ชื่อกีฬา ‘กุน ขแมร์’ (Kun Khmer) กลายเป็นที่ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ชนิดถึงพริกถึงขิง ทันทีที่ประเทศกัมพูชา เจ้าภาพทัวร์นาเมนต์ซีเกมส์ 2023 (SEA Games 2023) ประกาศให้ศิลปะป้องกันตัวดังกล่าวถูกบรรจุแทนที่ ‘มวยไทย’ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทำเอาประชากรชาวอาเซียนและทั่วโลกตกตะลึง งงเป็นไก่ตาแตก เกาหัวแกรกๆ ตั้งคำถามไปในทิศทางเดียวกันว่า เจ้าภาพกำลังวางแผนคิดไม่ซื่อใช่หรือไม่

ดังที่เคยเขียนไปในบทความครั้งก่อน ที่ชวนถกประเด็นความมิชอบมาพากลของรายการกีฬาแหลมทอง ทั้งอิทธิฤทธิ์ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ของเจ้าภาพ การจัดการที่สุดแสนแปลกประหลาด และอำนาจของรัฐที่แทรกแซงวงการกีฬา แต่กับประเด็น ‘กุน ขแมร์ปะทะมวยไทย’ ดูจะบานปลายไฟลามทุ่งไปสู่ข้อพิพาทระหว่างสองประเทศที่เป็นเจ้าของ และสู่ด้านปัจเจกบุคคล

ความขัดแย้งระหว่างประเทศคงนึกภาพได้ไม่ยาก เพราะหากมีชาติไหนริอ่านเคลมว่าสิ่งๆ นั้นเป็นของชาติตน ทั้งที่ในมือมีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน ก็คงต้องตอกกลับให้หน้าหงายสักหน่อย 

แต่ด้านปัจเจกบุคคลที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวนักกีฬา ที่เพียงแสดงความคิดเห็นก็พร้อมมีรถทัวร์จากฝั่งตรงข้ามมาจอดรอถึงหน้าบ้าน ไหนจะทางสมาคมของทั้งสองชนิดกีฬาที่ขัดแข้งขัดขากันไปมา ดังเช่นกรณีของ ‘ธิอาโก เทเซียรา’ (Thiago Teixeira) นักชกชาวบราซิล ที่ถูกอัปเปหิจากองค์กรมวยไทยโลก (World Muaythai Organization: WMO) หันไปพึ่งใบบุญสหพันธ์มวยกัมพูชา (Cambodia Boxing Federation: CBF)

เช่นนั้น ผู้เขียนจึงถือโอกาสชวนถกประเด็นมหากาพย์สุดอลวนระหว่างกุน ขแมร์ และมวยไทย ที่นานวันดูจะยืดเยื้อ ไร้บทสรุป และลึกๆ นักกีฬาอาจถูกใช้เป็นแค่เบี้ยหมากสนองความขัดแย้งโดยปริปาย

1

จุดเริ่มต้น ในกรณีที่ธิอาโก เทเซียรา ถูกสหพันธ์มวยไทยโลกถูกริบแชมป์เส้นที่ครองอยู่ พร้อมแบนห้ามข้องแวะกับการแข่งขันมวยไทยทุกรายการ มาจากการที่นักมวยชาวบราซิลโพสต์ข้อความสั้นๆ ผ่านแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียส่วนตัว หลังได้รับเชิญจากให้ไปร่วมโปรโมตกุน ขแมร์ ที่จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา โดยมีใจความว่า

“ศาสตร์แห่งศิลปะการป้องกันตัวเริ่มต้นบนผืนแผ่นดินกัมพูชาในนามกุน ขแมร์ กระทั่งศิลปะการต่อสู้ที่ว่า ถูกนำไปต่อยอดทั้งในประเทศลาว มาเลเซีย และไทย 

“นี่เป็นประสบการณ์อันน่าทึ่ง ผมเพิ่งรู้ว่า ศิลปะการต่อสู้ที่ผมฝึกปรือ (มวยไทย) ตั้งแต่อายุ 16 แท้จริงมีชื่อว่า กุน ขแมร์”

ดูผิวเผินแทบไม่ต่างจากท่าทีของฝรั่งทั่วไป ที่ยามพบเห็นสิ่งแปลกใหม่ก็มักหูตาลุกวาว ยินดีเชิดชูให้แก่ความประทับใจตรงหน้า แต่กริยาที่นักมวยชาวบราซิลทำดูจะผิดกาลเทศะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ความบาดหมางระหว่างกีฬากุน ขแมร์ กับมวยไทย สุกงอมเตรียมระเบิดได้ทุกเมื่อ หลังเมื่อวันที่ 23 มกราคม กัมพูชาเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 32 เปลี่ยนชื่อและกติกาจากมวยไทยเป็น ‘กุน ขแมร์’ ด้วยเหตุผลว่า นี่เป็นสิทธิ์ของชาติที่คิดค้นศิลปะการป้องกันตัวประเภทนี้

มิหนำซ้ำ ธิอาโกแสดงท่าทีเชียร์กุน ขแมร์ออกนอกหน้า ด้วยการสวมกางเกงมวยปักข้อความคำว่า กุน ขแมร์ เป็นภาษาอังกฤษ ขึ้นชกมวยไทยในรายการ Apex Fight Series ที่ประเทศเยอรมนี 

ฝั่งมวยไทยมีประวัติศาสตร์ยืนยาวมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยายังไม่ล่มสลาย หรือคิดเป็นระยะเวลา 417 ปี ทั้งยังมีหลักฐานจารึกชัดเจน ฉะนั้นการกระทำดังกล่าว จึงไม่ต่างจากการหยามเกียรติและศักดิ์ศรี การเชือดไก่ให้ลิงดูกลายเป็นตัวเลือกอันดับแรก เพื่อส่งสารกลับไปว่า ‘ใครเป็นของจริง’

ด้านธิอาโกรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้โพสต์กล่าวคำขอโทษต่อแฟนมวยชาวไทย รวมถึงบรรดาเพื่อนร่วมสังเวียนที่รู้สึกผิดหวังต่อการกระทำของตน แต่ขณะเดียวกัน เขารู้สึกว่าสหพันธ์มวยไทยโลกปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นธรรม ที่ปิดกั้นเส้นทางอาชีพของเขา ทั้งที่เขาใช้เวลามากกว่า 10 ปี เผยแพร่มวยไทยให้โลกเป็นที่รู้จัก วาดลวดลายบนสังเวียนนับไม่ถ้วน อาทิ Thai Fight, มวยไทยช่อง 8, มวยไทยไฟต์เตอร์

ทว่าการออกมาขอโทษของนักชกชาวแซมบ้าช่างสวนทางกับการกระทำ เมื่อเขาลงมือเปลี่ยนชื่อแอ็กเคานต์โซเชียลฯ จาก ‘Thiago Teixeira Muaythai’ (ธิอาโก มวยไทย) เป็น ‘Thiago Teixeira Kun Khmer’ (ธิอาโก กุน ขแมร์) ภาษาบ้านๆ เรียกว่า “ในเมื่อไม่เผาผีกันแล้ว กูขอกวนตีนมึงคืนเลยแล้วกัน”

ไฟยังไม่ทันมอด ศรี จันทน รองประธานกิตติมศักดิ์สหพันธ์มวยกัมพูชา ได้ประกาศว่า สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ยินดีมอบเงินให้กับธิอาโก จำนวน 2 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7 แสนบาท) พ่วงสัญชาติกัมพูชา สองฝ่ายจูบปากดูดดื่มหวานชื่น เสมือนสาดน้ำมันเข้ากองไฟให้ปัญหาโชติช่วงกว่าเดิม 

2

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ฝั่งนักกีฬาที่เชียร์กุน ขแมร์ จะเป็นฝ่ายโดนคุกคามก่อน เพราะก่อนหน้านั้น ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ นักมวยไทยระดับพระกาฬ ถูกบรรดาเกรียนคีย์บอร์ดจากฝั่งกัมพูชา ยกทัพเข้ามารุมดูถูกดูแคลนว่าเป็นพวกลืมกำพืด เพราะเขาเป็นคนไทย เชื้อสายกูย (Kui) ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นชาติพันธุ์ที่มีรากเหง้ามาจากแผ่นดินกัมพูชา 

แต่หากสืบค้นหลักฐานหลายฉบับ เช่น หนังสือ ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ ฉบับสมบูรณ์ ที่เขียนโดย จิตร ภูมิศักดิ์ หรือพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน จะพบว่าเดิมชาวกูยเป็นชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษามุณฑ์ (Munda) อาศัยในแคว้นอัสสัม ประเทศอินเดีย ก่อนจะย้ายมาตั้งรกรากในแถบลาวตอนใต้ บริเวณเมืองอัตปือแสนแป แขวงจําปาศักดิ์ และหนีภัยสงครามย้ายจากเมืองอัตปือแสนแป มาปักหลักบริเวณใกล้ลุ่มแม่น้ำชีน้อย จังหวัดสุรินทร์ 

กระทั่งในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงจัดระเบียบตั้ง ‘หัวเมืองเขมรป่าดง’ ครอบคลุมเมืองสุรินทร์ รัตนบุรี สังขะ และขุขันธ์ เพื่อผนวกเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทย ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และเตรียมเกณฑ์แรงงานชาวชาติพันธุ์ที่ส่วนใหญ่มาจากลาวและเขมร ทว่าด้วยความที่เป็นจุดห่างไกลยากต่อการคัดกรอง ติดต่อสื่อสาร พระองค์จึงทรงเปลี่ยนจากการเกณฑ์แรงงานมาเป็นการเก็บส่วยหรือที่เรียกว่า ‘ไพร่ส่วย’ ซึ่งต่อมามีการเรียกชาวชาติพันธุ์เหล่านั้นว่า ‘เขมรส่วย’ 

จึงไม่แปลกใจนัก หากนักมวยฉายาแบล็กโกลด์ จะออกมาโพสต์โต้ตอบว่า เขาเป็นคนไทยเชื้อสายกูย ไม่ใช่คนกัมพูชา และไม่ได้รู้สึกอับอายต่อชาติกำเนิดสักนิด

“ขอพูดอีกครั้งนะครับ บัวขาวเอง เป็นคนไทยแท้ๆ ไม่ไช่คนกัมพูชา ที่มาอยู่เมืองไทย ได้ดิบได้ดีแล้วลืมกำพืด เนรคุณแผ่นดินเดิม บัวขาวเอง เป็นคนไทยเชื้อสายกูย และไม่ได้อับอายด้วยว่ามีชาติพันธ์ุนี้ คนในประเทศไทย มีความหลากหลาย ภาษาวัฒนธรรม มีทั้ง คนไทยเชื้อสายจีน คนไทยเชื้อสายมอญ คนไทยเชื้อสายญวน คนไทยเชื้อสายลาว คนไทยเชื้อสายตะวันออกกลาง คนไทยเชื้อสายอินเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย แม้กระทั่ง คนไทยเชื้อสายกัมพูชาก็ตาม ทุกคนล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น”

นอกจากนี้ บัวขาวได้ฝากสารทิ้งทายไปถึงผู้ใหญ่ในสหพันธ์กุน ขแมร์ นานาชาติ ให้ช่วยตามเงินจำนวน 2.2 ล้านบาท ที่เป็นเงินรางวัลจากการขึ้นชกรายการ World Fight Tournament 

แต่เหมือนเรื่องราวจะไม่จบ เมื่อเว็บไซต์ https://www.khmer440.com ได้ป่าวประกาศว่า นายขนมต้ม วีรบุรุษผู้กำราบนักมวยอังวะ แท้จริงไม่ใช่คนไทยแต่เป็นชาวเขมร และอาวุธที่ใช้กำราบศัตรูไม่ใช่หมัด เท้า เข้า หรือศอก แต่เป็นท่ารำอันงดงามทรงพลังต่างหาก ขณะเดียวกันชื่อขนมต้ม แท้จริงเพี้ยนมาจากคำว่า ‘ขยมธม’ ที่เแปลว่า ‘ฉันใหญ่นะ’ เพื่อสื่อว่า ชาวเขมรยิ่งใหญ่แม้จะถูกชาวไทยกดขี่ ณ เวลานั้น  

แต่ที่สาธยายมาข้างต้นกลับไม่มีหลักฐานอ้างอิงแม้แต่น้อย

3

มหากาพย์การเคลมความเป็นเจ้าของต้นตำรับมวยยังดำเนินต่อไป และไม่ใช่แค่ในรายของธิอาโกหรือบัวขาว ที่ถูกแฟนมวยทั้ง 2 ชาติ สาดโคลน ด่าทอสนุกปาก เพราะในรายก่อนหน้า ทั้งอองตวน ปินโต (Antoine Pinto) หรือเดฟ เลดัค (Dave Leduc) ที่ออกมาสนับสนุนกุน ขแมร์ ก็ถูกทัวร์ลงมิใช่น้อย

ล่าสุดสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (International Federation of Muaythai Associations: IFMA) ได้แก้เผ็ดการแข่งขันกีฬากุน ขแมร์ เวอร์ชันซีเกมส์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6-10 พฤษภาคม ด้วยการจัดการแข่งขันมวยไทยชิงแชมป์โลก 2023 ระหว่างวันที่ 4-13 พฤษภาคม เพื่อตอกย้ำว่าใครเจ๋งจริง หลังก่อนหน้านี้ประกาศชัดเจนว่า พร้อมแบนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันกุน ขแมร์ ทุกประเภท

ด้าน สายสมร ไชยสร ประธานสหพันธ์มวยลาวแห่งประเทศลาว (Lao Boxing Federation: LBF) ได้แสดงความเห็นต่อปัญหาความขัดแย้งนี้ว่า สหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติไม่ใช่ผู้ลงทุน แต่เป็นเพียงผู้จัดการแข่งขัน จึงไม่มีสิทธิ์สั่งแบนนักกีฬาที่ลงแข่งขันกุน ขแมร์ ขณะที่กติกาต่างๆ ที่หลายฝ่ายมองว่า กุน ขแมร์ เลียนแบบมวยไทย คงไม่ใช่ เพราะกีฬาประเภทนี้ ล้วนแล้วแต่ใช้หมัด เท้า เข้า ศอก โจมตีระยะประชิด

ถ้าถามว่า กติกาเหมือนกันแทบทุกอย่างแล้วกุน ขแมร์ ขาดคุณสมบัติตรงไหนถึงไม่ได้รับการยอมรับ สามารถสรุปได้ง่ายๆ 3 ข้อ คือ

1.ไม่ได้รับการรับรองจากองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency: WADA)

2.มีสหพันธ์มวยทั่วโลกยอมรับไม่ถึง 3 สหพันธ์

3.ไม่เคยมีการจัดการแข่งขันระดับโลก

ส่วนประเด็นที่ว่า เหตุใดกุน แขมร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) และเหตุใดมวยไทยถึงไม่ได้ขึ้นทะเบียน ทั้งที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการโอลิมปิกและพาราลิมปิก เรื่องเหล่านี้ แท้จริงใครกันเป็นต้นตำรับ ว่ากันตามตรงฝ่ายไหนก็พร้อมชักแม่น้ำทั้ง 5 มาปิดข้อด้อยของตน

แต่ประเด็นสำคัญที่ควรเร่งให้ความใส่ใจกับสวัสดิภาพของนักกีฬา ที่มีสิทธิ์ออกความเห็น เลือกได้ที่จะลงแข่งขันกีฬาชนิดนั้น เพราะเห็นว่า มั่นคงหรือปลอดภัยต่ออาชีพระยะยาว กลับเงียบหายไม่มีใครพูดถึง ทั้งที่วงการจะขับเคลื่อนได้ จำเป็นต้องมีฟันเฟืองเล็กๆ อย่างพวกเขา

และเท่าที่เห็นคงแทบไม่มีวงการกีฬาไหนแบนนักกีฬาข้ามชนิดโจ่งแจ้งเท่านี้มาก่อน แม้กระทั่ง คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ (Conor McGregor) นักมวยชื่อดังชาวไอริช ที่โดดข้ามไปแข่งมวย MMA สลับกับ มวยสากล ก็ยังไม่เห็นจะถูกสหพันธ์ไหนสั่งแบน 

เข้าใจว่านี่เป็น Soft Power ที่มีมูลค่ามหาศาล ที่ต่างฝ่ายต่างก็อยากเป็นเจ้าของตัวจริง แต่สิ่งที่เห็นคือความบิดเบี้ยวเกินความเป็นกีฬาหรือมรดกวัฒนธรรมไปทุกที โดยเฉพาะฝั่งสหพันธ์มวยกัมพูชา แทนที่จะเล่นสงครามน้ำลาย สู้เอาเวลาไปพัฒนาวงการให้เป็นที่ยอมรับเสียดีกว่า

ถึงตรงนี้ ความขัดแย้งระหว่างกุน ขแมร์และมวยไทยยังไร้ข้อสิ้นสุด ส่วนคนดูอย่างเราก็ทำได้เพียงส่ายหัว ถอนหายใจ 

Tags: , , , , ,