อันที่จริง BMW Series 7 รุ่นนี้ เปิดตัวมาได้สักระยะตั้งแต่ปี 2022 แต่ MGC หรือมิลลิเนียม ออโตกรุ๊ป ผู้จัดจำหน่าย BMW กลับมาแนะนำอีกรอบด้วยโปรโมชันพิเศษ ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของ MGC 

ย้อนความกลับไป Series 7 มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับตั้งแต่ Gen แรก เมื่อปี 1977 ผ่านมาวันนี้ เดินมาถึง Gen ที่ 7 เป็นระยะเวลากว่า 48 ปี ด้วยรหัสตัวถัง G70 นับเป็น Gen แรก ที่เลือกให้รุ่นหรูที่สุด เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรก

สำหรับจุดเริ่มต้น เริ่มมาจากการเปลี่ยนผ่านของยานยนต์ในยุโรป ที่ต่างก็มีรุ่นที่เป็น EV ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวตระกูล EQ ของเมอร์ซิเดส-เบนซ์, E-Tron ของ Audi ในยุคที่ทุกคนพูดถึงเรื่อง ความยั่งยืนหรือ Sustainability

เมื่อ BMW ลงมาเล่นเกมนี้ BMW ก็เริ่มเสียบปลั๊กไฟฟ้า เข้ากับ Series 7 Gen ใหม่ ให้กลายเป็นยานยนต์ที่หรูด้วย ประหยัดด้วย เงียบด้วย นั่งหน้าก็สบาย แต่นั่งหลังสบายกว่า

หลังจากทดลองขับระยะสั้นๆ สิ่งที่สังเกตเห็นคือ ของเล่นสำหรับฟากคนขับ (ซึ่งส่วนมากจะเป็นคนขับรถขับ และอาจมีพ่อบ้านขับไปตีกอล์ฟช่วงวันหยุด) BMW ให้ของเล่นมาสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นจอ 12.3 นิ้วด้านหน้า ผนวกเข้ากับจอกว้าง 14.9 นิ้ว ที่เป็น Infotainment ปุ่มต่างๆ กดยากไปสักนิด หายากไปสักหน่อย แต่ก็ให้สิ่งที่พึงมีและควรมีสำหรับรถยนต์ยุคใหม่มาครบถ้วน ตั้งแต่ Apple Carplay, Ambient Light หลากหลายสี หัวเกียร์คริสตัล ไฟหน้าคริสตัล โหมดการขับขี่ ที่มีโหมด Sport ให้กดหนักๆ และ Efficient ที่เน้นประหยัด คุ้มค่า Personal เป็นค่ามาตรฐาน และโหมดอื่นๆ รวมโหมดการขับขี่มากกว่า 8 โหมดด้วยกัน โดยโหมดหลัก 3 โหมด จะแตกต่างตั้งแต่คันเร่ง พวงมาลัย ช่วงล่าง เบาะ ไปจนถึง Ambient Light ในห้องโดยสาร

ขณะที่เบาะนั่งเป็นแบบ Lumbar โอบ กระชับ สบาย พร้อมกับเก้าอี้นวดให้เอนนอน เพราะเป็น EV ข้อดี ก็คือเปิดแอร์นอนในรถ พักผ่อนได้ยาวๆ 

สิ่งที่สบายที่สุดใน i7 คือ เบาะหลังสำหรับคุณท่านและคุณนาย สามารถเอนนอนได้สบายๆ เพราะตัวรถคันนี้มีความยาวมากกว่า 5,391 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อกว้างถึง 3,215 มิลลิเมตร ระบบเบาะหลังเอนนอนยังมาพร้อมจอหลังแบบพาโนรามา 31.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ 8K ทิ้งลงมาจากหลังคา สามารถแยกฝั่งซ้ายขวา หรือจะดูเต็มจอก็ได้เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้ และคู่แข่งไม่ว่า Mercedes-Benz EQS, Mercedes-Benz S-Class และคู่แข่งทุกรุ่น สื่อต่างประเทศลงความเห็นว่า เจ้า i7 ตัวใหม่ เปรียบเสมือน First Class on Wheel

Series 7 ไฟฟ้า ยังมาพร้อมอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับรถระดับไฮเอนด์ก็คือ ลำโพง Bowers & Wilkins Diamond ที่ให้เสียงเซอร์ราวด์มากถึง 39 ตัว เปิดเพลงที กระหึ่มไปทั้งคันรถ หรือจะดูหนังในรถก็ย่อมได้ อย่างไรก็ตามระบบยังงงๆ อยู่สักนิดหนึ่ง เพราะต้องใช้รีโมตคอนโทรลควบคุมเจ้ากล่องที่ติดมากับรถอีกที และยังต้องใส่ซิมการ์ดกับกล่อง ไม่ได้ Built-In มาให้เลยเหมือนกับ Tesla

ส่วนสเปกด้านแรงขับเคลื่อน i7 มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ Dual Motor ให้กำลังอยู่ที่ 544 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 4.7 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่การวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง อยู่ที่ 645 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP จากแบตเตอรีขนาดใหญ่ 105.7 กิโลวัตต์ ซึ่งมากเกินกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน

ขณะเดียวกัน แม้ตัวรถจะมีความยาวค่อนข้างมาก แต่ก็มาพร้อมกับระบบ Rear-Wheel Steering ช่วยให้เลี้ยวได้ง่ายขึ้น ในวงเลี้ยวที่แคบขึ้น และแม้รถจะมีความหนัก จากการเป็นยานยนต์ไฟฟ้า แต่ก็มีระบบช่วงล่าง Adaptive air suspension ที่นุ่มนวล แต่ก็ไม่ยวบ ช่วยให้ความมั่นใจในการขับขี่

นอกจากนี้ สำหรับดีไซน์ภายนอก ยังโดดเด่นด้วยกระจังหน้า ไตคู่แบบฉบับ BMW แบบเรืองแสง และไฟหน้าแบบคริสตัล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Series 7 G70 โดยขณะนี้ โมเดลเดินทางมาราว 3 ปีแล้ว แต่ยังคงดูทันสมัย โฉบเฉี่ยว อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ชอบก็ชอบเลย ขณะที่หลายคนก็บอกว่าเจ้า ไตคู่นั้นใหญ่เกินไป และ BMW กำลังสูญเสียอัตลักษณ์การออกแบบ Design Culture แบบดั้งเดิม

เสียดายว่าเส้นทางที่เทสต์กันนั้น การจราจรคับคั่งไปสักนิดเลยไม่ได้ลอง กดคันเร่งหนักๆ ยาวๆ แต่อัตราเร่งรถยนต์ไฟฟ้านั้นเชื่อถือได้อยู่แล้วว่า กดปุ๊ป เป็นได้เร่งแรง เมื่อผนวกกับความเป็น BMW เข้าไป ยิ่งหายห่วง เพราะรถลักชูรีนั้นนิ่ง พวงมาลัยคม และคนนั่งหลัง หากหลับอยู่ก็หลับสบาย

BMW i7 ล็อตนี้เป็นรถนำเข้าทั้งคันแบบ CBU (Completely Built-Up) ส่งตรงมาจากโรงงานที่เมืองดิงโกลฟิง (Dingolfing) แคว้นบาวาเรีย เยอรมนี บ้านเกิดของ BMW และศูนย์กลางการผลิตรถไฟฟ้าของ BMW ในเยอรมนี โดยตามแผนแล้ว BMW วาดหวังภายในปี 2030 รถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็น 50% ของไลน์การผลิตทั้งหมด นั่นทำให้เราได้เห็นยานยนต์ไฟฟ้าของ BMW ในโมเดลที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้น

สำหรับ BMW i7 ล็อตนี้ เป็นล็อตพิเศษในวาระครบรอบ 25 ปี มิลลิเนียม ออโต มีให้เลือก 2 รุ่นคือ i7 xDrive60M Sport Gran Lusso (สีทูโทน) ช่วงล่างระบบ Executive Drive4 ราคา 9,249,000 บาท และ i7 xDrive 60 M Sport ราคา 8,149,000 บาท 

ใครสนใจอาจต้องรีบๆ หน่อย เพราะล็อตของ i7 มาไม่บ่อย และหมดรอบนี้ ไม่รู้จะได้รถอีกเมื่อไร

Tags: , , , ,