* Trigger Warning: เนื้อหาต่อไปนี้กล่าวถึงพฤติกรรมทำอนาจาร ใช้ความรุนแรง ร่วมเพศกับสัตว์ ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านที่อ่อนไหวต่อประเด็นดังกล่าวรู้สึกไม่สบายใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เดือนพฤศจิกายน 2018 หญิงอเมริกันพบเจ้าเอสเทรลลา สุนัขพันธุ์ลาซาแอปโซ ที่ตนเลี้ยงไว้ซ่อนตัวอยู่ใต้โซฟาในสภาพเลือดออกปางตาย แม้จะรีบพาไปพบแพทย์ทันทีแต่ก็รักษาไม่ทันการณ์ ส่งผลให้แพทย์จำเป็นต้องฉีดยาการุณยฆาตก่อนส่งร่างไปชันสูตร ผลปรากฏว่า สุนัขพันธุ์เล็กตัวนี้ถูกข่มขืนโดย โลเปซ ชายคู่หมั้นของเธอเอง 

ในขณะที่เอสเทรลลาสูญเสียโอกาสที่จะใช้ชีวิตกับเจ้าของของมันไปตลอดกาล ชายผู้ก่อเหตุกลับถูกตัดสินให้จำคุกเพียง 60 วัน 

เดือนเมษายน 2022 เจ้าหน้าที่ป่าไม้รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย เข้าจับกุมผู้ต้องหาชาย 4 ราย ข้อหารุกล้ำเขตอนุรักษ์ ก่อนต้องตกตะลึงเมื่อตรวจโทรศัพท์มือถือพบคลิปวิดีโอผู้ต้องหาก่อเหตุข่มขืน ฆ่า ก่อนจะนำตะกวดซึ่งเป็นสัตว์สายพันธุ์สงวนประจำท้องถิ่น มาประกอบอาหารกิน

เดือนมีนาคม 2024 เจ้าของฟาร์มม้าแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เคยผูกม้าเอาไว้ให้เล็มหญ้ากลางแจ้งเป็นประจำ แต่พักหลังเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเมื่อม้าสาวแท้งลูก ประกอบกับมีคนพบเห็นวัยรุ่นชายอเมริกันคนหนึ่งลอบเข้าไปลูบไล้ตัวม้าด้วยท่าทีน่าสงสัย จึงเปลี่ยนมาเลี้ยงในคอกและบริเวณบ้านเป็นหลัก ก่อนจะจับได้คาหนังคาเขาในเวลาต่อมาจากภาพวงจรปิดว่า หนุ่มคนดังกล่าวมีพฤติกรรมใช้แขนล้วงเข้าไปในอวัยวะเพศแม่ม้าจนเป็นเหตุให้แท้งลูกอีกตัวหนึ่ง

การกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมทางเพศต่อสัตว์ มีปรากฏอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์มาช้านาน จนเราหลายคนอาจเผลอนึกไปว่าเป็นเรื่องไกลตัว เป็นความวิปริตที่เกิดขึ้นแค่ในยุคสมัยโบราณที่เส้นแบ่งศีลธรรมยังกำกวมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง คดีทารุณกรรมทางเพศสัตว์ (Animal Sexual Abuse) เป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน

ไม่ง่ายเลยที่องค์กรสิทธิสัตว์และนักวิชาการจะคำนวณตัวเลขออกมาว่า มีคดีทารุณกรรมทางเพศที่มีเหยื่อเป็นสัตว์เกิดขึ้นบ่อยเพียงใด เพราะผู้เสียหายหลักไม่ใช่มนุษย์ที่สามารถให้ปากคำเอาผิดผู้กระทำได้ อย่างไรก็ดี พอมีผลสำรวจที่พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังไม่หมดไป

ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาตอนหนึ่งจากรายงาน Sexual Behavior in the Human Male (1948) โดย อัลเฟรด คินซีย์ (Alfred Kinsey) นักเพศวิทยาผู้คิดค้น ‘มาตราคินซีย์’ ที่ในอดีตเคยนิยมใช้วัดระดับความชอบเพศเดียวกัน และวอร์เดล พอเมอรอย (Wardell Pomeroy) นักเพศวิทยาชาวอเมริกันระบุว่า ในบรรดาชายชาวอเมริกันกลุ่มตัวอย่างกว่า 5,300 รายทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมการวิจัยมากถึง 8% ที่ยอมรับว่า เคยมีประสบการณ์ทางเพศกับสัตว์

ยิ่งไปกว่านั้น หากเพียงเราทดลองค้นหาคีย์เวิร์ดอย่าง Bestiality (การสมสู่สัตว์) หรือ Zoophilia (การมีอารมณ์ทางเพศกับสัตว์) ดูในวันนี้ ไม่ว่าจะใช้เสิร์ชเอนจินเจ้าใด ผลการค้นหาล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือมีคดีข่มขืนสัตว์จากหลายประเทศทั่วโลกเป็นข่าวครึกโครมแทบทุกปี

ในยุคสมัยที่ความตระหนักรู้เรื่องสิทธิสัตว์เริ่มแผ่เป็นวงกว้าง ทั้งยังมีคนในสังคมมากมายที่รักและปฏิบัติกับสัตว์เหมือนครอบครัว เหตุใดจึงยังเกิดเรื่องราวโหดร้ายทารุณเช่นนี้ขึ้นได้

สำหรับบทความคอลัมน์ Gender สัปดาห์นี้ The Momentum ขอชวนผู้อ่านมาร่วมสำรวจว่า ทำไมเราทุกคนจึงควรสนใจความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นกับสัตว์ ต่อให้เหยื่อกลุ่มนี้จะไม่อาจเข้าใจคอนเซปต์เรื่องการละเมิดศักดิ์ศรี หรือรับรู้ว่าตนกำลังโดนเอารัดเอาเปรียบก็ตาม

เพราะเหตุใดมนุษย์จึงล่วงละเมิดทางเพศสัตว์

อ้างอิงจากหลากหลายกรณีที่มีข้อมูลบันทึกไว้ มนุษย์กระทำชำเราสัตว์โดยมีเหตุผลเบื้องหลังแตกต่างกัน แครอล อดัมส์ (Carol Adams) นักคิด นักเขียน และนักกิจกรรมสายนิเวศสตรีนิยม (Ecofeminism) จัดจำแนกแรงจูงใจเหล่านี้ออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่

  1. แรงจูงใจจากความอยากรู้อยากลอง (Experimental) พบมากในกลุ่มประชากรชายที่ใช้ชีวิตโดดเดี่ยว โดยเฉพาะเยาวชนที่ยังรู้ไม่เท่าทันพฤติกรรมทางเพศของตนเอง เมื่อผู้กระทำกลุ่มนี้สบโอกาส พวกเขาจะใช้สัตว์เป็นที่ระบายความต้องการทางเพศ เพราะเป็นเหยื่อที่เข้าถึงง่ายและอ่อนแอกว่าเหยื่อที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน 

อย่างไรก็ดี เมื่อกระทำซ้ำบ่อยๆ ผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้จะเริ่มเคยชินกับการใช้งานผู้อื่นเป็นวัตถุสนองความต้องการทางเพศ จึงมีแนวโน้มที่จะมองมนุษย์คนอื่นเป็นวัตถุทางเพศในลักษณะเดียวกันด้วย 

  1. แรงจูงใจจากความหมกมุ่น (Fixated) อาชญากรกลุ่มนี้นี่เองที่มักเรียกตนเองว่า ผู้มีรสนิยมใคร่สัตว์ (zoophile) แตกต่างอย่างชัดเจนจากกลุ่มแรกที่ฉวยโอกาสจากความเข้าถึงง่าย ตรงที่พวกเขาก่อเหตุโดยพุ่งเป้าไปที่สัตว์ตั้งแต่ต้น หลายครั้งสืบทราบว่า มักครอบครองหรือเคยเข้าถึงสื่อลามกสัตว์มาก่อนจะก่อเหตุ

ผู้ก่อเหตุที่มีแรงจูงใจเช่นนี้มักระบุรสนิยมประเภทสัตว์ที่ชอบได้ชัดเจน และสร้างความชอบธรรมให้ตนเองด้วยเหตุผลที่ว่า สัตว์เหล่านี้ ‘ยินยอม’ และ ‘ได้รับผลประโยชน์ทางเพศ’ จากตน เนื่องจากในบางกรณีสัตว์อาจแสดงออกตามสัญชาตญาณทางเพศ ส่งผลให้ผู้กระทำมองว่า เหยื่อไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน 

อดัมส์เปรียบเทียบวิธีการให้เหตุผลของพวกเขากับอาชญากรใคร่เด็ก (Pedophile) ที่มักอ้างว่า เหยื่อสมยอมเอง โดยละเลยข้อเท็จจริงที่ว่า เหยื่อนั้นเปราะบาง ทั้งยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และวุฒิภาวะในการแสดงความยินยอม

  1. แรงจูงใจจากความต้องการแสดงอำนาจ (Domineering) ในบางกรณี อาชญากรคดีข่มขืนสัตว์หรือคดีผลิตและเผยแพร่สื่อลามกสัตว์ จะบังคับให้เหยื่อที่เป็นผู้หญิงหรือเด็กมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ เนื่องจากความเจ็บปวดและความทุกข์ของเหยื่อทั้งที่เป็นมนุษย์และเป็นสัตว์นั้นสามารถสร้างความเร้าอารมณ์ทางเพศให้ตนได้ เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ เพราะเหยื่อที่เคยถูกบังคับให้ล่วงละเมิดทางเพศสัตว์มาก่อนนั้น มีโอกาสเติบโตมามีรสนิยมชอบบังคับผู้อื่นให้สนองความต้องการทางเพศของตนด้วยวิธีเดียวกัน

สัตว์กลุ่มใดเสี่ยงตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศของมนุษย์ที่สุด

จากข้อมูลที่รวบรวมโดยสมาคมมนุษยธรรมรัฐเวอร์มอนต์ (Vermont Humane Federation) สปีชีส์ที่ตกเป็นเหยื่อบ่อยที่สุด ได้แก่ สุนัขและม้า ในกรณีของสุนัข ผู้ก่อเหตุสามารถเข้าถึงตัวสัตว์ได้ โดยการรับเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์ หรือซื้อมาจากร้านขายสัตว์โดยตรง 

ส่วนม้า ผู้ก่อเหตุมักเข้าถึงตัวได้ไม่ยากเช่นกัน เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ถูกเลี้ยงเอาไว้นอกบ้าน นอกเหนือจากม้าแล้ว หากมองย้อนกลับไปในอดีต ยังมีการบันทึกถึงโจรกระโดดรั้ว (Fence Jumper) และเหยื่อในฟาร์มปศุสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น โค แกะ แพะ หรือแม้กระทั่งไก่ 

ผู้กระทำมักเป็นประชากรกลุ่มใด

ผู้กระทำอาจไม่ใช่ผู้ชายทั้งหมดก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ในจำนวนนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวชหรือเคยตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศมาก่อน ในกรณีที่มีผู้หญิงและเด็กร่วมก่อเหตุด้วย หลายครั้งมักถูกบังคับหรือล่อลวงโดยผู้กระทำหลักซึ่งเป็นชาย

ฮานี มิเลตสกี (Hani Miletski) นักเพศวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็กซ์บำบัด อธิบายในงานเขียนเกี่ยวกับอาการใคร่สัตว์ว่า โลกออนไลน์มีส่วนสำคัญอย่างมากในการรวบรวมชุมชนผู้มีรสนิยมใคร่สัตว์ให้เป็นปึกแผ่นมากขึ้น แม้ก่อนหน้าการมาถึงของอินเทอร์เน็ตจะมีการบันทึกถึงอาชญากรรมทำนองนี้อยู่บ้าง แต่คนเหล่านั้นไม่ได้ยึดรสนิยมทางเพศที่บิดเบี้ยวนี้เป็นอัตลักษณ์ ทั้งยังไม่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาคอยแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง หรือส่งต่ออิทธิพลเชิงวัฒนธรรมให้กันและกันเหมือนอย่างในยุครุ่งเรืองของบล็อกและเว็บฟอรัม

ยกตัวอย่างคอมมูนิตี้ออนไลน์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน บทความของสำนักข่าว INN ที่เผยแพร่เมื่อปี 2016 รายงานว่า คำว่า ‘โบ้’ ซึ่งกลายมาเป็นคำติดปากในมีมเอาไว้ใช้เรียกสุนัข เดิมทีมีที่มาจาก ‘โบโบ้’ (BOBO) ชื่อเฉพาะของกลุ่มคนที่ ‘มีความสุขทางเพศ’ กับสัตว์

ความผิดฐาน ‘ใช้สัตว์ประกอบกามกิจ’ ในกฎหมายประเทศต่างๆ

ปัจจุบันสากลโลกหันมาให้ความสำคัญในประเด็นสิทธิและสวัสดิภาพของสัตว์ขึ้นมาก กว่า 111 ประเทศทั่วโลกเริ่มมีการตรากฎหมายภายในขึ้น เพื่อคุ้มครองสัตว์ บางประเทศมีการรับรองสิทธิสัตว์ไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือยกระดับสถานะตามกฎหมายของสัตว์ ให้เป็นทรัพย์สินที่มีค่ากว่าสิ่งในครอบครองทั่วๆ ไป

อย่างไรก็ดี จำนวนประเทศที่ให้ความสำคัญกับความผิดฐานประกอบกามกิจกับสัตว์นั้นมีจำนวนน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ 

ทัศมัญช์ ใจหาญ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จำแนกประเทศต่างๆ ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยพิจารณาจากเกณฑ์การให้ความสำคัญและมาตรการแก้ไขผ่านกลไกทางกฎหมาย 

  1. กลุ่มประเทศที่กำหนดให้การประกอบกามกิจกับสัตว์เป็นความผิดทางอาญา โดยระดับความรุนแรงของโทษหนักเบาแตกต่างกันไป เช่น

– ฝรั่งเศส: จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 3 หมื่นยูโร (ประมาณ 1.11 ล้านบาท)

– อินเดีย: โทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 10 ปีร่วมกับการรับโทษปรับ

– สหราชอาณาจักร: โทษจำคุกสูงสุด 2 ปี

– สหรัฐอเมริกา: ถือว่ามีความผิดทางอาญาใน 48 รัฐ แต่ไม่มีความผิดใน 8 รัฐที่เหลือ โดยในรัฐที่มีความผิด แต่ละรัฐกำหนดระยะเวลาจำคุกแตกต่างกันไป เช่น โรดไอแลนด์บัญญัติให้มีโทษจำคุก 7-20 ปี ขณะที่มิชิแกนจำคุกขั้นต่ำ 1 วัน สูงสุดตลอดชีวิต

  1. กลุ่มประเทศที่ไม่กำหนดให้การประกอบกามกิจกับสัตว์เป็นความผิดทางอาญา เช่น

– ฟินแลนด์: นับเป็นประเทศท้ายๆ ใน EU ที่ยังคงไม่กำหนดโทษ เนื้อกฎหมายของฟินแลนด์มุ่งคุ้มครองและจัดการสวัสดิภาพสัตว์ให้ได้รับการดูแล แต่ไม่ได้กำหนดโทษทางอาญาฐานร่วมประเวณีกับสัตว์เป็นการเฉพาะ

– ญี่ปุ่น: แม้จะถูกมองเป็นการกระทำผิดศีลธรรมร้ายแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้กระทำถูกลงโทษทางสังคม แต่ญี่ปุ่นไม่ได้ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการคุ้มครองสัตว์ จากการทารุณกรรมทางเพศโดยเฉพาะ เพราะยังไม่มีกำหนดโทษข้อหาร่วมประเวณีกับสัตว์เช่นเดียวกัน โดยรวมแล้ว ข้อกฎหมายบัญญัติไว้แค่ว่า ผู้เลี้ยงต้องดูแลจัดการสัตว์ให้ได้รับประโยชน์ตามมาตรฐานสากลที่สัตว์พึงได้รับ

สำหรับประเทศไทย มีการบัญญัติให้การประกอบกามกิจกับสัตว์เป็นความผิดอาญา อย่างไรก็ดี ทัศมัญช์ยังเขียนวิเคราะห์ต่อไปอีกว่า มิติการคุ้มครองสัตว์ตามกฎหมายทั้งของไทยและต่างประเทศ ต่างค่อนข้างยึดโยงกับการคุ้มครองมนุษย์ (Human Interest) เป็นหลัก เป็นต้นว่า

– คุ้มครองสัตว์ในเชิงทรัพย์สินของมนุษย์

– คุ้มครองสัตว์ในฐานะที่เป็นแหล่งทรัพยากรให้มนุษย์ใช้สอย

– คุ้มครองสุขอนามัยโดยรวมของมนุษย์ เนื่องจากการร่วมประเวณีกับสัตว์อาจทำให้ติดโรคระบาดร้ายแรงจากสัตว์ได้

– คุ้มครองสังคมมนุษย์ให้สงบสุข ปราศจากการละเมิดศีลธรรมอันดีงาม

อ้างอิง

https://vermonthumane.org/ 

https://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2016/TU_2016_5701031576_6250_5268.pdf

https://link.springer.com/article/10.1023/A:1026085410617 

https://www.thehindu.com/news/national/other-states/bengal-monitor-lizard-allegedly-gang-raped-in-maharashtra-forest-four-held/article65320182.ece 

https://abc3340.com/news/nation-world/dog-had-to-euthanized-after-being-raped-man-sentenced-to-60-days-already-free 

https://www.amarintv.com/news/social/209723 

https://www.innnews.co.th/lifestyle/news_86971/ 

Tags: , , , , , , , , ,