ปกติเรามักจะคุ้นชินกับภาพสุนัขลากเลื่อนบนธารน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนในแถบขั้วโลกเหนือ แต่ภาพแบบนั้นในอนาคตอาจจะไม่มีอีกแล้ว เพราะล่าสุดสเตฟเฟน โอลเซน นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Danish Meteorological Institute ได้เดินทางไปยังจุดเหนือที่สุดในกรีนแลนด์เพื่อไปเก็บเครื่องมือตรวจสอบสภาพอากาศและมหาสมุทรที่เพื่อนในทีมได้ติดตั้งเอาไว้ พร้อมกับการใช้สุนัขลากเลื่อนเช่นเคย แต่สิ่งที่เขาประสบและถ่ายภาพมาให้เราได้ดูทำให้ผู้คนทั่วโลกช็อกไปตามๆ กัน เพราะจากผืนน้ำแข็งที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนได้กลายเป็นทะเลสาปที่ละลายมาจากน้ำแข็งไปเสียแล้ว
แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์เป็นแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่ตอนนี้ด้วยสภาวะโลกร้อนทำให้จากแผ่นน้ำแข็งที่เคยปกคลุมไปด้วยหิมะ กลายเป็นท้องทะเลขนาดตื้นที่ทำให้การสัญจรด้วยสุนัขลากเลื่อนนั้นต้องประสบปัญหาตามไปด้วย และหลังจากสเตฟเฟนทวีตภาพนี้ลงในทวิตเตอร์มันก็กลายเป็นไวรัลทันที พอๆ กับภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ทั้งหมีโพลาร์ที่หิวโซ ธารน้ำแข็งที่แตกตัว ตัววอลรัสที่เกยตื้นและทะเลสาบที่เหือดแห้ง ซึ่งทั้งหมดเป็นผลพวงที่เกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวนวิปริตจากภาวะโลกร้อน
“คงจะต้องถ่อแพออกไปล่าสัตว์และตกปลาแล้วล่ะ” สเตฟเฟน โอลเซน ทวีตภาพนี้พร้อมข้อความติดตลกลงในทวิตเตอร์
ฤดูน้ำแข็งละลายของกรีนแลนด์อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนสิงหาคม โดยจะมีการละลายของน้ำแข็งเป็นจำนวนมากในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของที่นั่น แต่ในปีนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าน้ำแข็งที่เคยมีหายไปเป็นจำนวนมากและมีการละลายเร็วขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่ในวันที่ 13 มิถุนายนที่สเตฟเฟน โอลเซน ถ่ายภาพนี้คาดว่ามีการการละลายของน้ำแข็งเป็นจำนวน 2 พันตันเลยทีเดียว
นักวิทยาศาสตร์เก็บสถิติรายปีและนำมาใช้คาดการณ์การละลายของน้ำแข็งบนแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์เป็นเวลาหลายเดือนและปริมาณของน้ำแข็งที่ละลายไปแล้วในต้นฤดูร้อนนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง น้ำแข็งที่หายไปในช่วงต้นฤดูร้อนทำให้เกิดการละลายมากขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเพราะหิมะและน้ำแข็งสีขาวจะสะท้อนรังสีจากดวงอาทิตย์กลับสู่อวกาศ ลดปริมาณความร้อนที่ดูดซับไว้และทำให้น้ำแข็งเย็น ยิ่งมีน้ำแข็งน้อยความร้อนที่จะถูกสะท้อนออกไปก็น้อยลง และทำให้การละลายยิ่งมีมากขึ้น
ที่สำคัญก็คือการละลายของน้ำแข็งของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์มีผลโดยตรงต่อปริมาณน้ำในทะเลที่สูงขึ้น นั่นหมายความว่ายิ่งน้ำแข็งละลายมากขึ้นเท่าไร น้ำในทะเลก็จะมีมากขึ้น และผู้คนที่เคยอาศัยตามแนวชายฝั่งหลายล้านคนก็จะประสบปัญหาและอาจจะต้องย้ายถิ่นฐาน โดยตั้งแต่ปี 1972 การละลายของน้ำแข็งจากแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้นประมาณ 13.7 มิลลิเมตร หรือครึ่งนิ้ว
นอกจากนี้การละลายของน้ำแข็งยังมีผลโดยตรงต่ออุณหภูมิโลกอีกด้วย เพราะว่าการที่คลื่นความร้อนถูกสะท้อนกลับออกไปสู่ชั้นบรรยากาศน้อยลง ความร้อนที่สะสมอยู่จะทำให้ทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น และการที่ทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นก็จะกลับมามีผลทำให้น้ำแข็งละลายมากขึ้นไปอืด เป็นวัฏจักรไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะเข้าหน้าหนาวอีกครั้ง วงจรนี้ถึงจะหยุดลง แต่ในปัจจุบันหน้าหนาวก็ร้อนขึ้นๆ อันเป็นผลพวงมาจากภัยพิบัติจากสภาพอากาศที่เปลี่ยงแปลงจากสภาวะโลกร้อน อาจจะทำให้วัฏจักรที่เคยหยุดลงในช่วงหน้าหนาวนั้นไม่หยุดลงและดำเนินต่อไปและทำให้น้ำแข็งละลายตลอดทั้งปีโดยไม่หยุดเลยก็ได้ และในอนาคตก็อาจจะทำให้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสุนัขลากเลื่อน เพราะจากภาพของสเตฟเฟน โอลเซน ก็เห็นแล้วว่าน้ำท่วมไปครึ่งขาของเจ้าสุนัขทั้งหลายแล้ว และไม่มีเพียงแค่สุนัขลากเลื่อนเท่านั้นที่จะหายไป แผ่นดินชายฝั่งหรือเกาะหลายเกาะก็คงจะหายไปในไม่ช้าเช่นเดียวกัน
ที่มา:
https://edition.cnn.com/2019/06/17/health/greenland-ice-sheet-intl-hnk/index.html?
ที่มาภาพ : Steffen Olsen/AFP
Tags: โลกร้อน, กรีนแลนด์