1
“ผมต้องขอบคุณโชคชะตาอยู่ทุกวัน ที่ทำผิดพลาด
“แต่มันก็ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ จนไม่คิดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย”
วันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 1989 ณ โรงพยาบาลไนเจิล (Nigel Hospital) นอกกรุงโยฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg ) เมืองหลวงของประเทศแอฟริกาใต้ ทีมแพทย์ทำคลอดหญิงสาว 2 คน พวกเธอให้กำเนิดทารกเพศชายหน้าตาน่ารัก สุขภาพสมบูรณ์ และถือเป็นเด็กเพียง 2 คนที่เกิดในโรงพยาบาลแห่งนี้ในวันนั้น
หลังจากพักฟื้นอยู่สักพัก พยาบาลก็ให้หญิงสาว 2 คนนำทารกของตัวเองกลับไปเลี้ยงดูที่บ้านได้ ทั้งคู่มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่คล้าย นอกเหนือจากนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก
แซนดี ดอว์กินส์ (Sandy Dawkins) เป็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในชานเมืองของเมืองหลวง มีฐานะชีวิตสุดลำบาก อาศัยในบ้านหลังเล็กๆ ซอมซ่อ แต่กระนั้นเธอก็ตั้งใจว่า จะเลี้ยงดูลูกชาย ซึ่งตั้งชื่อว่า โรบิน (Robin) ให้ดีที่สุด
ห่างออกไป 500 กิโลเมตร เมกส์ คลินตัน ปาร์เกอร์ (Megs Clinton Parker) แม่เลี้ยงเดี่ยวอีกคน พาทารกน้อยชื่อน่ารักว่า เกวิน (Gavin) กลับไปดูแลในย่านผู้ดีตีนแดง อยู่บ้านใหญ่โตโอฬาร มีตากับยายคอยช่วยดูแลเด็กน้อย ที่แม้อาภัพไม่มีพ่อ แต่คนในครอบครัวก็หวังจะให้ความอบอุ่นเพียงพอ เพื่อจะได้เติบโตมาโดยไม่รู้สึกขาดแคลนอะไร
2 ปีผ่านไปหลังแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกมาได้สักพัก ทางเมกส์ที่มีฐานะร่ำรวย อยากค้นหาว่าใครคือพ่อของเด็กตัวจริงกันแน่ จึงพาเกวินไปตรวจดีเอ็นเอ
สิ่งที่พบก็คือ ดีเอ็นเอของเด็กที่ได้ไม่ตรงกับผู้ชายที่เธอเคยคบมาแม้แต่คนเดียว
แต่ที่สำคัญกว่าคือ ผลตรวจมันชี้ชัดว่า
เกวิน ‘ไม่ใช่’ ลูกของเธอ
“สองสามวันแรก ฉันช็อกมาก หลังจากนั้นคำถามตัวโตก็ปรากฏขึ้นในใจ แล้วลูกจริงๆ อยู่ที่ไหน”
2
เมกส์ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างจนพบว่า คำตอบย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลไนเจิล เธอติดต่อกับทางผู้อำนวยการโรงพยาบาล เพื่อสอบถามว่า ทำไมลูกของเธอถึงมีดีเอ็นเอไม่ตรงกับแม่
เรื่องนี้ทำให้โรงพยาบาลตื่นตะลึง พวกเขาตรวจสอบดูวันที่เกวินเกิด ก่อนจะพบว่า มีทารกเพศชายอีกคนที่ชื่อว่าโรบิน ถูกระบุว่าเป็นลูกของผู้หญิงอีกราย
จากนั้นเจ้าหน้าที่เรียกตัวแซนดี ให้พาลูกของเธอมาตรวจดีเอ็นเอโดยละเอียด จนพบความจริงสุดช็อกว่า โรบินนั้นมีแม่แท้ๆ คือเมกส์ ส่วนเกวินมีมารดาบังเกิดเกล้าคือแซนดี ทั้งสองรับลูกไปผิดคน อันเป็นผลจากความผิดพลาดของพยาบาล ที่มอบเด็กแก่หญิงสาวสลับกัน
มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถือเป็นเหตุการณ์อื้อฉาว พวกเธอตัดสินใจจ้างทนาย ยื่นฟ้องเรียกเงินค่าเสียหายจากโรงพยาบาลทันที ซึ่งสุดท้าย ศาลตัดสินให้ต้องจ่ายเงินชดเชยแก่แม่เลี้ยงเดี่ยวทั้ง 2 คน เป็นจำนวนเงินเพียงแค่ 3.3 หมื่นเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
โดยเจ้าหน้าที่เห็นว่า ความผิดพลาดนี้ได้รับการขอโทษจากโรงพยาบาล และให้เงินค่าเสียเวลาแล้ว จากนี้แม่ทั้งสองก็รับลูกแท้ๆ ของตัวเองไปดูแล เพราะถือว่าได้พบเด็กแล้ว
อย่างไรก็ดี เรื่องไม่ได้ง่ายๆ หากรับลูกจริงๆ ไป แล้วเด็กที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกล่ะ จะปล่อยหรือยกให้กับคนอื่นเหรอ สิ่งที่กระบวนการยุติธรรมมองไม่เห็นก็คือ ความผูกพันระหว่างแม่กับลูกที่เลี้ยงกันมาตั้งแต่เกิด ได้เห็นรอยยิ้ม เห็นแววตา ได้ให้นมลูก ได้เห็นตอนคลาน ตอนเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้จะพูด หรือได้ยินเสียงเรียกแม่เป็นครั้งแรกในชีวิต
ทั้งหมดนี้มีมูลค่ามากมายเกินกว่าที่จำนวนเงินใดๆ ในโลกนี้จะชดเชยหรือทดแทนได้
สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเจ็บปวดให้กับเมกส์และแซนดีอย่างยิ่ง พวกเธอเสียใจที่รู้ว่า เด็กที่เลี้ยงมาไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ และแม้จะออกตามหาลูกจริงๆ จนเจอ และอยากเอาบุตรบังเกิดเกล้ามาดูแลมากแค่ไหน แต่พวกเธอทั้งสองไม่อาจและไม่สามารถจะเอาลูกเทียมๆ ไปให้กับอีกฝ่ายได้ เพราะตอนนี้แม้จะคนละสายเลือดและมีดีเอ็นเอไม่ตรงกัน แต่เด็กน้อยวัยแค่ 2 ขวบ ดูเหมือนจะเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเธอไปแล้ว
ในที่สุดแซนดีกับเมกส์ก็ตกลงกันเองว่า จากนี้ไปทั้งคู่จะดูแลกันและกัน เหมือนพี่สาวน้องสาว และจะไม่เอาทารกจริงๆ กลับคืนไป
ต่างคนต่างจะเลี้ยงเด็กที่พยาบาลสุดชุ่ยมอบให้มา
ข้อตกลงนี้ทำให้เกวินไม่ได้รับตัวไปอยู่ในบ้านหลังโทรมกับแม่จริงๆ ส่วนโรบินแทนที่จะได้เป็นลูกผู้ดีตีนแดง เขาก็ต้องกระเสือกกระสนในสลัมของคนจนเหมือนเดิม
นี่คือสิ่งที่เด็กทั้งสองได้รับจากข้อตกลงนี้
หญิงสาวทั้งสองตอบคำถามนักข่าวว่า
“จะให้ทำอย่างไรล่ะ คุณจะยกเด็กที่เลี้ยงดูมา 2 ปี ไปให้กับคนอื่นได้หรือ”
3
13 ปีผ่านไป เด็กทั้งสองเติบโตมาเป็นวัยรุ่น แข็งแรงสุขภาพดี แต่ชีวิตจริงๆ กลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่แม่ของทั้งสองฟ้องร้องต่อโรงพยาบาล สื่อนำเสนอข่าวกันยกใหญ่ เมื่อหนูน้อยเติบโตมา ก็ได้รับรู้ความจริงตรงนี้ ทางเกวินซึ่งได้อยู่ในบ้านหรู ฐานะดี ยอมรับว่า ความผิดพลาดนี้ส่งผลให้ชีวิตเขาโชคดีมากจริงๆ
ส่วนโรบินนั้นกลับตรงกันข้าม เพราะชีวิตเขาไม่เคยง่ายเลย มีแต่เรื่องยากๆ เต็มไปหมด
“ถ้าผมอยากได้อะไรสักสิ่ง ก็ต้องทุ่มกายทุ่มใจเพื่อได้มันมา ไม่มีอะไรง่ายๆ วิ่งเข้าหาตัวผมเลย”
ความในใจของเด็กน้อยที่ชะตาชีวิตพลิกผัน เพราะพยาบาลมอบเขาให้กับแม่ผิดคน แถมมารดาแท้ๆ ก็ปฏิเสธจะรับกลับไปเลี้ยง มันช่างปวดร้าวยิ่งนัก
ขณะที่อีกคนสุขสบาย ด้านเด็กหนุ่มอีกรายต้องดิ้นรนต่อสู้กับความลำบาก เพียงเพราะความผิดพลาดของโรงพยาบาล สิ่งนี้มันคุกรุ่นในใจของเมกส์เช่นกัน
แม้จะรักเกวินเหมือนลูกแท้ ๆ แต่เมื่อรู้ว่าโรบิน ลูกจริงๆ ต้องเผชิญชะตากรรมสุดย่ำแย่ อยู่กับความยากจน และความไม่สมประกอบของครอบครัวอีกฝ่าย ทำให้หญิงสาวยื่นขอเสนอสำคัญแก่บุตรตามสายเลือด
“ย้ายมาอยู่กับแม่ไหมล่ะ”
พลันที่ข้อเสนอนี้ยื่นออกมา โรบินก็คาดไม่ถึงกับทางเลือกนี้ แต่เพราะชีวิตวัยรุ่นที่มันยากลำบาก ทั้งที่เขาไม่ควรต้องเจอแบบนี้ เลยทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจออกจากบ้านสลัม เพื่อไปอยู่คฤหาสน์หลังงาม อาศัยกับแม่แท้ๆ ของตัวเอง
สาเหตุที่เขาตัดสินใจแบบนี้ นั่นก็เพราะตลอดชีวิตของโรบิน เขาโตมาในเด็กที่มีครอบครัวยากจน แม้แม่จะรักเขา แต่ชีวิตมันก็ลำบากมาก ความเลวร้ายยังทับถมไปอีก เมื่อความจริงปรากฏขึ้นผ่านสื่อว่า คนที่เลี้ยงเขาไม่ใช่แม่แท้ๆ และเขามาจากครอบครัวร่ำรวย ควรจะได้มีชีวิตยิ่งกว่านี้
นั่นทำให้เขามีคำถามเดิมวนไปวนมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัว นั่นก็คือ ตอนที่หญิงสาวทั้งสองรู้ว่า เด็กถูกสลับตัวกัน ทำไมล่ะ และทำไม ถึงไม่แลกลูกจริงๆ คืนกลับไป เพื่อเลี้ยงเด็กให้ถูกคนกันเล่า ซึ่งจะทำให้เขาไม่ต้องเจอความทุกข์ยากอย่างนี้ด้วย
แม้จะย้ายมาอยู่บ้านคนรวย มีชีวิตที่ดี แต่โรบินก็รู้สึกเป็นส่วนเกินในครอบครัวนี้อยู่เสมอ เช่นเดียวกับแซนดี แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยากจน พลันที่ลูกปลอมๆ ที่เธอเลี้ยงมา อยากกลับไปอยู่กับแม่แท้ๆ ส่วนลูกจริงๆ ที่อยู่อีกบ้าน ไม่อยากกลับมาอยู่เผชิญกับความลำบาก จะให้ผู้หญิงคนนี้ทำอย่างไรได้
เธอเลยตัดพ้ออย่างเจ็บปวดในชะตากรรมที่ประสบพบเจอ ซึ่งมันช่างขมขื่นและไม่พอใจเมกส์ซึ่งครั้งหนึ่งบอกว่าจะดูแลกันและกันเหมือนพี่สาวน้องสาว แต่มาวันนี้ ผู้หญิงคนนี้ฮุบลูกเธอไปหมดเลย หากทั้งสองตัดสินใจสลับลูกกันตั้งแต่ตอนเด็กเกิดได้ 2 ขวบ มันก็อาจไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่
“ฉันอยากรู้ว่า เธอมีความสุขกับสิ่งที่ทำไปเหรอ นั่นมันทำลายชีวิตฉันเลยนะ แถมยังไม่ให้ทางเลือกอะไรด้วย”
4
กระนั้นแซนดีก็ยอมให้โรบินไปอยู่กับครอบครัวที่ดีกว่า พร้อมกับปฏิเสธรับตัวเกวินลูกแท้ๆ มา แม้ไม่มีลูกให้เลี้ยงและต้องดิ้นรนกับชีวิตกันต่อ แม้จะเจ็บปวดขนาดไหน เธอก็ยอมทน
ส่วนโรบิน แม้มาอยู่กับแม่แท้ๆ แล้ว แต่เขาก็ยังโทร.หาแม่ที่เลี้ยงดูมาทุกวัน รับรู้ถึงความเหงา ความปวดร้าว ซึ่งเป็นสิ่งที่เกวินไม่ได้รับรู้และไม่อยากรู้เห็นเลย
เด็กหนุ่มทั้งสอง แม้จะเข้าขากันเป็นอย่างดี แต่ทั้งคู่ก็มีความแตกต่างกัน เกวินลูกคนรวย ฝันอยากจะหางานดีๆ จะได้มีชื่อเสียง มีรายได้มั่งคั่งยิ่งกว่าเดิม เขาเป็นดาวเด่นในโรงเรียน ส่วนโรบิน เขาไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเลย ต้องเผชิญความเปลี่ยวเหงา จนต้องโทร.คุยกับแม่ที่เลี้ยงดูมา ซึ่งแม้จะมีชีวิตยากจนลำบากแค่ไหน ความรักของผู้หญิงคนนี้ที่มอบให้เขากลับล้นเปี่ยม มีความสุข เธอคือแม่ที่ดีและสอนให้เขารู้จักสิ่งที่เรียกว่าความห่วงใย
ขณะที่การมาอยู่กับแม่แท้ๆ ก็ทำให้โรบินอึดอัด แม้ชีวิตจะดีขึ้น แต่เขาก็ถูกคาดคั้นให้เรียนหนัก เพราะต้องทำตามเป้าที่แม่บังเกิดเกล้าตั้งไว้
นั่นทำให้พอถึงอายุ 18 ปี เด็กหนุ่มจึงเลิกเรียนหนังสือ ย้ายไปอยู่ทางตอนเหนือ และหางานเป็นช่างก่อสร้างแทน
อิสระครั้งนี้ทำให้เขาถูกปลดปล่อยจากความผิดพลาดทั้งมวล กระนั้นเจ้าตัวก็ยังมีคำถามในใจเสมอมาว่า ทำไมหญิงสาวทั้งสองไม่ยอมแลกลูกกลับมา ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงจะไม่ต้องเจอความลำบากอิหลักอิเหลื่อแบบนี้ แต่เมื่อไม่มีใครแก้ไขอดีตได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเริ่มชีวิตของตัวเองใหม่ ให้พ้นไปไกลจากความวุ่นวายเอง
สิ่งนี้ทำให้เมกส์ถึงกับหัวใจแตกสลาย หลายปีที่ผ่านมา หญิงสาวพยายามให้ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้า ทั้งลูกแท้และลูกที่เลี้ยงมา แต่การที่เธอบีบคั้นโรบินให้เรียนหนัก ทำให้เขาหนีออกจากบ้านไป
กระนั้นชะตาของเมกส์ก็ยังปั่นป่วน เพราะสุดท้ายเกวิน ซึ่งแม้จะไม่พอใจโรบินที่ทิ้งบ้านนี้ไป แต่เขามีปัญหาใหญ่กว่า ท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิต ดูเหมือนสิ่งที่เขาฝัน อยากรวย อยากมีชื่อเสียง จะไม่เป็นผล ไม่สำเร็จอะไรเลย นี่คือสิ่งที่เขาได้มาจากการเลี้ยงดูของครอบครัวนี้
กลายเป็นว่า หาใช่เพียงแม่ทั้งสองที่เจ็บปวดจากความผิดพลาดครั้งนี้ไม่ เพราะดูเหมือนสิ่งเหล่านี้ก็กระทบถึงตัวเด็กอีกด้วย
เมกส์บอกกับนักข่าว หลังพบเจอความล้มเหลวของลูกๆ ที่อาจมาจากการไม่รับสายเลือดไปดูแลเอง ตั้งแต่หลายปีก่อนว่า “ฉันรู้ว่ามันเป็นคำตอบที่ไม่ถูกต้องนัก แม้ไม่มีใครเห็นด้วย แต่ฉันคิดว่าทุกคนเข้าใจได้”
นี่คือคำตอบที่เธอเชื่อว่าการตัดสินใจในอดีตนั้น เหมาะสมแล้ว
กระนั้นโรบินกลับเห็นต่าง แม้ทุกวันนี้ เขาจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องข้องแวะกับความอลหม่านจากอดีตอีกต่อไป โดยมีคำสอนจากแซนดี แม่ที่เลี้ยงเขามา เพาะบ่มให้เขาได้รู้จักความรัก จนในที่สุดเขาก็ได้ตกหลุมรักหญิงสาว ได้แต่งงาน และมีลูกชายสายเลือดของเขาจริงๆ เกิดมาบนโลกใบนี้
เมื่อได้เห็นหน้าบุตร เขาก็เข้าใจสาเหตุว่า ทำไมแม่ทั้งสองถึงไม่คืนเด็กกลับไป นั่นก็เพราะทั้งคู่ได้ผูกพันและรักลูกของตัวเองแล้ว ซึ่งสายสัมพันธ์ที่โยงใยนี้ทำให้หญิงสาวสองคนไม่อาจแยกขาดจากเด็กที่ตนเลี้ยงมาได้ และพวกเธอคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมแล้ว และชายหนุ่มก็เข้าใจ
เพียงแต่ว่าหากเลือกได้ เขาคงจะทำอีกแบบ อีกหนทาง ที่อย่างน้อย คงจะดีกว่านี้ ซึ่งมันสะท้อนอยู่ในคำถามที่นักข่าวถามว่า หากลูกของเขาไม่ใช่บุตรจริงๆ จะทำอย่างไร
โรบินยิ้มกว้างขณะอุ้มทารกของตัวเอง แล้วพูดว่า “หากเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ผมก็คงไม่คืนให้ใครหรอก และผมจะไม่ออกตามหาเด็กอีกคนด้วย
“เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็โอเคแล้ว และเราควรรักษามันไว้แบบนั้น น่าจะดีกว่า”
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.themirror.com/news/us-news/man-switched-birth-says-resented-284187
https://www.youtube.com/watch?v=lIdDXBHKejw
https://www.youtube.com/watch?v=TJdYkQFseIM
https://www.thesun.co.uk/news/17363049/poor-switched-birth-while-other-kid-rich/
https://www.mirror.co.uk/news/world-news/i-resent-mum-not-switching-25992525
https://www.dailyrecord.co.uk/news/uk-world-news/man-swapped-birth-resents-mother-25995413
https://news.amomama.com/287533-poor-rich-mom-learn-their-sons-were-swit.html
Tags: สลับตัวทารก, แม่, Haunted History