หลังจากที่บรูไนผ่านร่างกฎหมาย การประหารชีวิตด้วยการปาหินใส่กลุ่มบุคคลที่รักเพศเดียวกัน นอกจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนแล้ว อีกหนึ่งคนที่ออกมาเคลื่อนไหวก็คือ จอร์จ คลูนีย์ ดาราฮอลลีวูดชื่อดังเจ้าของรางวัลออสการ์ ที่ประกาศบอยคอต 9 โรงแรมหรูที่สุลต่านบรูไนเป็นเจ้าของ หนึ่งในนั้นคือโรงแรมยอดนิยมของเหล่าเซเลบ ในเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ลอส แอนเจลิส
“ทุกครั้งที่เราไปพัก ไปทานข้าว หรือประชุมกันที่นั่น หมายความว่าเรากำลังส่งเงินตรงเข้ากระเป๋าของบุคคลที่สั่งให้ปาหินฆ่าประชาชน เพียงเพราะเขาเป็นเกย์ หรือถูกกล่าวหาว่าคบชู้” คลูนีย์กล่าว เขายังเสริมว่า แม้จะไม่สามารถทำอะไรโดยตรงกับระบอบการปกครองที่โหดร้ายนั้นได้ แต่อย่างน้อยเขาสามารถส่งสารไปถึงบรรดากลุ่มธุรกิจ หรือธนาคารที่ปั่นเงินให้ต้นตอของระบอบการปกครองอย่างนั้นได้
อนึ่ง ประเทศบรูไนยังคงปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และสุลต่านคนปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เขามีทรัพย์สินกว่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศใช้กฎหมายอิสลาม หรือที่รู้จักกันในนาม ‘กฎหมายชารีอะฮ์’ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดและรุนแรง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557
สำหรับข้อกฎหมายในการประหารชีวิตด้วยการขว้างหินใส่กลุ่มบุคคลรักเพศเดียวกัน รวมถึงคนที่คบชู้ ต่อหน้าสาธารณะชน ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายนที่จะถึงนี้ ได้ถูกประกาศเอาไว้เงียบๆ ผ่านเว็บไซต์อัยการสูงสุดเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา
กฎหมายอิสลาม หรือ กฎหมายชารีอะฮ์ (Sharia) นั้น เป็นข้อกฎหมายที่นำคำสอนจาก หะดีษ (ตัวอย่างการดำเนินชีวิตขององค์ศาสดามูฮัมหมัด) และ คัมภีร์อัลกุรอานมาใช้ ซึ่ง กฎหมายชารีอะฮ์ เป็นกฎหมายที่ครอบคลุมไปถึงวิถีการดำเนินชีวิตของบุคคลและสาธารณชนของบุคคลในประเทศนั้นๆ โดยส่งผลโดยตรงต่อวัฒนธรรมทางสังคม ทางการเมืองการปกครอง ทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึง หลักของความสัมพันธ์
กฎหมายชารีอะฮ์ ถูกประกาศใช้ในหลายๆ ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาหลักของประเทศ อาทิ อิหร่าน โซมาเลีย เลบานอน หรือ ซาอุดิอาระเบีย โดยบรูไน เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ประกาศใช้กฎหมายนี้ และเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่มีข้อกฎหมายในการประหารชีวิตกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน ด้วยการขว้างหินใส่ ต่อหน้าสาธารณะชน
ณ ปัจจุบัน ก็ยังมีอีก 13 ประเทศ ที่ยังมีข้อกฎหมายในการประหารชีวิตกลุ่มคนรักร่วมเพศอยู่ เช่น อิหร่าน ซูดาน เยเมน และ ไนจีเรีย แต่มีอยู่เพียงแค่ 2 ประเทศ ที่มีการกำหนดการประหารกลุ่มคนรักร่วมเพศด้วยการขว้างปาหินใส่ หรือทำการทารุณกรรม นั่นคือ ประเทศ ซาอุดิอาระเบีย และ ประเทศ มอริเตเนีย โดยก่อนหน้านี้ที่ประเทศ ซาอุดิอาระเบีย ก็เคยมีการวิสามัญกลุ่มบุคคลที่รักเพศเดียวกัน 2 ราย ด้วยการทุบตีจนถึงแก่ความตาย เมื่อปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากกรณีการประกาศประมวลข้อกฎหมายใหม่ครั้งนี้ ที่มีผลต่อชาวมุสลิมเท่านั้น บรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชนหลากหลายกลุ่ม รวมทั้งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ ยกเลิกการบังคับใช้บทลงโทษฉบับใหม่นี้ เนื่องจากการเล็งเห็นว่า ประมวลกฎหมายฉบับนี้ มีความโหดร้ายและไร้ซึ่งมนุษยธรรมมากจนเกินไป และได้มีการข้อร้องให้ใช้ข้อกฎหมายที่มีความเป็นหลักสากลโดยทันที
ที่มา:
https://edition.cnn.com/2019/03/27/asia/brunei-anti-lgbt-stoning-law-intl/index.html
https://76crimes.com/10-nations-where-the-penalty-for-gay-sex-is-death/
https://www.sbs.com.au/news/human-rights-groups-condemn-brunei-s-push-to-stone-whip-gay-people
ที่มาภาพ:
ROSLAN RAHMAN / AFP
Tags: กฎหมาย, อิสลาม, บรูไน, จอร์จ คลูนีย์