รู้จัก Six Star Medal ความสำเร็จของวงการมาราธอน ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในวงการมาราธอนได้เกิดเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อนักวิ่งมาราธอนจากรายการ Tokyo Marathon ปี 2023 ได้สร้างสถิติ Guinness World Records ครั้งใหม่ ด้วยการคว้าเหรียญ Six Star Medal ได้มากที่สุดถึง 3,030 รายในการแข่งขันมาราธอนในหนึ่งครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นใน Tokyo Marathon ครั้งนี้

“วันนี้ถือเป็นวันดีที่โตเกียวมาราธอน คือเวทีฉลองให้กับนักวิ่งกว่า 3,030 คนที่สามารถจบการเดินทางครั้งสำคัญของพวกเขาได้ มันทำให้ผมมีความสุขและประทับใจมากที่พวกเราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในชีวิตพวกเขา ตอนนี้เราสามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่านักวิ่งกลุ่มนี้คือหนึ่งในผู้ถือครองสถิติโลกของวงการกีฬา” ดาวนา สโตน (Dawna Stone) ซีอีโอของ Abbott World Marathon Majors ผู้ก่อตั้งการคว้า Six Star Medal กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว 

โดยปัจจุบันมีนักวิ่งมาราธอนกว่า 11,000 คนที่คว้า คว้า Six Star Medal มาได้ และยังมีนักวิ่งอีกหลายแสนรายกำลังไขว่คว้าสำเร็จในการเป็นนักวิ่งสมัครเล่นอยู่ตลอด  

น่าสนใจไม่น้อยว่าทำไม Six Star Medal ของ Abbott World Marathon Majors จึงเป็นที่หมายปองของนักวิ่งสมัครเล่นนัก ความยากและท้าทายตรงไหนที่ทำให้ความสำเร็จตรงนี้จึงสลักสำคัญในวงการวิ่งมากนัก ไปหาคำตอบได้ผ่าน Game On ในสัปดาห์นี้กัน

หากพูดถึงคำว่างานวิ่งมาราธอน ในปัจจุบัน มีอยู่ทั้งหมด 6 สนาม ที่นักวิ่งทั่วโลกต่างให้การยอมรับว่าเป็นรายการระดับโลกหรือ World Marathon Major ทั้งหมด 6 รายการ โตเกียวมาราธอน, บอสตันมาราธอน, ลอนดอนมาราธอน, เบอร์ลินมาราธอน, ชิคาโกมาราธอน และนิวยอร์กซิตีมาราธอน 

เรื่องนี้ทำให้ใน Abbott บริษัทเอกชนด้านเภสัชกรรมและการผลิตยา ตัดสินใจเปิดตัวโปรแกรม Star Finisher ขึ้นในปี 2013 ด้วยการจะมอบประกาศนียบัตรให้กับนักวิ่งที่จบมาราธอนทั้ง 6 รายการเพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญของรายการวิ่งที่นักกีฬาที่คว้าสำเร็จมาได้ ก่อนที่ในปี 2018 จะได้เพิ่มระบบ Six Star System ที่ให้นักวิ่งสามารถบันทึกสถิติการวิ่งของตนผ่านเว็ปไซต์ Abbott World Marathon Major และเมื่อสามารถวิ่งครบทั้งหมด 6 สนาม นักวิ่งสามารถนำเหรียญทั้ง 6 มาประกอบรวมกันและรับเป็น Six Star Medal หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม ‘เหรียญพอนเดอริงของวงการมาราธอน’

โดยแต่ละสนามนั้น ก็มีความยาก ง่าย มีประวัติ มีจุดน่าสนใจในสนามที่แตกต่างกันออกไปดังนี้

โตเกียวมาราธอน (Tokyo Marathon)

รายการวิ่งมาราธอนน้องใหม่ล่าสุดของกลุ่ม World Marathon Major จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2007 แต่ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยนักวิ่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีการจัดการที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในเชิงการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่นและองค์กรต่างๆ ของญี่ปุ่น 

ส่วนเส้นทางการวิ่งนั้น โตเกียวมาราธอนถือเป็นเส้นทางในฝันของคนที่ชื่นชอบการวิ่งขึ้นเนินเขาเป็นชีวิตจิตใจ โดยระหว่างทางนักวิ่งจะได้ผ่าน ศาลาว่าการกรุงโตเกียวในชินจูกุ  รวมไปถึงย่านสำคัญๆ เช่น นิฮงบาชิ, อาซากุสะ, กินซ่า, ชินากาวะ และไฮไลต์สำคัญอย่างพระราชวังอิมพีเรียล

บอสตันมาราธอน (Boston Marathon)

รายการเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1897 สนามที่ แคทเธอรีน สวิทเซอร์ (Kathrine Switzer) แสดงศักยภาพให้โลกได้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถวิ่งมาราธอนจบได้ โดยตลอดเส้นทางจะได้พบกับนักวิ่งและกลุ่มผู้ชมจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วเมืองบอสตัน ตั้งแต่ถนนฮอปกินตัน ไปจนถึง ถนนบอยล์สตัน รวมไปสถาปัตยกรรมและร้านค้าในรัฐแมสซาชูเซตส์ 

และที่สำคัญสนามบอสตันมาราธอนมีความชันประมาณ 800 เมตร เหมาะสำหรับการทดสอบกำลังหน้าขาของนักวิ่งเป็นอย่างดี

ลอนดอนมาราธอน (London Marathon)

อีกหนึ่งงานที่อยู่คู่กับนักวิ่งมาอย่างช้านานตั้งแต่ปี 1967 เกิดจากการที่ คริส แบรชเชอร์ (Chris Brasher) และจอห์น ดิสเลย์ (John Disley) อดีตนักกีฬาโอลิมปิก ประทับใจการแข่งขันนิวยอร์กมาราธอนในปี 1979 จึงอยากจัดงานมาราธอนเช่นนั้นขึ้น เพื่อจำลองความสนุกแบบเดียวกันให้นักวิ่งในกรุงลอนดอนได้ลองสัมผัส โดยตลอดเส้นทาง นักวิ่งจะได้ชมสิ่งก่อสร้าง และแลนด์มาร์กสำคัญมากมายทั้ง สวนสาธารณะกรีนวิชต์ การวิ่งรอบแม่น้ำเทมส์ หอนาฬิกาบิ๊กเบน และพระราชวังบัคกิ้งแฮม เป็นต้น

เบอร์ลินมาราธอน (Berlin Marathon)

รายการวิ่งสำหรับทำความเร็วในกลุ่ม World Marathon Major โดยล่าสุด เอเลียด คิปโชเก (Eliud Kipchoge) นักชื่อดังได้สร้างสถิติโลกใหม่ ด้วยการจบมาราธอนในสนามเบอร์ลินมาราธอน ด้วยเวลา 2:01:09 ถือเป็นการวิ่งมาราธอนที่เร็วที่สุด ณ ปัจจุบัน 

ในสนามนี้นักวิ่งจะสามารถทำเวลาและสามารถสร้าง เวลาที่ดีที่สุดของตนได้ เนื่องจากพื้นถนนไม่มีความชัน และมีลักษณะกว้างขวาง สามารถอัดแรงวิ่งได้อย่างเต็มกำลัง โดยช่วงเข้าเส้นชัยนักวิ่งจะได้วิ่งผ่านประตูบรันเดินบวร์ก ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งแยกระหว่างเยอรมนีตะวันออกและเยอรมนีตะวันตกด้วย

ชิคาโกมาราธอน (Chicago Marathon)

รายการวิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1977  โดยช่วงแรกใช้ชื่อว่า Daley Marathon เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกเทศมนตรี ริชาร์ด ดาเลย์ (Richard J. Daley) ก่อนที่ต่อมาจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ชิคาโกมาราธอน เพื่อหวังยกระดับให้เมืองชิคาโกเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในหมู่กีฬาวิ่งระดับโลก เพราะด้วยเส้นทางที่ราบเลียบ พื้นถนนกว้างขวาง อีกทั้งไม่มีโค้งหักศอก จึงทำให้สถิติโลกในการวิ่งมาราธอในกลุ่มเพศและอายุต่างๆ มักเกิดขึ้นที่ ชิคาโกมาราธอน

นิวยอร์กซิตีมาราธอน (New York City Marathon)

งานวิ่งที่ในปี 1970 เคยมีผู้เข้าร่วมงานเพียงแค่ 127 คน แต่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาจนปัจจุบันมีนักวิ่งเข้าร่วมงานดังกล่าวมากกว่า  50,000 คน เพราะด้วยเส้นทางที่ผ่านย่านสำคัญของเมืองนิวยอร์กได้แก่ เกาะสแตเทน, บรู๊คลิน, ควีนส์, บรองซ์ และแมนฮัตตัน อีกทั้งเสียงเชียร์ของผู้ชมข้างสนามที่เคยมีการบันทึกว่ามีมากกว่า 1 ล้านคน จะทำให้การวิ่งที่นิวยอร์กซิตี้มาราธอน เป็นบรรยากาศที่ไม่อาจลืมเลือน

โดยหลังจากวิ่งมาราธอนจบในระยะเวลาที่กำหนด และกลายเป็นผู้พิชิต Finisher ของทั้ง 6 สนามแล้ว นักวิ่งจะได้รับใบรับรองจากทาง World Marathon Majors และได้รับเหรียญ Six-star finisher ในการแข่งขันในสนามสุดท้าย อีกทั้งชื่อของคุณจะปรากฏอยู่ในทำเนียบ Hall of Fame ของ World Marathon Majors อย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตามการจะพิชิตทั้ง 6 สนามนั้นไม่ใชเรื่องง่าย ค่าเฉลี่ยของการจบมาราธอนในแต่ละสนามของกลุ่มนักวิ่ง Six-star finisher อยู่ที่ 4:03 ชั่วโมง หรือต้องวิ่งด้วยความเร็ว 5:40 นาที/กิโลเมตร ตลอดระยะมาราธอน โดยส่วนใหญ่นักวิ่งจะใช้เวลานานถึง 6 ปี กว่าจะพิชิตมาราธอนได้ครบทุกสนามดั่งใจหวัง

 ดังนั้นการฝึกซ้อมที่มีแบบแผนและจริงจัง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งคำว่าฝึกซ้อมที่พูดถึงไม่เพียงแค่การวิ่งในระยะ 42.195 เพียงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการวางแผนตลอดช่วง 6 ปีทั้งในเรื่องการฝึกซ้อม เวลา งบประมาณ และการใช้ชีวิตอื่นๆ เพื่อให้เป้าหมายระยะยาวเช่นนี้ สอดคล้องไปกับชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ไม่ยากเกินไปกว่ากำลังของนักวิ่งสมัครเล่นอย่างพวกเรา ไอริน ไซนุล (Airin Zainul) หนึ่งในนักวิ่ง Six-star finisher ซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไประบุว่า สมาธิ ความมุ่งมั่น ความอดทน คือสิ่งที่ท้าทายในตลอดการวิ่งมาราธอนเกือบ 6 ปีของเธอ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา ไอริน ยืนยันว่ามันคุ้มค่าเป็นอย่างมาก สำหรับความพยายามของนักวิ่งสมัครเล่น แบบเธอและคนทั่วไปอีกหลายล้านคน