เขาคือผู้นำที่เบื้องหลังมหาอำนาจโลก ผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนแก่องค์กรช่วยเหลือที่มีเครือข่ายทั่วโลก องค์กรเหล่านั้นเรียกตัวเองเป็นสื่อมวลชน นักกิจกรรม หรือนักสิทธิมนุษยชน ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นเส้นสายในเครือข่ายของเขา รวมถึงนักการเมืองในประเทศต่างๆ ที่เขาสามารถชักโยงได้ราวกับหุ่นกระบอก
แต่จุดมุ่งหมายของเขาคือ การปล้นวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ประจำชาติของประชากรโลก เพื่อกดขี่และบังคับให้พวกเขาเป็นทาสชั่วนิรันดร์ ด้วยการคาดเดา เขาได้ทำให้ผู้คนหลายล้านคนตกอยู่ท่ามกลางหายนะ อย่างเช่นยามนี้ที่เขากำลังวางแผนแลกเปลี่ยนประชากรในยุโรป ชาวพื้นเมืองที่นับถือคริสต์ศาสนาจะถูกแทนที่ด้วยผู้อพยพชาวมุสลิม
…ทั้งหมดนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ส่วนใหญ่มาจากรัฐบาลชาตินิยม และกลุ่มผู้ไม่ฝักใฝ่ในแนวคิดแบบเสรีนิยม
ในขณะที่เขามักบอกกล่าวเสมอว่า “ผมชอบหาเงินให้ได้เยอะๆ ก็เพื่อคืนกลับไปเป็นสาธารณประโยชน์”
เขาคือมหาเศรษฐีในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และเป็นนักบุญผู้ให้ ผ่านมูลนิธิ Open Society ที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อกลางทศวรรษ 1980s ด้วยเงินนับพันล้าน เพื่อให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ด้านสิทธิมนุษยชน การศึกษา และการส่งเสริมประชาธิปไตย ขณะเดียวกันก็มีผู้คนในหลายประเทศกลับเชื่อว่า เขาคือศัตรูของสังคมโลก คือตัวการสร้างความแตกแยกไปทั่ว
…..
จอร์จ โซรอส (George Soros) เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 1930 ในบูดาเปสต์ พ่อแม่เป็นชาวยิวฐานะดี นำพาครอบครัวรอดพ้นจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวยิวมาได้ด้วยเอกสารปลอมและการหลบซ่อนตัว แต่สื่อในฮังการีตั้งข้อสงสัยหลายครั้งเกี่ยวกับครอบครัวนี้ว่า น่าจะสมคบคิดกับนาซี ทำให้ชาวยิวครอบครัวอื่นๆ ต้องประสบเคราะห์ร้าย เพื่อตัวเองสามารถหนีรอดได้
โซรอสขณะนั้นอายุ 14 ปี รอดตายจากการสังหารหมู่มาได้เพราะมีชื่อเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าหน้าที่ในกระทรวงเกษตร ตัวเขาเองเคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับสถานี CBS เมื่อปี 1998 เพียงแต่ไม่ได้พูดเล่าว่า ครอบครัวของเขาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ด้วยวิธีการใด เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ต้องการอยู่รอดจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการให้ความร่วมมือกับนาซียังคงเป็นที่พูดถึงในแวดวงรัฐบาลฮังการีตราบถึงทุกวันนี้ ดังที่ปรากฏในหนังสือเล่มหนึ่ง กล่าวถึงทฤษฎีสมคบคิดของโซรอส เขียนโดยอันเดรียส ฟอน เรตยี (Andreas von Rétyi) นักทฤษฎีชาวเยอรมันฝ่ายขวาหัวรุนแรง หนังสือเล่มดังกล่าวตีพิมพ์ในปี 2016 โดยสำนักพิมพ์ที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลฮังการี ปีถัดมาโฆษกพรรคฟิเดส (Fidesz = Hungarian Civic Alliance) ของนายกรัฐมนตรีวิกตอร์ ออร์บาน (Viktor Orbán) ออกมาชื่นชมหนังสือเล่มนี้ว่า “มีความละเอียด รอบคอบในการทำงาน”
…..
จอร์จ โซรอสคุ้นชินกับความสิ้นหวังมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงและเป็นจุดเริ่มต้นของเผด็จการคอมมิวนิสต์ ปี 1947 เขาผละออกจากฮังการีไปสหราชอาณาจักร ก่อนอพยพไปสหรัฐอเมริกาในปี 1956 ที่ลอนดอนเขาได้ศึกษางานเขียนของคาร์ล ป็อปเปอร์ (Karl Popper) และฟรีดริช ฮาเยค (Friedrich Hayek) และใฝ่ฝันอยากเป็นนักปรัชญา แต่พ่อของเขากดดันให้ต้องเรียนภาคการเงินอุตสาหกรรม ถึงอย่างนั้นแนวคิดเรื่องสังคมเปิดของป็อปเปอร์ยังเป็นภาพนำของโซรอส จากแนวคิดนั้นเขาค้นพบทางออกร่วมกันของลัทธิเผด็จการแบบฟาสซิสต์และคอมมิวนิสต์ “ที่คนอย่างผมจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในเสรีภาพได้ โดยไม่ต้องถูกไล่ล่าฆ่าให้ตาย”
ตัวตนของนักบุญกับพ่อมดการเงินนั้นแม้จะดูย้อนแย้งอย่างที่กริ่งเกรงกัน แต่โซรอสกลับใช้พื้นที่เสรีของชีวิตทั้งสองด้านนั้นกอบโกยผลประโยชน์และสร้างฐานะตนเองจนมั่งคั่ง ปี 1992 ว่ากันว่าเขามีรายได้จากการโจมตีค่าเงินปอนด์ของอังกฤษกว่าพันล้านดอลลาร์ และจัดสรรผลกำไรส่วนหนึ่งเข้าบัญชีมูลนิธิตั้งแต่ปี 1979 ภายใต้ชื่อ Open Society Foundations (OSF) ให้การสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก เขากระจายเงินทุนสนับสนุนให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสังคม ในรูปแบบของเงินช่วยเหลือและทุนการศึกษา ตามนโยบายพื้นฐานของหน่วยงานฝ่ายต่างประเทศในตะวันตก ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1980s เป็นต้นมา โซรอสบริจาคเงินไปทั่วโลกแล้วถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
…..
ความมุ่งมั่นของจอร์จ โซรอสในการรักษาและปรับปรุงภูมิทัศน์ทางการศึกษาในยุโรปตะวันออกให้ทันสมัยดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ ช่วงทศวรรษ 1990s เศรษฐกิจของฮังการีอยู่ในสภาวะตกต่ำแทบล้มละลาย โซรอสได้หยิบยื่นเงินช่วยเหลือสำหรับการศึกษาจำนวนเกือบเท่างบประมาณทั้งปีของรัฐ ปี 1991 มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยยุโรปกลางขึ้นในบูดาเปสต์ นั่นเปรียบเสมือนหอประภาคารสำหรับนักศึกษาในภูมิภาคนี้ นอกจากนั้นมูลนิธิของโซรอสยังมอบเงินโดยตรงจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ให้กับนักวิจัยในพื้นที่อดีตสหภาพโซเวียตอีกด้วย
ปี 2000 ประชาธิปไตยเริ่มเบ่งบานในเซอร์เบีย ตามด้วยจอร์เจีย กีร์กิสถาน และยูเครน มูลนิธิโอเพน โซไซตีให้ทุนสนับสนุนทุกกิจกรรมความเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย งานนี้รัฐบาลอเมริกันเองก็ยอมควักกระเป๋าจ่ายไปไม่น้อย – 41 ล้านดอลลาร์ในเซอร์เบีย และ 65 ล้านดอลลาร์ในยูเครน เพื่อให้การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม
แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้กับรัสเซีย สิ่งที่สหรัฐอเมริกาและโซรอสทำนั้นเท่ากับเป็นการประกาศสงคราม ปี 2006 วลาดิเมียร์ ปูตินถึงกับต้องออกกฎหมาย เพื่อจำกัดขอบเขตและการดำเนินงานขององค์กรอิสระทั้งหมด
กระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้แนวคิดของโซรอสที่สนับสนุนให้กลุ่มประเทศยุโรปยอมรับผู้อพยพราว 300,000 คนต่อปีโดยผ่านกระบวนการคัดกรองนั้น สร้างความไม่พอให้กับรัฐบาลในหลายประเทศ โดยเฉพาะรัฐบาลพรรคฟิเดสในฮังการีบ้านเกิดของเขา ซึ่งมีจุดยืนแบบชาตินิยม ต่อต้านยิว และอิทธิพลจากต่างชาติ รวมถึงกรีซ มาเซโดเนียเหนือ โรมาเนีย อัลบาเนีย และเซอร์เบีย ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างรัฐและประชาชนในประเทศ จนเกิดการประท้วง ปี 2018 มูลนิธิของโซรอสต้องถูกรัฐบาลในฮังการีและตุรกีสั่งปิด
…..
จากการคาดเดาของนิตยสาร Forbes เมื่อปี 2016 จอร์จ โซรอสน่าจะมีทรัพย์สินในความครอบครองราว 2.49 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นมหาเศรษฐีลำดับที่ 23 ในปีนั้น
และจากมุมมองของโดนัลด์ ทรัมป์ โซรอสคือสัญลักษณ์ของนักเก็งกำไรที่หารายได้ในทางมิชอบ แม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงการคลังในสมัยของทรัมป์เองก็เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโซรอสมาก่อน
จอร์จ โซรอส–พ่อมดการเงินและนักบุญผู้ให้ อายุครบ 90 ปีในปีนี้
อ้างอิง:
https://www.nzz.ch/international/wie-george-soros-vom-messias-zum-volksfeind-wurde-ld.1474124
https://www.dw.com/de/weltmacht-george-soros/a-54526727
Tags: George Soros, จอร์จ โซรอส