ดูเหมือนว่าทุกๆ ปีที่วันวาเลนไทน์มาถึง โลกรอบกายของเราจะเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดง ช็อกโกแลต และของขวัญ

และภาพวันวาเลนไทน์ปีนี้คงไม่ต่างจากภาพวันวาเลนไทน์ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา

คนโสดหลายคนยังคงใช้ห้วงยามนี้สารภาพรักกับใครสักคน โดยหวังให้สถานะที่เป็นอยู่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม

คู่รักหลายคู่ยังคงแสดงความรักด้วยการมอบของขวัญ กุหลาบสีแดง และพากันไปกินข้าวนอกบ้าน เพื่อดินเนอร์หรูกันสักมื้อ

ส่วนคนโสดที่ไม่มีใครก็คงชวนเพื่อนออกไปทำกิจกรรมบางอย่างแก้เหงา แล้วก็โพสต์สเตตัสในเชิงไม่แคร์ความโสด ขณะที่คนโสดที่ไม่มีที่ไป ก็อาจนั่งอยู่บ้านเฉยๆ ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาโพสต์สเตตัสในเชิงเหงา เบื่อ หรืออาจจะไม่โพสต์อะไรเลย เพราะไม่รู้สึกอะไร แล้วปล่อยให้วันเวลาเดินผ่านไปจนจบวัน

ภาพซ้ำๆ เดิมๆ เหล่านี้ล้วนวนซ้ำไปซ้ำมา ไม่ต่างจากคำถามและนิยามเกี่ยวกับ ‘ความรัก’ ที่กลายเป็นประเด็นให้ขบคิดและตั้งคำถามตลอดช่วงชีวิตของคนคนหนึ่ง

ความรักคืออะไร?

ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่เมื่อคนเราเริ่มตั้งคำถาม พยายามขบคิด หรือวัดคุณค่าเกี่ยวกับความรัก ในด้านหนึ่งคนคนนั้นก็กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับความรักไปพร้อมๆ กัน

เพราะเมื่อมีคำถามจึงทำให้เกิดปัญหาอะไรเอ่ยให้ขบคิดเกี่ยวกับความรัก หากคุณกำลังสงสัยว่าคำถามและปัญหาอะไรเอ่ยเกี่ยวกับความรักคืออะไร ขอให้ลองนึกถึง Club Friday ที่ดีเจสองคนคอยตอบคำถามคนที่โทรเข้ามาปรึกษาปัญหาความรัก หรือแม้กระทั่งคอลัมน์ตอบปัญหาความรักและความสัมพันธ์ของ อ.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ ใน The Momentum ก็ตามที

ถ้าคุณเคยผ่านตาหรือฟังรายการที่ยกตัวอย่างมาบ้าง จะพบว่า แท้จริงแล้วในความสัมพันธ์นั้นเต็มไปด้วยปัญหาและคำถาม ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป รักที่เธอมีให้น้อยลงหรือเปล่า ไม่อยากให้เธอหรือเขาจากไปทำอย่างไรดี หรือบางทีก็เป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำไมเขาถึงไม่มารับ ทำไมเธอจึงไม่ตอบไลน์ ทำไมเขาไม่ซื้อกระเป๋าให้ ฯลฯ

หากคุณมีคนรัก และกำลังมีคำถามและกำลังติดข้องกับเรื่องเหล่านี้ คุณจะเรียกความรักที่คุณมีว่าความรักได้หรือไม่

‘ความรักไม่เคยทำร้ายใคร หากท่านกำลังรู้สึกว่าความรักกำลังทำให้ท่านเจ็บปวด มันไม่น่าจะใช่ความรัก’

คือข้อความหนึ่งของ โอโช (Osho) มหาปราชญ์ชาวอินเดีย ในหนังสือ ดีไซน์รัก หรือ Being in Love

คำกล่าวของโอโช นอกจากชวนให้นึกถึงคู่รักหลายคู่ที่กำลังทุกข์ทรมานจากการเรียกชื่อความคาดหวังของตนว่าความรัก ก็ชวนให้นึกถึงคนโสดอีกหลายคนที่ตีอกชกหัว ฟูมฟาย หงอยเหงา และรู้สึก ‘หว่อง’ กับชีวิตโสดอันโดดเดี่ยว

เพราะดูเหมือนว่า คนทั้งคู่ต่างกำลังเจ็บปวดกับชีวิตที่เป็นอยู่ และกำลังเข้าใจความรักผิดไป

ถ้าหากความรักไม่ใช่ความเจ็บปวด แล้วความรักคืออะไร?

เคยได้ยินไหมที่ว่า #รักอยู่รอบตัวเรา คำนี้ฟังดูเหมือนน้ำเน่า แต่เป็นความจริง ที่ว่าเราให้ค่ากับความรักอย่างไร คนรัก หรือมากกว่านั้น

และเราเลือกจะมองสิ่งรอบตัวด้วยสายตาแบบไหน ยกตัวอย่างใกล้ๆ ไม่ต้องดูที่ไหนไกล ยามที่เห็นสเตตัสของเพื่อนบางคนบนเฟซบุ๊ก เรายังขุ่นเคือง ขัดข้อง อิจฉา หมั่นไส้หรือไม่ เพราะอารมณ์ด้านลบเหล่านั้น แท้จริงแล้วคือกระจกที่ส่องสะท้อนความเจ็บปวดและความเกลียดชังที่อยู่ลึกๆ ในใจของเรา

แล้วความรักคืออารมณ์ด้านบวกซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามหรือไม่ ความเบิกบาน ความมีชีวิตชีวา และไม่เห็นแก่ตัวคือความรักใช่ไหม ก็อาจใช่ แต่มากกว่านั้นความรักน่าจะหมายถึงการรับความสวยงามและอัปลักษณ์ของสิ่งต่างๆ และมองอย่างเข้าใจ

เข้าใจว่านอกจากฉันยังมีเธอ นอกจากเขายังมีเรา ไม่อคติ ไม่เกลียดชัง ไม่แซะคนที่เห็นต่าง สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้ชีวิตเบิกบานและมีความสุข ไม่ว่าสเตตัสตอนนี้ของเราจะอยู่ใน ‘สถานะ’ อะไร

อย่าลืมว่า

‘ความรักไม่เคยทำร้ายใคร’ …แม้แต่ตัวเราเอง

หากคุณนึกไม่ออกว่า #รักอยู่รอบตัวเรา มีหน้าตาเป็นเช่นไร คลิปด้านล่างบทความนี้น่าจะบอกคุณได้

ขอให้ทุกคนพบรักในทุกๆ วัน

แฮปปี้ วาเลนไทน์เดย์

ภาพประกอบ: Karin Foxx

Tags: ,