ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2021/2022 ทอตแนมฮอตสเปอร์ สโมสรดังจากลอนดอนประกาศแต่งตั้ง ฟาบิโอ ปาราติชี (Fabio Paratici) เป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่อย่างเป็นทางการ ดีลดังกล่าวส่งผลให้แฟนบอลแสดงอาการดีอกดีใจ มองเห็นถึงความหวังของทีม ไม่แพ้การได้ อันโตนิโอ คอนเต (Antonio Conte) เฮดโค้ชชาวอิตาเลียน มารับตำแหน่งผู้จัดการทีม หรือการที่สโมสรสามารถรั้ง แฮร์รี เคน (Harry Kane) ดาวยิงตัวหลักให้อยู่กับทีมต่อได้ หลังจากมีข่าวลือการย้ายทีมค่อนข้างหนาหู
ฟาบิโอ ปาราติชี เป็นใคร เหตุใดแฟนบอลสเปอร์ถึงมองว่าเป็นดีลประวัติศาสตร์ของทีม Game On สัปดาห์นี้ ชวนทำความรู้จัก ผู้อำนวยการกีฬาเชื้อสายอิตาลี ชายที่ในอดีตเคยเป็นผู้ปิดดีลการย้ายตัวระดับโลกของ คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) และปลุกปั้นสโมสรยูเวนตุสให้กลายเป็นยอดทีมแห่งเซเรียอา อิตาลี
ชีวิตนักเตะที่ไม่ได้หวือหวา สู่การเป็นมือขวาของผู้บริหารทีมสูงสุด
หากพูดถึงชีวิตในวงการลูกหนัง ปาราตีชีเริ่มต้นเส้นทางของเขาจากรั้วเยาวชนของสโมสรท้องถิ่นในเมืองบอร์โกเวลิโน ประเทศอิตาลี ซึ่งพ่อของเขาดำรงตำแหน่งประธานสโมสรอยู่ เขากิน อยู่ คลุกคลี และเอาจริงเอาจับกับกีฬาลูกหนัง จนขนาดที่ได้เป็นนักเตะกับทีมปิอาเชนซาในลีกเซเรียซี และโลดแล่นอยู่ในลีกอิตาลีถึง 12 สโมสร ในระยะเวลา 15 ปี ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2004 ขณะมีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น
แม้จะปิดฉากชีวิตค้าแข้งโดยไม่ได้หวือหวามากมาย แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนัง เพราะหลังจากนั้น ซามพ์โดเรีย สโมสรจากลีกสูงสุดของอิตาลีได้ว่างจ้างเขาเป็นผู้อำนวยการกีฬา เป็นเหตุเขาได้ร่วมงานในฐานะมือขวาของ จูเซปเป มาร็อตตา (Giuseppe Marotta) ซึ่งเป็นผู้บริหารของทีมในขณะนั้น
หน้าที่ของปาราติชีคล้ายคลึงกับผู้อำนวยการกีฬาทั่วไป คือการบริหารนักฟุตบอลให้สอดคล้องแผนการทำทีมที่ผู้บริหารวางเอาไว้ ซึ่งนอกจากการจัดการนักฟุตบอลภายในสโมสรแล้ว ปาราติชีต้องรับหน้าที่ในการหาผู้เล่นรายอื่นมาเสริมทัพ เพื่อสร้างทีมให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก เพราะในฐานะคนที่หลงใหลฟุตบอล การได้นั่งรถไปกับนักฟุตบอลอาชีพ ได้ดูนักเตะระดับโลกลงซ้อมทุกๆ วัน มันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ผมจะไม่รับโทรศัพท์เลยในระหว่างดูนักเตะซ้อม ผมจะตั้งใจดูและวิเคราะห์ว่านักเตะคนนั้นเป็นแบบไหน เหมาะกับทีมเราหรือไม่” ปาราติชีกล่าวถึงรูปแบบการทำงานที่เขาชอบและถนัดมากที่สุด
กฎเหล็กการเป็นผู้อำนวยการกีฬาของปาราติชีมีอยู่ 2 ข้อ คือ ไม่มีวันหยุดหรือช่วงพัก และโทรศัพท์ของเขาจะไม่เคยปิด จาเวียร์ ริบัลตา (Javier Ribalta) กรรมการผู้จัดการด้านกีฬาสโมสรปาร์มา ซึ่งเคยร่วมงานกับเขา เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ปาราติชีเกิดมาเพื่อทำงานและหมกมุ่นอยู่กับการเป็นผู้อำนวยการกีฬา ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเอาเวลาไหนไปนอน ในเมื่อเขาทำงานตลอด 24 ชั่วโมง หากคุณไม่เชื่อ ลองโทรศัพท์ไปหาเขาหลังเที่ยงคืนวันไหนก็ได้ เขาจะพร้อมรับสายคุณอยู่เสมอ”
“ปาราติชีดูเกมทุกประเภท แม้กระทั่ง โกปาลิเบร์ตาโดเรส (การแข่งขันลีกฟุตบอลอเมริกาใต้) ซึ่งเวลาเตะส่วนใหญ่จะเป็นช่วงดึกไปจนถึงเช้าตรู่ โดยปกติแล้วหากคุณเป็นผู้อำนวยการกีฬาหรือผู้อำนวยการฟุตบอล คุณจะไม่มีเวลาติดตามผู้เล่นแบบนี้ได้เลย แต่ปาราติชีทำได้ เขาดูแม้กระทั่งการแข่งขันถ้วยเล็กๆ หรือการแข่งขันในระดับเยาวชน เพื่อเฟ้นหาผู้เล่นหน้าใหม่ที่เหมาะกับทีม” ริบัลตากล่าว
ยูเวนตุสและดีลประวัติศาสตร์ของปาราติชี
ในปี 2010 ปาราติชีได้ย้ายมารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาสโมสรยูเวนตุส ซึ่งเป็นการย้ายทีมตาม จูเซปเป มาร็อตตา ที่เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของยูเวนตุสด้วยเช่นกัน ณ สโมสรแห่งนี้เอง ที่ทำให้ชื่อของปาราติชีเป็นที่รู้จักและถูกจับตาในฐานะแมวมองเบอร์ต้นๆ ของโลก
ดีลที่น่าสนใจของปาราติชีกับยูเวนตุสมีมากมาย ตั้งแต่การคว้า ปอล ป็อกบา (Paul Pogba) มิดฟิลด์มากความสามารถชาวฝรั่งเศส มาแบบไม่มีค่าตัวจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก่อนจะปลุกปั้นให้กลายเป็นนักเตะระดับโลก และขายกลับไปให้ทีมปีศาจแดงในราคา 89 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติการย้ายตัวของพรีเมียร์ลีกในขณะนั้น ซึ่งเป็นของ แกเร็ธ เบล (Gareth Bale) ปีกชาวเวลส์ที่ย้ายจากสโมสรทอตแนมฮอตสเปอร์สไปเรอัลมาดริด ด้วยราคา 85 ล้านปอนด์
ดีลอื่นๆ ที่มาจากฝีมือของปาราติชี เช่น การควานหาดาวรุ่นหน้าใหม่อย่าง มัตไธจ์ส เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) และ เฟเดริโก คิเอซา (Federico Chiesa) และการปลุกชีพนักเตะมากประสบการณ์อย่าง อันเดรีย ปีร์โล (Andrea Pirlo) วัย 32 ให้กลายเป็นตัวหลักของทีมในตลอด 4 ปีกับการค้าแข้งให้ยูเวนตุส
แต่หากจะพูดถึงการซื้อขายกระฉ่อนโลกที่สุดของปาราติชีกับยูเวนตุส คงหนีไม่พ้นการคว้าตัว คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) ดาวยิงซุปเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสมาจากเรอัลมาดริด ในราคา 100 ล้านปอนด์เมื่อปี 2018
แม้จะดูเป็นดีลประวัติศาสตร์ และกลายเป็นที่ผลงานครั้งใหญ่ของปาราติชี แต่ตัวเขากลับเผยว่าดีลนี้ไม่ได้ยากเย็นเท่าไรนัก เพราะตัวโรนัลโดเองมีความต้องการที่จะย้ายมาสโมสรอยู่ก่อนแล้ว
ย้อนกลับไปนัดชิงศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2018 ที่เรอัลมาดริดเอาชนะลิเวอร์พูลไป 3 ประตูต่อ 1 ช่วงหลังเกมปาราติชีได้ทำการเจรจากำลังกับ จอร์จ เมสเดส (George Mendes) เอเย่นของโรนัลโด เพื่อปิดดีล เจา กานเซโล (João Cancelo) ที่เตรียมขายให้สโมสรแมนเชสเตอร์แมนซิตี้อยู่ ซึ่งในระหว่างการเจรจา จอร์จก็เอ่ยประโยคช็อกโลกฟุตบอลขึ้นกลางวงสนทนาว่า “ฟาบิโอ คุณต้องไม่เชื่อในเรื่องนี้แน่ๆ หากผมจะบอกว่าโรนัลโดอยากย้ายมาอยู่กับพวกคุณ”
“ผมโทรหามาร็อตตาทันทีว่าโรนัลโด้อยากย้ายมาร่วมทีมกับเรา แม้ปลายสายจะบอกว่าขอเวลาคิด 1-2 วัน แต่สุดท้ายก็โทรกลับมาคอนเฟิร์มใน 3 ชั่วโมงให้หลังเท่านั้น” ปาราติชีกล่าว และเมื่อทีมยื่นข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อให้กับเมนเดส ดีลก็ปิดลงอย่างง่ายดายในเวลาไม่ถึงวัน
สุดท้ายหลังมาร็อตตาออกจากสโมสรไปเมื่อปี 2018 ฟาบิโอ ปาราติชี ได้ตัดสินใจออกจากสโมสรยูเวนตุสในปี 2021 ปิดตำนาน 11 ปีกับทีมม้าลายขาวดำ เตรียมออกเดินทางตามหาความท้าทายใหม่ๆ บนเกาะอังกฤษกับสโมสรทอตแนมฮอตสเปอร์ส
ความท้าทายครั้งใหม่กับทอตแนมฮอตสเปอร์
ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2021/2022 ทอตแนมฮอตสเปอร์ประกาศแต่งตั้ง ฟาบิโอ ปาราติชี เข้ามาเป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่อย่างเป็นทางการ ต่อจาก สตีฟ ฮิตเชน (Steve Hitchen) โดยดีลดังกล่าวได้ทำการเซ็นสัญญายาวจนถึงปี 2024
การเข้ามาร่วมทีมไก่เดือยทองของปาราติชี ส่วนหนึ่งมาจากความสนิทชิดเชื้อกับ แดเนียล เลวี (Daniel Levy) ประธานสโมสร โดยเลวีเล่าว่า เขารู้จักกับปาราติชีมานานแล้ว ซึ่งเขามองว่าหนุ่มอิตาลีคนนี้มีทั้งประสบการณ์ ความสามารถ และลูกล่อลูกชนในการเจรจาดีไม่แพ้กับตน จึงมองว่าเอเย่นต์ปาราติชีจะเป็นโครงสร้างหลักของสโมสรในอนาคต
ดีลดังกล่าวทำให้แฟนๆ ของสเปอร์สกลับมามีความหวังอีกครั้ง หลังจากทีมเริ่มเข้าสู่ขาลง เมื่อพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลในนัดชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ปี 2019 และเมาริซิโอ โปเชตติโน (Mauricio Pochettino) กุนซือคนสำคัญได้ออกจากทีมไป แม้จะได้ โชเซ มูรินโญ (José Mourinho) กุนซือชื่อดังที่สร้างความยิ่งใหญ่ไว้กับเชลซีและอินเตอร์มิลาน แต่แม้กระทั่ง ‘The Special One’ ก็ยังไม่สามารถปลุกปั้นทัพไก่เดือยทองขึ้นมาได้ ก่อนที่จะถูกปลดออกเมื่อเดือนเมษายนปี 2021 ที่ผ่านมา
การเข้ามาของเอเย่นระดับโลกถูกตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง ทั้งในเรื่องการหากุนซือคนใหม่ รวมไปถึงการเสริมทัพนักเตะ เพื่อให้สามารถต่อกรกับสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง โดยก่อนเปิดฤดูกาล ปาราติชีได้ซื้อตัว ปิแอร์ลุยจิ กอลลินี (Pierluigi Gollini), เอเมอร์สัน รอยัล (Emerson Royal) และ ไบรอัน กิล (Bryan Gil) ดาวรุ่งจากสโมสรต่างๆ เพื่อเตรียมปลุกปั้นเป็นกำลังหลักในอนาคตข้างหน้า และยังคว้าตัว คริสเตียน โรเมโร (Cristian Romero) กองหลังชาวอาร์เจนตินาจากอาตาลันตา ที่ได้รับการโหวตให้เป็นกองหลังเซเรียอาแห่งปีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ที่น่าสนใจกว่านั้น คือการโละนักเตะที่ไม่ได้ใช้งานและยังค้างคาอยู่กับสโมสรอย่าง โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ (Toby Alderweireld), มุสซา ซิสโซโก (Moussa Sissoko) และ เอริก ลาเมลา (Érik Lamela) เพื่อนำเงินมาหมุนกับการซื้อขาย รวมไปถึงการปล่อยตัว โจ ฮาร์ต (Joe Hart), แซร์จ ออริเยร์ (Serge Aurier) และ แดนนี โรส (Danny Rose) แบบไม่มีค่าตัว เพื่อสภาพคล่องของสโมสร และเปิดโอกาสให้นักเตะได้ควานหาเส้นทางฟุตบอลของตนเองต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่น่าผิดหวังเล็กน้อยคือการคว้าตัว นูโน เอสปิริโต ซานโต (Nuno Espírito Santo) กุนซือจากสโมสรวูล์ฟแฮมป์ตัน มาคุมบังเหียนแทนมูรินโญ ซึ่งแม้จะทำผลงานได้ดีในช่วงเดือนแรก จากสถิติชนะ 3 นัดรวด แต่หลังจากนั้นทอตแนมฮอตสเปอร์สก็เข้าสู่ขาลง จนต้องปลดนูโนออกจากตำแหน่ง หลังคุมทีมสู้ศึกพรีเมียร์ลีกได้เพียง 10 นัดเท่านั้น
หลังจากนั้นปาราติชีก็ได้ทำการทาบทาม อันโตนิโอ คอนเต (Antonio Conte) ผู้จัดการทีมที่พาอินเตอร์มิลานคว้าแชมป์เซเรียอาเมื่อฤดูกาลที่แล้วมาร่วมทีม ซึ่งถือเป็นการทำงานอีกครั้งระหว่างปาราติชีและคอนเต นับตั้งแต่เคยร่วมงานสมัยอยู่สโมสรยูเวนตุส
แม้สถานการณ์ของสโมสรทอตแนมฮอตสเปอร์สจะดีขึ้นกับการขึ้นมาจากเดิม แต่การแพ้เชลซีทั้งไปและกลับในศึกคาราบาวคัพ 2021 ที่ผ่านมา ก็เป็นที่ปรากฏโดยชัดเจนว่าสเปอร์ยังมีนักเตะที่เป็นรองกับทีมหัวตารางของลีกเป็นอย่างมาก
จึงต้องดูต่อไปว่าในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม และต่อไปในอนาคตข้างหน้า ปาราติชีจะสร้างดีลระดับโลกและเปลี่ยนแปลงสโมสรทอตแนมฮอตสเปอร์สได้หรือไม่
ที่มา
https://www.transfermarkt.com/tottenham-hotspur/transfers/verein/148
