทีว่า พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับฆาตกรต่อเนื่องเข้าให้แล้ว

3.

อึนซุน จุน (Eunsoon Jun) วัย 40 กว่าปี เธอเป็นนักเคมี อาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าตัวพาแฟนหนุ่มคนใหม่ไปพบเพื่อนๆ เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อ แลร์รี แวนเนอร์ (Larry Vanner) พลันที่มิตรสหายเห็นคนรักใหม่ของจุน พวกเขาถึงกับเลิกคิ้ว นี่ไม่ใช่ผู้ชายที่ควรคบหาด้วยเลย

“เขาดูป่วยๆ หน้าดูโทรมๆ แถมสูบบุหรี่จัด กินจุ ยัดทุกอย่างลงท้อง พออิ่มแล้ว ก็นั่งเงียบๆ ไม่คุยกับใคร”

ในเดือนมิถุนายน ปี 2002 หลังคบหากันกว่า 2 ปี จุนก็เลิกติดต่อกับเพื่อน หายไปจากชีวิตมิตรสหายในฉับพลัน เมื่อติดต่อหาแลร์รี ก็ได้รับคำตอบว่า นักเคมีสาวยุ่ง ต้องไปดูแลแม่ ต้องไปรับการบำบัด หนักเข้าก็บอกว่าจุนไม่ชอบเพื่อนสนิทอีกต่อไป และขอให้เลิกยุ่ง

“ไม่มีใครเชื่อข้ออ้างนี้”

ทางเพื่อนสนิทได้ไปพบแลร์รี พร้อมบอกว่า ถ้าจุนเกลียดเธอจริง ก็ให้มาพูดต่อหน้าเลย ไม่ใช่ฝากแฟนหนุ่มมาบอกแบบนี้

แต่คำร้องขอนี้ก็เงียบหายไป ดูเหมือนอยู่ดีๆ จุนจะเลิกติดต่อและหายไปจากชีวิตเพื่อนแบบปริศนา จึงทำให้เพื่อนฝูงเข้าแจ้งความกับตำรวจ นักสืบท่าทางสุภาพ พูดจานุ่มนวลแต่แฝงแววฉลาด นั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดก่อนสรุปว่า แลร์รีดูน่าสงสัยอย่างยิ่ง

“เมื่อใครเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ ถ้ามันจำไม่ได้ก็แสดงว่ากำลังโกหก”

ในที่สุดตำรวจจึงนำกำลังบุกค้นบ้านของแลร์รีทันที เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็พบทรายแมวกองกับพื้นหนาสูงเกลื่อน และห่างออกไปก็เห็นขวานวางอยู่

เมื่อคุ้ยทรายแมว ตำรวจก็เจอเท้าคนใส่รองเท้าแตะโผล่ออกมา เมื่อขุดต่อก็พบร่างของจุนซึ่งไร้ลมหายใจแล้ว บาดแผลที่ทำให้ตายคือถูกทุบตีเข้าที่หัวอย่างแรง

ตำรวจจับกุมแลร์รี และพาตัวไปโรงพักทันที ท่ามกลางความช็อกของเพื่อน ที่ไม่คิดว่าจุนจะถูกฆาตกรรมโหดแบบนี้

จากการสอบสวนพบว่าแฟนหนุ่มซื้อกองทรายแมวเป็นจำนวนมากนับ 10 ถุง จากร้านสัตว์เลี้ยง และเอามาเทที่พื้นบ้าน ทับร่างคนรัก เพื่ออำพรางคดี แต่นั่นหมายความว่า เขาจะต้องทนอยู่กับศพและกลิ่นเหม็นของมันในบ้านหลังนี้

แลร์รีรับสารภาพว่าฆ่าแฟนสาว แต่ไม่ได้ให้การอะไรเพิ่ม ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต จากนั้นในเดือนธันวาคม ปี 2010 เขาก็เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัว ปิดฉากชีวิตฆาตกรสุดเหี้ยมไปได้

อย่างไรก็ดี ความวิปริตยังไม่จบสิ้น เพราะนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นแห่งความวิปลาสเท่านั้น

นั่นก็เพราะช่วงที่แลร์รีติดคุกอยู่ เจ้าหน้าที่เก็บลายนิ้วมือเขาไปตรวจในฐานระบบก่อนจะพบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ เพราะแท้จริงชายคนนี้ไม่ได้ชื่อแลร์รี แต่ใช้ชื่อมากมาย ซึ่งล้วนถูกจับกุมในหลายคดี เช่น คดีเมาแล้วขับ ละทิ้งลูก แม้จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนตัวตนแค่ไหน แต่ลายนิ้วมือคนเราเปลี่ยนไม่ได้ 

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สาวไปถึงชื่อหนึ่ง เทอร์รี ราสมุสเซน (Terry Rasmussen) ซึ่งอาจเป็นชื่อที่แท้จริงของนักโทษคนนี้ 

โดยระหว่างตรวจสอบพวกเขาก็พบชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาว่า ราสมุสเซนเคยใช้ชื่อว่า กอร์ดอน เจนสัน

อันเป็นชื่อที่ลิซ่าเชื่อมาตลอดว่าคือพ่อของเธอ

แต่เมื่อเอาดีเอ็นเอลิซ่าไปเทียบกับราสมุสเซนก็พบว่าไม่ตรงกัน นั่นหมายความเธอไม่ใช่ลูกจริงๆ ของเขา

ทั้งหมดนี้ ปูทางให้ตำรวจสืบคดีนี้กันต่อ เมื่อเริ่มขุดคุ้ยข้อมูลทุกอย่าง ในระหว่างการหาคำตอบของเรื่องราวทั้งมวล อยู่ดีๆ โทรศัพท์หนึ่งก็ดังขึ้น ดูเหมือนกอร์ดอนจะมีลูกสาวจริงๆ เพียงแต่ไม่ใช่ลิซ่า

และที่สำคัญเด็กคนนี้ตายไปตั้งแต่ปี 2000 แล้ว โดยร่างถูกฆ่ายัดถังน้ำมันไปทิ้งในป่านั่นเอง 

การตรวจสอบนีเกิดจากการต่อยอด เจ้าหน้าที่เอาดีเอ็นเอของราสมุสเซนไปเทียบกับ 4 ศพที่พบในถังน้ำมัน เพราะอาจมีความเชื่อมโยงกัน อันเกิดจากนักข่าวพลเมืองส่งข้อมูลการหายตัวไปของครอบครัวหนึ่งที่มีแม่กับลูกสาว 2 คน 

พอนักสืบดูข้อมูลตรงนี้ก็สงสัยว่า ศพที่พบในถังจะเกี่ยวโยงกัน เพราะน้องสาวคนหายแจ้งว่าเคยคบหากับราสมุสเซน นี่จึงทำให้นำไปสู่การเทียบเคียงดีเอ็นเอ หลังจากงมหาเบาะแสกันมาหลาย 10 ปี

ในปี 2017 เจ้าหน้าที่ก็รู้ชื่อเสียทีว่า 4 ศพในถังน้ำมันนั้นคือใครกันแน่

4.

มาร์ลีส เอลิซาเบธ ฮันนีเชิร์ช (Marlyse Elizabeth Honeychurch) มีลูกสาว 2 คน จากการแต่งงานคนละครั้ง ในปี  1978 เธอพาแฟนหนุ่มมาพบครอบครัว ซึ่งทำเอาแม่ตกใจ “ผู้ชายคนนี้แก่กว่าลูกมากเลยนะ ทำไมถึงคบกับเขาล่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฮันนีเชิร์ช ในวัย 24 ปี ก็พาแฟนหนุ่มออกจากบ้านพร้อมลูกทันที นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่คนในครอบครัวได้พบหญิงสาว ซึ่งในเวลาต่อมาเธอกับบุตรีจะถูกฆ่ายัดถังน้ำมัน ก่อนจะถูกค้นพบในปี 1985

ส่วนลูกสาวอีกคนของฮันนีเชิร์ชถูกฆ่ายัดถังน้ำมัน พร้อมลูกจริงๆ ของราสมุนเซน ซึ่งถูกค้นพบในปี 2000 นั่นจึงนำไปสู่คำถามว่า แล้วแม่แท้ๆ ของลูกราสมุสเซนไปอยู่ที่ไหน

เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะถูกฆาตกรรมไปเรียบร้อยแล้ว

จากข้อค้นพบนี้จึงสรุปได้ว่า ชายมากชื่อคนนี้เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ใช้ชื่อกับตัวตนปลอมในการลวงเหยื่อไปฆ่า ด้วยพฤติกรรมดังกล่าว เหล่านักสืบจึงตั้งฉายาและสื่อเอาไปใช้เรียกขานว่า

“นักฆ่ากิ่งก่าเปลี่ยนสี”

5.

เทอร์รี ราสมุสเซน เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ปี 1943 เขาเป็นทหารเรือในปี 1961 และได้รับการฝึกให้เป็นช่างไฟประจำการหลายพื้นที่ เคยแต่งงาน มีลูก 4 คน ก่อนที่ในปี 1975 จะแยกทางไป นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ครอบครัวและลูกๆ ได้เห็นหน้าพ่อคนนี้

หลังจากนั้นชายหนุ่มแปลงกายตัวเองเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และเริ่มก่อเหตุสุดสยดสยองอย่างมาก คาดกันว่าหลังจากแยกทางกับครอบครัว เขาก็สังหารโหดฮันนีเชิร์ชและลูกสาว รวม 3 ศพ 

จากนั้นในปี 1981 ครอบครัวของเดนิส โบเดง (Denise Beaudin) หญิงสาววัย 21 ปี พร้อมลูกสาววัย 6 เดือน หายสาบสูญไปพร้อมแฟนหนุ่มที่อ้างว่าชื่อ โรเบิร์ต อีแวน (Robert Evan) คาดกันว่านี่คือนามเรียกขานอีกชื่อของนักฆ่ากิ่งก่าเปลี่ยนสี

พอถึงปี 1985 ราสมุสเซนใช้ชื่อใหม่ว่า เคอร์ติส คิมบอล (Curtis Kimball) ถูกจับฐานเมาแล้วขับ ไปชนคนอื่น โดยตอนนั้นเอง ตำรวจพบเด็กสาววัยประมาณ 4-5 ขวบอยู่ในรถด้วย ทางชายหนุ่มบอกว่านี่คือลูกเขาที่ชื่อว่าลิซ่า ซึ่งในคดีนี้เขาได้รับการประกัน ก่อนหลบหนีคดีไปพร้อมเด็กหญิง

ต่อมาในเดือนมกราคม ปี 1986 ราสมุสเซ่นอ้างว่าตัวเองคือช่างไม้ที่ชื่อว่า กอร์ดอน เจนสัน แล้วพาลิซ่าไปฝากไว้กับคู่รักชรา โดยอ้างว่าจะกลับมารับบุตรสาว ก่อนจะหายตัวไป พร้อมกับทิ้งความทรงจำในตัวลิซ่าว่า พ่อของเธอคือเจนสันนี่เอง

ระหว่างนั้นทางครอบครัวอุปถัมภ์จำเป็นแจ้งเจ้าหน้าที่ พวกเขาพบว่า เด็กหญิงน่าจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ นี่ทำให้ทางการเข้ารับตัว แล้วตรวจสอบพบว่าช่างไม้กอร์ดอนที่แท้ก็คือเคอร์ติสที่หนีประกัน จึงขออำนาจศาลออกหมายจับในฉับพลัน

ระหว่างนั้นคิมบอลแปลงโฉมตัวเองเป็นแลร์รี แวนเนอร์ ก่อนจะไปพบนักเคมีสาว ซึ่งลงเอยด้วยการฆาตกรรม และปิดฉากชีวิตชายมากชื่อรายนี้

จากข้อมูลทั้งหมดทำให้ลิซ่าเข้าใจทุกอย่าง แม่ของเธอคือเดนิส โบเดง และน่าจะถูกฆ่าตายด้วยฝีมือของราสมุสเซน

อย่างไรก็ดีไม่มีหลักฐานชี้ชัดในเรื่องนี้ และคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คือนักฆ่ากิ่งก่าเปลี่ยนสี ซึ่งตายจากโลกไปแล้ว

นี่จึงเป็นโศกนาฏกรรมสุดเจ็บปวดอย่างมาก แต่อย่างน้อยลิซ่าก็ได้ค้นพบครอบครัวที่จริงๆ แถมยังได้พบกับตาแท้ๆ อีกด้วย

ความหวังยังไม่จางหาย แม้จะผ่านไปหลายปี มันก็ยังคุ้มค่าแก่การรอคอยเสมอ

6.

คดีนักฆ่ากิ่งก่าเปลี่ยนสียังไม่จบสิ้นเพียงเท่านี้ ตำรวจเชื่อว่าเขาน่าจะสังหารหญิงสาวและเด็กอีกเยอะ ตอนนี้เหล่านักสืบพยายามขุดคุ้ยว่าราสมุสเซนก่อเหตุฆ่าแม่ของลิซ่าจริงหรือไม่ หรือสังหารแม่ของเด็กคนอื่นไปมากน้อยแค่ไหน เพราะทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า

“น่าจะมีเหยื่อมากกว่านี้”

ด้านครอบครัวของหญิงสาวที่ถูกฆ่ายัดถังน้ำมันก็สิ้นสุดความเจ็บปวดลงไปเสียที แต่ก็เสียดายที่ฆาตกรหลายชื่อตายไวไปนิด

“ฉันอยากให้เขาอายุยืนกว่านี้ จะได้เห็นมันทรมานอย่างเจ็บปวดในคุก”

ส่วนพ่อของเดนิส ตาของลิซ่า ซึ่งเฝ้ารอลูกสาวมาอย่างยาวนานหลายปี แม้ในที่สุดเขาจะพบว่า บุตรสุดที่รักไม่มีโอกาสเห็นหน้ากันอีกแล้วชั่วชีวิตนี้ 

แต่อย่างน้อย โลกยังไม่โหดร้ายไปมากกว่าเดิม เพราะเขาก็ยังเห็นหน้าและพบหลานสาว ซึ่งแม้ชีวิตจะตกระกำลำบาก ระหกระเหิน ไร้ตัวตนมาเกือบ 40 ปี

แต่วันนี้ทุกอย่างแห่งการรอคอยก็ถึงเวลาสิ้นสุดลง

ลิซ่ามีตัวตน มีครอบครัวจริงๆ ไม่ใช่บุคคลปริศนาแล้ว และที่สำคัญ เธอไม่ได้ชื่อลิซ่าอีกต่อไปด้วย

ทางนักสืบที่ช่วยหญิงสาวไขคดีนี้ เล่าให้นักข่าวฟังว่า “ตอนที่ผมโทรมาบอกว่า เรารู้แล้วว่าคุณเป็นใคร อีกฝ่ายถึงกับเงียบไปพักหนึ่ง ผมเลยพูดต่อว่า อยากรู้ชื่อจริงของคุณไหมครับ ครั้งนี้เธอเงียบไปชุดใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาว่า อยากสิ”

เจ้าหน้าที่จึงพูดนามแสนเพราะพริ้งที่เดนิส โบเดง ตั้งให้กับลูกสาวสุดที่รักเมื่อเกือบ 40 ปีก่อนว่า

“ชื่อของคุณคือ ดอว์น โบเดง (Dawn Beaudin) นะ”

 

ข้อมูลอ้างอิง

https://abcnews.go.com/US/terry-rasmussens-victims-unknown/story?id=69585534

https://abcnews.go.com/US/timeline-serial-killer-terry-rasmussens-terror-hampshire-california/story?id=69505755

https://abcnews.go.com/US/jane-doe-child-case-uncovered-serial-killer-identified/story?id=69648434

https://edition.cnn.com/2019/06/07/us/new-hampshire-bear-brook-murders-researcher/index.html

https://www.oxygen.com/crime-news/cops-seek-id-of-killer-terry-peder-rasmussen-dead-daughter

https://www.forensicmag.com/572615-Genealogist-Ties-Chameleon-Killer-s-Biological-Child-Victim-to-Southern-Mississippi/





Tags: , , ,