“ไปหอมคุณลุง ไปกอดคุณป้าหน่อยสิลูก”

ในช่วงที่ผ่านมา ข่าวเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศถูกรายงานไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงก็สามารถถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่มักเกิดจากคนใกล้ตัวไม่ใช่คนแปลกหน้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเปิดเผยว่าการข่มขืนกว่าร้อยละ 53 เกิดจากครอบครัว ญาติ หรือคนในชุมชนที่มักคุ้นหน้าค่าตากันดีอยู่แล้ว และเมื่อมองให้ลึกลงไปอีกจะพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิเด็กต่ำมาก

ยกตัวอย่างการที่พ่อหรือแม่ออกคำสั่งให้ลูกไปกอดหอมญาติ เพื่อน หรือคนอื่นๆ นับเป็นการไม่เคารพสิทธิเด็ก เป็นการใช้วัฒนธรรมเชิงอำนาจ เหมือนวลีที่กล่าวว่า “ลูกเป็นสมบัติของพ่อแม่” พ่อแม่คือเจ้าชีวิตลูก ดังนั้น พ่อกับแม่จะทำอะไรกับลูกก็ได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ฝังรากหยั่งลึกในสังคมไทย และการกระทำดังกล่าวอาจสร้างความสับสนให้เด็กได้ เช่น การกอดหอมหรือการลูบคลำจากคนแปลกหน้าหรือคนใกล้ถือเป็นเรื่องปกติเพราะถูกกอดหอมประจำจากที่บ้าน และการสั่งให้ลูกไปกอดหอมบุคคลอื่น

ลองนึกภาพหากเราเจอประสบการณ์เหล่านี้กับตัวเองจะรู้สึกอย่างไร ใครไม่รู้เดินเข้ามากอดหอม มาจับแก้ม แน่นอนว่าเด็กๆ ก็ต้องการความเคารพในร่างกายไม่แพ้ผู้ใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ทราบถึงสิทธิในเนื้อตัวก็ตาม นอกจากนี้ การที่เด็กคุ้นชินกับการถูกล่วงละเมิดร่างกายในบ้านก็จะส่งผลให้พวกเขาถูกล่วงละเมิดเนื้อตัวในพื้นที่อื่นอีกด้วย เช่น การถูกตีทำร้ายร่างกายที่โรงเรียนจะกลายเป็นเรื่องปกติเพราะถูกตีจากที่บ้านเป็นประจำ การถูกตัดผม การถูกหอมจากครูที่โรงเรียน การถูกกอดในที่ลับตากับบุคคลอื่น และการถูกอนาจาร รวมไปถึงการถูกล่วงละเมิดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย

สังคมไทยส่วนใหญ่มักรู้สึกเหนียมอายเมื่อต้องพูดคุยเรื่องเพศกับลูก ยิ่งเป็นเด็กตัวเล็กๆ ยิ่งไม่กล้า แต่หากเด็กไม่ได้เรียนรู้เรื่องเพศหรือรู้จักร่างกายตัวเองตั้งแต่เด็ก พวกเขาจะไม่ทราบเลยว่าการกระทำดังกล่าวคืออะไร หลายครั้งที่ข่าวหน้าหนึ่งนำเสนอการล่วงละเมิดทางเพศ ที่เด็กมาทราบภายหลังว่าสิ่งนี้คือการล่วงละเมิดทางเพศ คือการอนาจารตอนเรียนวิชาเพศศึกษาและสุขศึกษา การมารู้ภายหลังนอกจากจะสร้างบาดแผลทางจิตใจแล้ว ยังส่งผลกระทบทางกฎหมายและการเอาผิดผู้ล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย หลักฐานต่างๆ อาจเลือนหายตามกาลเวลาหรือหมดอายุความ

กอดหอมเด็กแค่ไหนถึงเรียกว่าพอดีและไม่ละเมิดสิทธิในเรือนร่าง?

หลายครอบครัวอาจเกิดคำถามว่าต้องสัมผัสเนื้อตัวลูกแค่ไหนถึงจะเรียกว่าพอดี พ่อกอดลูกแต่แขนไปสัมผัสโดนหน้าอกแบบนี้โอเคไหม? จับช้างน้อยลูกเล่นได้หรือเปล่า? คำตอบที่ง่ายที่สุดคือการถามกับตัวเด็กเองว่าโอเคกับการกระทำของพ่อแม่หรือเปล่า ถามว่าหอมกอดได้มากแค่ไหน พ่อแม่ต้องทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พูดคุยได้ในครอบครัว และต้องทำความเข้าใจในตัวเด็กเพราะเด็กบางคนมีความรู้สึกอึดอัด หรือมีความชอบความสบายใจแตกต่างกัน

การสัมผัสเนื้อตัวระหว่างครอบครัวจึงไม่มีสูตรสำเร็จว่ากอดได้แค่ไหน หอมได้กี่ครั้ง เพียงแต่เมื่อลูกบอกความต้องการของเขาว่าชอบหรือไม่ชอบ ผู้ใหญ่ต้องเคารพและทำตามความต้องการของเด็ก

สอนลูกให้รู้จักสิทธิในร่างกายอย่างไร?

โดยปกติแล้ว เด็กอายุแรกเกิดไปจนถึง 1 ปี เป็นช่วงที่ต้องการความรักและการสัมผัสเนื้อตัวเพื่อให้ลูกทราบว่าเขามีความสำคัญต่อเรามากแค่ไหน เมื่อเด็กเข้าสู่อายุ 2-3 ปี จะเป็นช่วงที่พวกเขาพยายามใช้ร่างกายสำรวจโลก หรือเรียกว่าขั้นออโตโนมี (Autonomy) เด็กจะเรียนรู้อวัยวะต่างๆ เริ่มรู้ความสามารถตัวเอง พยายามพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด เช่น เด็กจะเริ่มรู้ว่าตัวเขาวิ่งได้ไวมากแค่ไหน กินข้าวได้คำใหญ่แค่ไหน หากสำลักครั้งต่อไปต้องกินข้าวปริมาณไหน หรือการกินอาหารร้อนที่ต้องเป่าให้เย็นก่อน

เมื่อเด็กสามารถพึ่งพาตัวเองได้สูง เขาจะมีความมั่นใจและมีความกล้าที่จะปฏิเสธ หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกปกป้องตัวเองได้ ก็ต้องสอนให้พวกเขารู้จักการปฏิเสธเมื่อรู้สึกไม่โอเค ไม่ปลอดภัย หรือไม่อยากทำ สอนให้รู้จักอวัยวะทุกส่วนของร่างกายและควรเรียกชื่ออวัยวะให้ตรงตามความจริงเช่น ‘จู๋’ และ ‘จิ๋ม’

การเรียกชื่อตามจริงจะส่งผลดีในแง่การถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น “ขอดูจิ๋ม” หรือ “ขอดูจู๋หน่อย” หากบ้านไหนที่ใช้คำเรียกอื่น เช่น ‘มิจิ’ หรือ ‘จิ๊มิ๊’ อาจส่งผลให้เด็กมีอาการงงงวยได้ว่าอวัยวะที่ชื่อจู๋หรือจิ๋มคืออะไร และจะเป็นผลดีเวลาที่เด็กป่วยอีกด้วย เช่น ลูกสามารถบอกเราโดยตรงได้ว่าจู๋ผมแดง หรือหนูเจ็บจิ๋ม

เมื่อลูกสามารถเรียนรู้อวัยวะร่างกายได้ครบถ้วนแล้ว เราต้องสอนให้เขากล้าปฏิเสธ เช่น หนูไม่ชอบให้ใครมาหอมแก้มหรือมากอด พ่อแม่ต้องเคารพลูกและต้องสอนว่าอวัยวะส่วนไหนที่คนอื่นไม่ควรจับ แม้จะเป็นคนใกล้ตัวมากๆ อย่างคนในครอบครัวก็ตาม

สอนให้ลูกรู้ว่าอวัยวะไหนที่คนอื่นไม่ควรจับของหนู

1. หน้าอก

2. ปาก

3. ขาหนีบ, ต้นขา

4. ก้น

5. อวัยวะเพศ

ยกตัวอย่างการสอน เช่น หน้าอกและบริเวณขาหนีบเป็นส่วนอันตราย เป็นจุดอ่อนไหวที่ไม่ควรให้ใครจับ เพราะถ้าผู้ใหญ่จับอาจทำให้พวกเขาทำอันตรายหนูได้ง่ายขึ้น ดังนั้นไม่ควรให้จับดีที่สุด หรือเมื่อลูกถูกจูบถูกหอม ถูกจับอวัยวะเพศ ถูกจับส่วนที่ห้ามจับจากคนใกล้ตัวหรือคนแปลกหน้า ต้องรีบวิ่งหนีและมาบอกพ่อแม่

นอกจากการสอนให้เด็กรู้จักสิทธิในเรือนร่างเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศเบื้องต้นแล้ว การสอนหรือปลูกฝังเรื่องสิทธิในเรือนร่างจะส่งผลให้เด็กๆ เคารพในสิทธิเรือนร่างของผู้อื่นอีกด้วย

Tags: , , , , , ,