การแข่งขันฟุตบอลของยุโรปในฤดูกาล 2017/18 ทยอยปิดฤดูกาลลงไปเพื่อรอเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่มีแฟนบอลชาวไทยติดตามมากที่สุด ก็จบลงด้วยความสำเร็จของทีมมหาเศรษฐีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของผู้จัดการทีม เป๊บ กวาดิโอล่า (Joseph Pep Guardiola) ที่พอพาทีมเรือใบสีฟ้าขึ้นจ่าฝูงได้ ก็นำแบบม้วนเดียวจบจนกระทั่งได้แชมป์อย่างเป็นทางการตั้งแต่นัดที่ 33 ที่สำคัญยังทำลายสถิติหลายอย่างของพรีเมียร์ลีกแบบไม่เกรงใจคู่แข่ง ทั้งการเป็นทีมแรกที่ทำคะแนนได้สูงถึง 100 คะแนน และการทำประตูได้มากถึง 106 ประตู สูงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับบาเซโลนาในลาลีก้า สเปน และบาเยิร์น มิวนิคในบุสเดสลีกา เยอรมนี กุนซือจอมแท็คติกอย่างกวาดิโอล่าก็มุ่งหน้าสู่แมนฯ ซิตี้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในปี 2016 และใช้เวลาเพียงแค่สองฤดูกาลในการสยบลีกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นการแข่งขันสูงสุดลงอย่างราบคาบ มิใช่แค่การคว้าแชมป์อย่างไร้เทียมทานในฤดูกาลปัจจุบันเท่านั้น หลายคนยังจัดให้ทีมแมนฯ ซิตี้ในห้วงเวลานี้เป็นทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ
อาจจะมีคนเห็นด้วยกับคำกล่าวอ้างนี้ แต่คงมีแฟนบอลอีกไม่น้อยที่คัดค้าน โดยยกยอดทีมในยุคอื่นๆ ขึ้นมาเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเป็นแมนฯ ยูไนเต็ดยุคสามแชมป์ในปี 1998/99 ทีมอาร์เซนอลยุคไร้พ่ายในปี 2003/04 หรือแม้แต่ทีมเชลซีในปี 2004/2005 ภายในการนำของโชเซ่ มูรินโญ่ที่เป็นเจ้าของสถิติเดิมที่เคยทำแต้มสูงสุดไว้ที่ 95 คะแนน
ข้อถกเถียงเช่นนี้คงไม่อาจหาข้อยุติได้หากเกิดขึ้นในวงสนทนาของแฟนกีฬาทั่วไป แต่หากแฟนบอลคนนั้นเป็นนักคณิตศาสตร์ด้วยแล้ว การหาคำตอบของทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกอังกฤษ ย่อมเป็นไปมากกว่าการถกเถียงเอามันอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ศาสตราจารย์โรส เบเกอร์ (Rose D. Baker) แห่งมหาวิทยาลัยซัลฟอร์ด และศาสตราจารย์เอียน แม็คฮาลี่ (Ian McHale) แห่งมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และสถิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถิติเกี่ยวกับกีฬา ในปี 2015 ทั้งคู่ได้ตีพิมพ์บทความที่ชื่อ “Time Varying Ratings in Association Football: The All-Time Greatest Team is…” ลงในวารสาร Journal of the Royal Statistical Society โดยทั้งคู่ได้สร้างแบบจำลองขึ้นมาเพื่อหาคำตอบว่าทีมใดคืออันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกอังกฤษ
เหตุผลที่จะต้องสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อนขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบทีมที่อยู่ต่างห้วงต่างเวลากันนั้น เนื่องจากการนำสถิติคนละช่วงเวลามาเปรียบเทียบกันตรงๆ จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับความสามารถของทีมคู่แข่งที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นในบางปีทีมอันดับที่สองสามอาจจะแข็งแกร่งมากจนทำให้สถิติของทีมที่ได้แชมป์อาจจะไม่สวยหรูเท่ากับปีที่ทีมลำดับรองๆ ลงไปอ่อนแอกว่า แบบจำลองที่สร้างขึ้นจึงคำนึงถึงความแข็งแกร่งของทีมร่วมลีก โดยจะแยกความสามารถของแต่ละทีมออกเป็นสองด้านคือคะแนนด้านทีมรุกอันหมายถึงการทำประตู และคะแนนด้านทีมรับคือการเสียประตูให้น้อยที่สุด ผลการแข่งขันในแต่ละนัดจะมีค่าสัมประสิทธิ์ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันของทีมนั้นและทีมคู่แข่งในช่วงก่อนหน้า
ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาจะเป็นข้อมูลการแข่งขันฟุตบอลสี่ลีกสูงสุดและฟุตบอลถ้วยในอังกฤษและเวลส์ตั้งแต่ปี 1888 ถึงปี 2012 รวมกว่า 206,843 นัด จำนวนประตูทั้งสิ้น 601,039 ประตู แต่ไม่รวมผลการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปเข้ามาในแบบจำลอง กราฟด้านล่างแสดงถึงจำนวนประตูเฉลี่ยแต่ละนัดที่เกิดขึ้นในแต่ละปี (แบบจำลองนี้ใช้ปีปฏิทินแทนที่จะเป็นฤดูกาลแข่งขัน) โดยแยกเป็นจำนวนประตูที่ทีมเจ้าบ้านทำได้ (x) และประตูที่ทีมเยือนทำได้ (+)
จากกราฟจะเห็นได้ว่าแต่ละช่วงเวลาจำนวนการทำประตูเฉลี่ยก็จะมากน้อยแตกต่างกันไป บางช่วงที่แท็คติกที่ประสบความสำเร็จอาจจะเน้นเกมบุกที่สนุกเร้าใจ แต่ในบางช่วงเวลาเกมรับที่แข็งแกร่งก็เป็นหัวใจของชัยชนะ การเปรียบเทียบสถิติการทำประตูอย่างเดียวจึงไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้แบบจำลองยังคำนึงถึงผลการแข่งขันของการเล่นในบ้านและนอกบ้านอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากกราฟ ช่องว่างของกราฟทั้งสองเส้นก็สะท้อนถึงโอกาสที่ทีมเจ้าบ้านจะชนะที่สูงกว่าและเห็นได้ว่าในอดีตความได้เปรียบของเจ้าบ้านจะมีมากกว่าในปัจจุบันมาก ซึ่งช่องว่างดังกล่าวก็ค่อยๆ แคบลงในปัจจุบัน
แบบจำลองนี้จึงให้ความสำคัญทั้งความสามารถของทีมรับและทีมบุกของคู่แข่งซึ่งคิดคำนวณมาจากผลงานนัดที่ผ่านๆ มาของทีมนั้น และสนามที่แข่งขันว่าเป็นทีมเยือนหรือเจ้าบ้าน ซึ่งการวิเคราะห์โดยแบบจำลองนี้ทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษได้แก่ทีมเชลซีในปี 2006 ตามมาด้วยแมนฯ ยูไนเต็ดปี 2008 และอาร์เซน่อลในปี 2003
10 อันดับทีมที่ได้คะแนนสูงสุดจากแบบจำลอง
อันดับ | ทีม | ปี |
---|---|---|
1 | Chelsea | 2006 |
2 | Manchester United | 2008 |
3 | Arsenal | 2003 |
4 | Liverpool | 1987 |
5 | Manchester City | 2011 |
6 | Manchester United | 1998 |
7 | Everton | 1986 |
8 | Leeds United | 1969 |
9 | Liverpool | 1977 |
10 | Preston North End | 1888 |
10 อันดับทีมที่ได้คะแนนสะสม 10 ปีสูงสุดจากแบบจำลอง
อันดับ | ทีม | ปี |
---|---|---|
1 | Manchester United | 1992 – 2002 |
2 | Liverpool | 1979 – 1989 |
3 | Wolverhampton Wanderers | 1951 – 1961 |
4 | Manchester United | 1946 – 1956 |
5 | Chelsea | 2001 – 2011 |
6 | Tottenham Hotspur | 1956 – 1966 |
7 | Arsenal | 1945 – 1955 |
8 | Preston North End | 1950 – 1960 |
9 | Liverpool | 1962 – 1972 |
10 | Manchester United | 1959 – 1969 |
เมื่อนำคะแนนที่คำนวณได้ในแต่ละปีมารวมกัน เพื่อดูว่ายอดทีมจากทศวรรษไหนเป็นอันดับหนึ่งแห่งเกาะอังกฤษ ผลก็คือแมนฯ ยูไนเต็ดในช่วงปี 1992 – 2002 ซึ่งสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ถึง 7 สมัย โดยอันดับที่สองและสามได้แก่ลิเวอร์พูล 1979 – 1989 และวูล์ฟแฮมตัน 1951 – 1961 ตามลำดับ
แม้ว่าจะมีการนำองค์ความรู้ทางสถิติมาสร้างแบบจำลองที่สลับซ้ำซ้อนขึ้นเพื่อมาหาทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วก็ตาม แต่ข้อถกเถียงนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่เป็นที่ยอมรับของเนิร์ดฟุตบอลในทุกหย่อมหญ้า คำวิจารณ์มากมายเช่นจำนวนทีมที่เปลี่ยนแปลงไปของฟุตบอลลีก ความเข้มข้นของการแข่งขันฟุตบอลยุโรปที่อาจส่งผลต่อการแข่งขันในประเทศ รวมถึงการที่ต้นตำรับทีมไร้พ่าย (The Original Invincible) อย่างเพรสตันนอร์ทเอ็นในปี 1888 ที่ได้ทั้งแชมป์ลีกและฟุตบอลถ้วยแบบไร้พ่ายตลอดปีกลับถูกจัดอยู่เพียงลำดับที่ 10 และที่สำคัญสำหรับแฟนบอลปัจจุบันคืองานวิจัยฉบับนี้ใช้ข้อมูลถึงแค่ปี 2012 ดังนั้นจึงยังไม่ได้รวมผลงานของแมนฯ ซิตี้ในฤดูกาลล่าสุดเข้าไปด้วย จึงต้องรอดูกันว่าจะมีการคิดคำนวณใหม่ในเร็วๆ นี้หรือไม่
นอกจากนี้ศาสตราจารย์แม็คฮาลี่ยังได้ใช้แบบจำลองเดียวกันไปวิเคราะห์การแข่งขันฟุตบอลทีมชาติ ซึ่งทีมที่ได้คะแนนการประเมินสูงสุดก็คือทีมชาติฮังการีช่วงปี 1953 – 1955 นำโดยเฟเรนส์ ปุสกัส (Ference Puskus) นั่นเอง โดยมีทีมชาติบราซิล 1996-98 และทีมชาติสเปน 2009-2011 มาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ
อ้างอิง:
- Baker, R. D., & McHale, I. G. (2015). Time varying ratings in association football: the all-time greatest team is… Journal of the Royal Statistical Society: Series A (Statistics in Society), 178(2), 481-492
- Best international football team of all time revealed