“กำลังใจอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าพวกคุณจะไปไหน พวกเราก็จะตามไปเชียร์ พวกเราจะไม่ทิ้งกัน”

ค่ำคืนวันที่ 7 ต.ค. 2561 เสียงจากปลายโทรโข่งของแกนนำเชียร์ทีมฟุตบอล ‘บีจี ปทุม ยูไนเต็ด’ ดังกึกก้องลีโอ สเตเดียม ขณะที่บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด สีหน้าของสาวก ‘เดอะ แรบบิท’ ต่างนองไปด้วยคราบน้ำตา โดยเฉพาะภาพของกองเชียร์ที่ประสบพบเจอกับความเจ็บปวดในชีวิต

พวกเขาตกชั้นสู่ไทยลีก 2 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร

ย้อนกลับไปก่อนเกมนัดสุดท้ายของไทยลีกฤดูกาล 2018 จะจบลง คงไม่มีกูรูหน้าไหนกล้าฟันธงว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ดจะกลายเป็นทีมสุดท้ายที่จะตกชั้นในปีนั้น เพราะพวกเขาต้องการเพียง 1 แต้มจากคู่แข่ง ‘สวาทแคท’ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซีเพื่อให้รอดตกชั้น ทว่าพวกเขากลับพลาดท่าพ่ายผู้มาเยือนไป 1 ประตูต่อ 2 พร้อมกับข่าวร้ายจากเขาพลอง สเตเดียม เมื่อ ‘ชัยนาท ฮอร์นบิล’ อีกหนึ่งทีมอยู่ขับเคี่ยวหนีตกชั้นสามารถเอาชนะ สุพรรณบุรี เอฟซีไปได้หวุดหวิด 2 ประตูต่อ 1 ส่งให้เดอะ แรบบิท ‘ตกชั้น’ อย่างเป็นทางการ

ท่ามกลางความโศกเศร้า ข่าวลือของหลังบ้าน บีจี ปทุม ยูไนเต็ดเริ่มระอุขึ้นทีละน้อย บ้างก็ว่าจะเกิดการยุบทีม บ้างก็ว่าส่อแววทีมแตก มีการคาดการณ์ว่าผู้เล่นชื่อดังหลายรายจะเก็บกระเป๋าย้ายหนี จนกระทั่ง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร ต้องออกมาสยบข่าวลือทั้งหมด พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าพวกเขาจะกลับมาสู่ลีกสูงสุดให้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ที่มา: เฟซบุ๊ก BG Pathum United

ทบทวนตั้งหลักใหม่ บนเวทีลีกพระรอง

บางครั้งความล้มเหลวก็กลายเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า เช่นเดียวกับ 1 ปี บนเวทีไทยลีก 2 ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พวกเขาใช้แนวคิดการทำทีมที่ชัดเจนมากขึ้น ตัวผู้เล่นถูกชื้อมาด้วยเม็ดเงินมหาศาลเหมือนเคย แต่ครั้งนี้สามารถพูดได้แบบเต็มปากว่า เม็ดเงินที่เสียไปคุ้มค่าแล้วทุกบาททุกสตางค์ ด้วยการซื้อสตาร์ชื่อดังอย่าง ฉัตรชัย บุตรพรม, อิรฟาน ฟานดี, ยูกิ บัมบะ และบารอส ทาร์เดลี ซึ่งเข้ามาผสมผสานกับผู้เล่นชุดเก่าอย่างลงตัว

อีกหนึ่งจุดสำคัญนอกจากเรื่องของตัวผู้เล่นคือเรื่องของตัวกุนซือ พวกเขาได้ ‘โค้ชโอ่ง’ – ดุสิต เฉลิมแสน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย เจ้าของฉายา ‘แบ็กซ้ายดาราเอเชีย’ เข้ามากุมบังเหียนทัพเดอะ แรบบิท พร้อมปรัชญาการทำทีมแตกต่างไปจากเดิม จากที่เคยเป็นทีมจอมบุกแต่เสียประตูง่าย กลายเป็นยอดทีมที่มีแนวรับอันแข็งแกร่งดุจหินผา

สิ้นสุดฤดูกาล 2019 บีจี ปทุม ยูไนเต็ดเข้าป้ายแชมป์ลีกพระรองชนิดทิ้งห่างรองจ่าฝูง โปลิศ เทโร แบบไม่เห็นฝุ่น หลังกวาดไปถึง 78 แต้ม ยิงคู่แข่งไปถึง 76 ประตู และเสียเพียง 27 ประตูจาก 34 นัด ท่ามกลางสัญญาณเตือนบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ทั้งหลายบนลีกสูงสุดว่า ‘กระต่ายแก้วตัวนี้พร้อมแล้วกับการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่’

ที่มา: เฟซบุ๊ก BG Pathum United

ที่มา: เฟซบุ๊ก BG Pathum United

กลับสู่หนทางแห่งผู้ชนะ 

เดอะ แรบบิทหวนคืนสู่เวทีไทยลีกฤดูกาล 2020/2021 พร้อมบทเรียนมากมาย การเตรียมตัวครั้งนี้จึงพิเศษกว่าครั้งไหนๆ ขุมกำลังเดิมที่ลงตัวถูกเพิ่มเติมให้ดีขึ้นด้วยงบประมาณเกือบ 200 ล้านบาทในการพาแข้งชื่อดังตบเท้าเข้าสู่ลีโอ สเตเดียมแบบไม่ขาดสาย ตั้งแต่วิคเตอร์ คาร์โดโซ, สุมัญญา ปุริสาย, สารัช อยู่เย็น, สันติภาพ จันทร์หง่อม, เจนรบ สำเภาดี พร้อมการกลับมาของฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์จากเจลีก ญี่ปุ่น

ผู้เล่นในมือของ ‘โค้ชโอ่ง’ – ดุสิต เฉลิมแสน ออกสตาร์ทผลงานนัดแรกด้วยการเอาชนะเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดไป 2 ประตูต่อ 1 ก่อนไล่กวาดสามคะแนนเป็นว่าเล่นจากคู่แข่งชนิดที่ว่า ‘เดินหน้าฆ่ามันลูกเดียว’

ที่มา: เฟซบุ๊ก BG Pathum United

ทว่าถึงฟอร์มเกมรุกจะร้อนแรง แต่ส่วนของเกมรับยังมีจุดที่ต้องแก้ไข ซึ่งจุดนี้โค้ชโอ่งเลือกที่จะดึงตัว ‘อันเดรส ตูเญซ’ กองหลังอดีตกัปตันทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้ามาอุดรอยรั่ว ผนวกกับ วิคเตอร์ คาร์โดโซ และอีรฟาน ฟานดี กลายเป็นปราการหลัง 3 ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก ตามด้วยช่วงครึ่งฤดูกาลหลังกับเซอร์ไพรส์ใหญ่ด้วยการคว้าตัว ‘ธีรศิลป์ แดงดา’ ศูนย์หน้าอันดับหนึ่งทีมชาติไทยจากชิมิสุ เอส-พัลส์ และยอดดาวซัลโวชาวบราซิล ‘ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต’

หลังสิ้นเสียงนกหวีดไทยลีกกลางสัปดาห์นัดที่ 24 ณ ลีโอ สเตเดียม เต็มไปด้วยคราบน้ำตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันคือน้ำตาแห่งความยินดี เมื่อบีจี ปทุม ยูไนเต็ดเถลิงบังลังก์แชมป์ไทยลีกหนแรกสำเร็จในรอบ 12 ปี พร้อมสถิติใหม่เมื่อกลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ได้เร็วที่สุด และเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ได้หลังเลื่อนชั้นขึ้นมาแค่ปีเดียว

ที่มา: เฟซบุ๊ก BG Pathum United

ฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2020/2021 กำลังจะรูดม่านปิดฉากลงในอีก 2 นัดที่เหลือ ทัพกระต่ายแก้วเหลืออีก 2 ภารกิจกับการสร้างสถิติเป็นทีมแชมป์ที่เสียประตูน้อยที่สุด เมื่อปัจจุบันพวกเขาโดนคู่แข่งทะลวงประตูไปเพียง 12 ลูกเท่านั้น และที่สำคัญพวกเข้าใกล้กับการเป็น ‘แชมป์ไร้พ่าย’ ต่อจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดมากขึ้นทุกขณะ แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เพราะค่ำคืนนี้ (20 มีนาคม 2021) พวกเขากำลังจะได้ชูถ้วยฉลองแชมป์ให้หายเหนื่อยกันเสียที

เหนือสิ่งอื่นใด บีจี ปทุม ยูไนเต็ดพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ‘เมื่อล้มได้ ก็ย่อมลุกได้’ และในครั้งนี้ พวกเขาสามารถลุกขึ้นมายืดอกในฐานะผู้ชนะได้ แบบเต็มภาคภูมิ

Tags: , , , ,