1

“มาร์ลอน แบรนโด ศึกษาท่าทางของเขา เพื่อจะแสดงเป็นดอนวิโต้ คอร์เลโอเน”

เช้าวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1973 หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) นำเสนอข่าวหน้าหนึ่งเกี่ยวกับเสียชีวิตของชายชราจากอาการหัวใจวาย หลังถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนานกว่า 11 วัน จนสิ้นลมหายใจในเวลา 19.30 น. ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์

เคียงข้างร่างไร้วิญญาณคือภรรยาคู่ชีวิต ที่แต่งงานด้วยกันมานานกว่า 55 ปี ทั้งสองไม่มีทายาทสืบสกุล พลันที่สื่อทราบ จึงรีบเขียนข่าวมรณกรรม นำเสนอเรื่องราวชายคนนี้ ตั้งแต่เกิดจนตายแบบโลดโผนเป็นอย่างยิ่ง

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ สื่อหลายสำนักยังนำเสนอข่าวงานศพของชายชราคนนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายในงานปราศจากดอกไม้ราคาแพงหรูหรา ฉูดฉาด ดูเหมือนงานศพคนธรรมดาที่จากโลกตามสังขารของชีวิต

แต่เมื่อหันมามองแขกที่มาร่วมงาน มันก็กลายเป็นงานศพที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาทันที เพราะคนที่มาล้วนช่วยให้ย้ำเตือนว่า คนที่ตายนั้นยามมีชีวิตอยู่มีบารมีมากมายขนาดไหน

เมื่อเดินไปใกล้โลงศพของชายคนนี้ ต่างมีเสียงคนร่ำไห้ อาลัย และคร่ำครวญ อเมริกันมุงต่างไปยืนออกันแถวริมโบสถ์ เพื่อสอดรู้ในความสงสัยของงาน ถนนรถราโดยรอบว่างเปล่า เสียงจอแจพลันดูเงียบจนน่าหนวกหู 

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คอยเก็บข้อมูลผู้มาร่วมงาน นักข่าวล้วงข้อมูลมาได้ว่า แขกเหรื่อที่มาแสดงความอาลัย นอกจากนักการเมืองและข้ารัฐการระดับสูงแล้ว ยังมีถึง 125 ราย ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผิดกฎหมาย

โดยเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรมที่รู้จักกันในชื่อ ‘มาเฟีย’

ร่างของชายชราคนนี้จะถูกฝังในสุสานของครอบครัว ซึ่งมีเชื้อสายอิตาเลียน และอพยพความยากจนมาที่เมืองนิวยอร์ก เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่หวังจะดีขึ้นกว่าเดิม

ตอนนั้นผู้เสียชีวิตมีอายุเพียงแค่ 4 ขวบ ได้เห็นพ่อขายของชำ และเห็นสังคมคนอิตาเลียนในอเมริกา ที่ต่างดิ้นรนทำงานทั้งในและนอกกฎหมาย

หากเคารพต่อบ้านเมืองแห่งประเทศใหม่ ชีวิตของคนอิตาเลียนผู้อพยพทั้งหลายก็คงจะปลอดภัย แต่ก็รวยไปอย่างช้าๆ หรือไม่มีโอกาสนั้น แต่หากเลือกเดินออกจากกฎหมาย พวกเขาก็จะมีโอกาสได้ลิ้มรสความมั่งคั่งและบารมีมากมาย ที่มาพร้อมความเสี่ยงถึงชีวิต

แต่กระนั้น เจ้าหนูน้อยก็ตัดสินใจเลือกทางเดินเส้นนี้ นั่นทำให้งานศพของเขาจึงมีคนเดินทางมาร่วมร่ำไห้อาลัยและคารวะจากทั้งมิตรสนิทและศัตรูคู่อาฆาต

ใครจะเชื่อว่าเขาจะตายอย่างสงบด้วยวัยถึง 82 ปี

สื่อตั้งฉายาให้ผู้วายชนม์คนนี้ว่า นายกรัฐมนตรีแห่งโลกใต้ดิน

ชายที่ทำให้ มาริโอ พูโซ (Mario Puzo) นักเขียนที่ติดหนี้พนันก้อนโต ได้ไอเดียรังสรรค์เป็นนิยายเรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์ (The Godfather) โดยมีตัวละครเอกคือ ดอนวิโต้ คอร์เลโอเน (Don Vito Corleone) ซึ่งอิงลักษณะท่าทางและบุคลิกบางส่วนจากผู้เสียชีวิต

ต่อมานิยายเรื่องนี้สร้างชื่อเสียงให้กับพูโซจนปลดหนี้พนันได้ และดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์สุดโด่งดังในปี 1972 หรือ 1 ปีก่อนนายกรัฐมนตรีแห่งโลกใต้ดินจะตาย

มีข้อมูลชัดเจนว่า มาร์ลอน แบรนโด (Marlon Brando) นักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะรับบทเป็นดอนวิโต้ ได้ศึกษาท่าทางของผู้ตาย ขณะไปให้การต่อหน้าวุฒิสมาชิก ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อถ่ายทอดท่าทาง และเลียนแบบน้ำเสียงแหบแห้งอันเป็นผลจากมะเร็ง ในการเป็นก็อดฟาเธอร์

ทั้งหมดนี้จึงการันตีได้เป็นอย่างดีว่า ผู้เสียชีวิต คือเจ้าพ่อตัวจริงแห่งเมืองนิวยอร์ก และได้รับการร่ำลือว่า เป็นตำนานก็อดฟาเธอร์ของแท้ ชายที่มากด้วยวีรกรรมสุดสะพรึง ซึ่งทำให้ทุกคนผวา และกฎหมายต้องชะงัก บรรทัดต่อจากนี้เราจะเล่าขานเรื่องราวของเขากัน

แฟรงก์ คอสเตลโล (Frank Costello)

2

ผู้ที่ชักนำให้หนูน้อยแฟรงก์เข้าสู่โลกอาชญากร หาใช่ใครที่ไหน แต่คือพี่ของเขาเอง จุดเริ่มต้นจากการลักเล็กขโมยน้อย ตามความแร้นแค้นในย่านสลัมของผู้อพยพชาวอิตาเลียน ซึ่งแฟรงก์ก็ได้ซึมซับทักษะการถือปืนปล้น การลักขโมย ในช่วงต้นอายุ 20 ปี เขาจึงโดนจับไป 3 รอบ

ต่อมาเมื่อได้แต่งงานกับแฟนสาวที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แฟรงก์ก็โดนตำรวจรวบตัวยัดเข้าคุกไปอีก 10 เดือน ในข้อหาปล้นโดยมีอาวุธปืน เมื่อพ้นโทษ ชายคนนี้ก็สัญญากับตัวเอง และตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ใช้ความรุนแรงในการประกอบอาชีพอาชญากรรมอีก

เจ้าตัวตั้งเป้าว่า จะเป็นอาชญากรที่ใช้หัวผลิตเงิน ให้รวย รวย และรวย และนั่นทำให้ในปี 1918 แฟรงก์เลิกพกปืนจวบจนวันตาย เป็นมาเฟียคนเดียวในอเมริกาที่ทำแบบนั้น แม้ใครจะวางคิ้วชวนสงสัย แต่การทำแบบนี้ยิ่งทำให้เขาได้รับความเคารพยำเกรงจากเจ้าพ่อคนอื่นทั่วทั้งปฐพีด้วยซ้ำไป 

เดิมนั้นแฟรงก์ ไม่ได้เติบโตมาเป็นหัวหน้ามาเฟียเลย แต่เขาค่อยๆ ไต่ขึ้นไปตามตำแหน่ง โดยทำงานรับใช้หัวหน้าแก๊งสืบสายเลือดทางตระกูล โดยเริ่มจากขนเหล้าเถื่อนและทำบ่อนพนัน ซึ่งต้องติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ดูแลชายฝั่งและตำรวจ เพื่อให้การทำธุรกิจราบรื่น

นอกจากนี้เขายังมีส่วนร่วมในการล้มผลเบสบอลในเวิลด์ซีรีส์ ปี 1919 ด้วย

ช่วงทำธุรกิจเหล้าเถื่อน ในยุคอเมริกาห้ามขายแอลกอฮอล์ สร้างรายได้มหาศาลมากมายแก่กลุ่มมาเฟียอย่างมาก ในนิวยอร์กมีการขนเหล้าเถื่อนผ่านเรือมากกว่า 2 หมื่นลัง โดยแก๊งอาชญากรคนรุ่นใหม่ นำโดยแฟรงก์ ซึ่งมีเชื้อสายอิตาเลียน จับมือกับแก๊งเชื้อสายอื่นทั้งไอริชและยิว ร่วมกันขนถ่ายสินค้าต้องห้ามเหล่านี้จนร่ำรวยกันไปตามๆ กัน

ระหว่างที่แฟรงก์กำลังพยายามเติบโตในเส้นสายแห่งเจ้าพ่อ เขาต้องเผชิญกับเรื่องวุ่นวายมากมาย ทั้งการปะทะกันระหว่างกลุ่มแก๊งอิตาเลียนที่ทับเส้นทางหากินผลประโยชน์เหล้าเถื่อน มีการสั่งยิง ไล่ฆ่ากันอลหม่านจนมีคนตาย 

โดยตำรวจมาเป็นพยานรู้เห็น แต่ไม่อาจจับมือใครดมได้ สื่อก็นำเสนอข่าวอย่างสนุกสนาน เลือดเคล้าความรุนแรงเป็นอาหารอันโอชะของผู้อ่านในยุคนั้น

ไม่เพียงศัตรูในโลกใต้ดินเท่านั้น ข้ารัฐการและนักการเมืองที่รับเงินมาเฟียคู่แข่ง ก็เข้ามายุ่มย่าม ทั้งอยากได้ผลประโยชน์เพิ่มและตัดกำลังแฟรงก์เอง เขาเคยโดนจับกุม ถูกตั้งข้อหาจ่ายสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ดีที่ลูกขุนไม่อาจหาฉันทมติเพื่อมีคำตัดสินได้อย่างเอกฉันท์ หนุ่มอิตาเลียนรายนี้จึงรอดจากการติดคุกมาได้แบบฉิวเฉียด

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังเจอนายกเทศมนตรีตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้งั่ง’ พร้อมถูกเจ้าหน้าที่บุกยึดเครื่องเล่นพนันสล็อตแมชชีน ทางตำรวจภายใต้คำสั่งนักการเมืองได้ทุบทำลายเครื่องก่อนโยนทิ้งน้ำ 

เพื่อเป็นคำสั่งว่า อย่ามาทำแบบนี้ในนิวยอร์กเด็ดขาด

แต่นั่นไม่ทำให้แฟรงก์เข็ดหลาบ เขาเอาเครื่องเล่นพนันไปเปิดที่เมืองอื่นแทน โดยการติดสินบนวุฒิสมาชิก 

คาดกันว่าตลอดชีวิตของชายคนนี้ เขาสร้างรายได้จากเครื่องเล่นพนันไปกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมื่อมีเงินมหาศาล บารมีก็ตามมา ลูกน้องก็มั่งมี ตอนนั้นแฟรงก์เริ่มสร้างเครือข่ายมิตรสหายมากมาย ทั้งนักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐ อัยการ และผู้พิพากษา 

เขาเคยมีความพยายามจะสร้างอิทธิพลในการแต่งตั้งผู้พิพากษาสูงสุดของรัฐนิวยอร์กด้วย โดยมีประโยคยืนยันคำมั่นสัญญาแก่ผู้ที่จะได้รับเลือกว่า

“คุณเชื่อใจผมได้”

ค่าตอบแทนในความพยายามแทรกแซงการแต่งตั้งครั้งนี้ ก็คือผู้พิพากษาที่จะได้รับการคัดเลือกให้คำมั่นต่อแฟรงก์ว่า

“ผมจะจงรักภักดีต่อนายท่านชั่วชีวิตครับ”

3

อย่างไรก็ดี เมื่ออเมริกาเริ่มกวาดล้างมาเฟีย ข้อหาที่หยิบมาใช้ก็คือการหลบเลี่ยงภาษี นั่นทำให้เจ้าพ่อมากมายต้องตบเท้าเข้าคุก แฟรงก์โดนตั้งข้อหาหลบเลี่ยงภาษีนับแสนเหรียญสหรัฐฯ แต่ปรากฏว่าพอจะดำเนินคดีจริงๆ หลักฐานกลับไร้น้ำหนัก จนชายคนนี้รอดจากลูกกรงมาได้อย่างเหลือเชื่อ

เมื่อกฎหมายบ้อท่า แฟรงก์จึงมีชีวิตในโลกใต้ดินแบบสบายอกสบายใจ และจังหวะเวลานั้น สื่อจึงตั้งฉายาพร้อมกับลูกน้องต่างซูฮก ยกย่องให้เป็นเจ้าพ่อตัวจริง

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วุฒิสมาชิกแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนมาเฟียตัวเอ้ในอเมริกา แฟรงก์เป็นคนเดียวที่ไปให้การ โดยไม่ขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะไม่พูดใดๆ ทั้งสิ้นอันจะนำไปสู่การปรักปรำตัวเอง 

แต่ผลที่ได้ทำให้เจ้าพ่อต้องกระอักเลือด มือสั่น ประหม่า และพูดแบบติดๆ ขัด ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอันเป็นผลจากมะเร็ง

เขายืนยันคำเดียวว่า ไม่ได้เป็นเจ้าพ่อ ไม่ได้มีเอี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายทั้งสิ้น

แต่ด้วยหลักฐานที่อ่อนปวกเปียก ทำให้การไต่สวนของวุฒิสมาชิก ไม่อาจกระชากชายคนนี้ลงจากบังลังก์ราชันย์แห่งมาเฟีย ทางการทำได้เพียงให้เขาติดคุกไม่กี่เดือน จากข้อหาดูหมิ่นพยาน แต่ข้อหาเจ้าพ่อนั้น ไม่มีใครจัดการเอาผิดเขาได้

เรียกได้ว่าแม้กระทั่งกฎหมายและนักการเมืองก็เอาบุรุษคนนี้ไม่ลง และเมื่อเป็นดังนั้น แฟรงก์จึงมีชีวิตอย่างผาสุก และไปถึงฝันที่เป็นจริงได้สำเร็จ นั่นก็คือความสามารถในการชี้ไม้เป็นนก ชี้นกให้เป็นไม้ และหากใครต้องการความช่วยเหลือ เขาก็สามารถจัดให้ได้ ไม่ว่าจะใหญ่โต หรือเล็กน้อยแค่ไหน

ครั้งหนึ่งทนายความของแฟรงก์ ต้องการจะไปดูละครเวที เพื่อฉลองครบรอบแต่งงาน 35 ปี แต่ปรากฏว่าตั๋วเต็ม เมื่อเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ทราบเรื่อง จึงรีบส่งคนไปแจ้งว่า

“ทำไมไม่บอกกันล่ะ เรื่องนี้ผมช่วยได้”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงกริ่งก็ดังขึ้นที่บ้านทนาย มีคนยืนรอ และยื่นซองใส่มือ ก่อนหายตัวไป เมื่อเปิดออกมาดู พบว่าเป็นตั๋วละครเวทีเรื่องหายากนั่นเอง

“เขาก็เป็นคน เหมือนกับเราๆ นี่แหละ แค่ดูศิวิไลซ์ และไม่ชอบความรุนแรงเหมือนพวกมาเฟียรุ่นก่อนเท่านั้น”

เมื่ออายุได้ 50 ปี แฟรงก์ไปพบจิตแพทย์ บอกเล่าว่า ตอนนี้เขามีเงินที่มอบให้เมียหมด รวมถึงทรัพย์สินซึ่งมีอยู่มากมายด้วย แต่ตอนนี้กลับมีปัญหาขบคิดทางจิตใจซึ่งคิดไม่ตก 

เมื่อจิตแพทย์ฟังแล้วก็พบว่า เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่มีปัญหาอยากให้คนซึ่งไม่ได้อยู่ในโลกแห่งอาชญากรรมยอมรับกันบ้าง หรือพูดง่ายๆ ว่าอยากให้คนทั่วไปซูฮกเคารพในชื่อเสียงของเขาสักนิด

นั่นทำให้แฟรงก์ได้รับคำแนะนำว่า “คุณก็ออกไปเจอคนดีๆ บ้างสิ”

และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งชีวิตในวันที่อยู่บนจุดสูงสุดของแฟรงก์ โดยเขาจะแต่งกายเรียบร้อย ดูดี มีราคา ไปนั่งในบาร์โรงแรมหรู เพื่อจิบเครื่องดื่ม คุยกับบาร์เทนเดอร์ ถกกับนักการเมือง ข้ารัฐการระดับสูง และให้คำปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจ

กลายเป็นชีวิตที่น่าอิจฉาอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ดี ชีวิตของเจ้าพ่อรายนี้ ไม่ได้ราบรื่นโรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด เพราะการไม่พกปืน ทำให้เขาเกือบตาย เมื่อมีศัตรูดักรอ และจ่อยิงที่แมนชันหรูของเขา

“นี่สำหรับแก ไอ้แฟรงก์”

ลูกปืนไม่ได้เข้าที่หัวอย่างจัง มันเฉียดตัวเขา รอดตายราวปาฏิหาริย์ เหมือนพระเจ้าจะยังไม่อยากได้ชายคนนี้ให้ไปสวรรค์หรือนรก 

แม้ต่อมาตำรวจจะมาสอบปากคำ แต่แฟรงก์ปฏิเสธจะบอกชื่อมือปืน และเริ่มล้างมือในอ่างทองคำ ถอนตัวเองออกมาจากโลกใต้ดิน มาใช้ชีวิตทำสวนที่บ้านสบายๆ และไปกินดื่มหรูหราที่โรงแรมตามปกติ

กลายเป็นว่าศัตรูในวงการทั้งหลาย ไม่อาจทำอะไรเขาได้ จวบจนชายชราคนนี้สิ้นใจตาย ด้วยสาเหตุธรรมชาติ ปิดฉากตำนานก็อดฟาเธอร์ผู้ยิ่งใหญ่ 

แตกต่างจากชีวิตเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่บางคนโดนยิงตายโหง บางคนโดนยิงจนพิการ บางคนร้องโอดโอยจากกระสุน ต้องสิ้นชีพอย่างทรมาน

แต่แฟรงก์จากโลกไป โดยมีภรรยาคู่ชีวิตนอนเฝ้า และมีคนมาเคารพศพ เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าขานถึงชายที่ขึ้นไปเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย โดยไม่พกปืน กล้าหาญที่จะไปให้การต่อหน้านักการเมืองเขี้ยวลากดินระดับชาติ แม้จะโดนจับหลายครั้ง และถูกลอบสังหารหลายครา 

แต่สุดท้ายเขาก็ได้ตายเยี่ยงเสรีชน ด้วยวัย 82 ปี

ความฉกาจฉกรรจ์แบบ ‘รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง’ ของแฟรงก์ คงจะจำกัดความได้จากคำพูดของ เจ. เอดการ์ ฮูเวอร์ (J. Edgar Hoover) ผู้อำนวยการเอฟบีไอผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งพยายามจะโค่นชายคนนี้ลงหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จนต้องยอมแพ้ และศิโรราบในความเก่งกาจ ด้วยประโยคที่ว่า

“นี่คือหนึ่งในอาชญากรที่โดดเด่นสุดในประเทศนี้”

ข้อมูลอ้างอิง 

https://www.nytimes.com/1973/02/19/archives/frank-costello-dies-of-coronary-at-82-underworld-leader-frank.html

https://allthatsinteresting.com/frank-costello

https://screenrant.com/who-is-the-godfather-marlon-brando-vito-based-on/

https://themobmuseum.org/notable_names/frank-costello/

https://www.vice.com/en/article/nekm3z/who-is-don-vito-corleone-godfather-based-on-frank-costello

https://www.nytimes.com/1973/02/20/archives/frank-costello-quietly-mourned-125-attend-gangsters-wake-at.html

Tags: , , , , ,