หลายวันที่ผ่านมา มีคนตั้งคำถามกับผมหลายคนว่า รัฐบาลคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เพิ่งตั้งขึ้นจะอยู่ 4 เดือนจริงหรือ เขาจะอยู่นานกว่านี้ไหม และทำไมเขาถึงยอมอยู่เพียง 4 เดือน

แต่ผมอยากชวนตั้งคำถามใหม่ว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยในระบอบการเมืองอันพิสดารแบบไทยๆ ครั้งนี้จะอยู่ครบ 4 เดือนหรือไม่ รัฐบาลชุดนี้จะสามารถส่งต่อนโยบายอะไรได้บ้าง ภายใต้หน้าตาคณะรัฐมนตรีแบบนี้

และที่สำคัญ มีอะไรบ้างที่อยู่ข้างหลังคุณอนุทิน Deep State กำลังวางหมากให้คุณอนุทินเดินอย่างไร นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจไม่แพ้กัน 

อะไรบ้างที่อยู่ข้างหลังคุณอนุทิน

อันดับแรกหนีไม่พ้น ‘พรรคประชาชน’ ที่เทเสียงโหวต 143 เสียง ทำให้หัวหน้าพรรคที่มีเสียงเพียง 69 เสียงได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 

ผมวิจารณ์มาก่อนหน้านี้ว่า ข้อควรระวังที่สุดของการโหวตโดยพรรคประชาชนก็คือ การ ‘ต่อลมหายใจ’ ให้กับระบบการเมืองสุดแสนพิสดาร ที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เล่น เช่นเดียวกับนักการเมืองอย่าง ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า, คุณสุชาติ ชมกลิ่น และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ เมื่อคณะรัฐมนตรีเต็มไปด้วยเสียง ‘ยี้’ ไม่ว่าอนุทินจะพยายามเอา ‘คนนอก’ เข้ามาแต่งหน้าทาปากอย่างไร ถึงที่สุดก้อนหินจะตกมายังพรรคประชาชน 

หากการเมืองเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา คุณอนุทินเป็นนายกฯ เพื่อยุบสภาฯ แก้รัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนโหวตเสร็จแล้วข้ามไปเป็นฝ่ายค้านก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนเรื่องจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ท่ามกลางโจทย์ใหญ่ของบ้านเมือง ไม่ว่าจะปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง เรามีรัฐมนตรีที่เข้ามา ‘ทำทุน’ เพื่อใช้เวลา 4 เดือนนี้ เตรียมการเลือกตั้งใหญ่ พวกเขาได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจโดยไม่มีความรู้ความสามารถ เพียงแต่กระทรวงเศรษฐกิจ สามารถสะสมทุนได้แน่นหนากว่า

เรื่องตลกก็คือ คุณสันติ พร้อมพัฒน์ เตรียมแต่งตัวเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่เมื่อถึงเวลา คุณสมบัติไม่ผ่าน ก็ให้ คุณพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายเป็นแทน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า คุณพัฒนาเหาะมาจากไหน รู้เพียงเป็นลูกชายคุณสันติ เคยทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่เคยเป็นเจ้าของตึก CAS Centre ก่อนจะมาเป็นตึก SKYY9 Centre ในวันนี้ ตึกที่ผู้ประกันตนทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของ

คำถามก็คือพรรคประชาชน ‘รู้’ และ ‘รับได้’ หรือไม่ กับการเมืองแบบนี้ หรือมีอะไรอีกที่คนโหวตให้พรรคประชาชนยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากพอ แต่บรรดาแกนนำพรรคประชาชนนั้นรู้มากกว่า

อะไรอยู่ข้างหลังอนุทิน-ข้อที่ 2 ต้องจับตาไปยังบทบาทของคุณธรรมนัส 

วันที่พรรคเพื่อไทยแถลงจัดตั้งรัฐบาล หลังคุณแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ร้อยเอกธรรมนัสพาพรรคกล้าธรรมหลบออกมาประชุมพรรค ก่อนจะเปิดตัวอีกทีค่ำๆ สนับสนุนอนุทินเป็นนายกฯ คนที่ 32 เล่นเอาพรรคเพื่อไทยเงิบกันเป็นแถว

วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ฉากใหญ่ที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัวทั้งคุณทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ เป็นเรื่องที่ปรากฏให้เห็นไม่บ่อยนัก สะท้อนว่า การเปลี่ยนข้างของคุณธรรมนัส และการที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้นั้นเรื่องใหญ่จริงๆ

คำถามก็คือแล้วใครอยู่เบื้องหลังที่ทำให้คุณธรรมนัส หักคุณทักษิณอีกรอบ ทั้งที่คุณธรรมนัสคือคนที่ทักษิณไว้ใจมาก มากเป็นอันดับต้นๆ มากกว่า สส.เพื่อไทยด้วยซ้ำ และทำให้ทักษิณต้องเจ็บใจมากที่สุด

เรื่องนี้คนในแวดวงการเมืองรู้กันดีว่า เป็นเรื่องของคนปลายสายโทรศัพท์ที่ทำให้คุณธรรมนัสต้องตัดสินใจเปลี่ยนข้าง เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่า ‘เขา’ ต้องการอย่างนี้ และต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น

ผลที่รู้กัน คุณธรรมนัสได้กลับมานั่งเป็นรัฐมนตรีอีกรอบ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคกล้าธรรมกวาดเอากระทรวงดีๆ หลายกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แม้พรรคธรรมนัสจะมีเสียงแค่ 24 เสียง และรัฐบาลจะมีเสียงไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

ฉะนั้นนี่คือดีลการเมืองแสนพิสดาร ที่ประชาชนอย่างเราไม่อาจล่วงรู้ได้

อะไรอยู่ข้างหลังคุณอนุทิน – ‘รัฐพันลึก’

มีคนตั้งคำถามผมว่า หากเทียบย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ มีช่วงเวลาไหนที่การเมือง ‘มั่ว’ แบบนี้ไหม ผมคิดว่าช่วงใกล้เคียงที่สุดคือ ปลายทศวรรษ 2530 ที่เราเปลี่ยนนายกฯ บ่อยๆ ตั้งแต่รัฐบาล ชวน หลีกภัย 1, รัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และรัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ 

ครั้งนั้นก็ไม่ต่างกัน รัฐบาลอ่อนแอ เสียงน้อย ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แย่งกระทรวงเกรดเอ แต่สุดท้ายมันจบลงด้วยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด

และครั้งนั้นจะดีจะชั่วอย่างไร ก็เป็นเกมการเมืองในรัฐสภา ไม่ได้มีอำนาจนอกระบบมามั่วด้วยถึงขนาดนี้ เพราะตอนนั้นกองทัพเลือกถอย ชนชั้นนำเลือกถอย และรัฐพันลึกก็ยังไม่ได้เกาะกลุ่ม ยังไม่ได้มีอำนาจมากถึงเพียงนี้ ในแบบ 30 ปีให้หลัง

จริงอยู่รอบนี้กองทัพอาจไม่ได้มีบทบาทเท่าไร แต่ประเด็นคือเราไม่รู้ว่า ข้างหลังกองทัพมีอะไรบ้าง มีใครบ้าง มีกี่ฝ่าย ใครอยู่ฝ่ายไหน และเป็นเอกภาพเพียงใด

เมื่อการเมืองไม่มีอะไรตรงมา ที่มาของรัฐบาลก็ไม่ได้ตรงไปตรงมา เฉกเช่นเดียวกับ ‘ทางไป’ ของทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้านที่ผ่านมาก็ไม่ได้ตรงไปตรงมาเช่นกัน

เอาง่ายๆ 3 เรื่องใหญ่ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน พรรคก้าวไกล-กรรมการบริหารพรรค ต้องการ ‘ล้มล้างการปกครอง’ ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ คุณเศรษฐาผิดจริยธรรมร้ายแรง เพราะแต่งตั้งคุณพิชิต ชื่นบาน หรือคุณแพทองธารผิดจริยธรรมร้ายแรง เพราะคุยโทรศัพท์กับสมเด็จ ฮุน เซน เรื่องพวกนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามหลักกฎหมาย ตามมาตรฐาน หรือตามใจผู้มีอำนาจที่อยู่ข้างหลัง เชื่อว่าทุกคนมีคำตอบในใจ

ความไม่มีมาตรฐาน เป็นคุณกับอำนาจนอกระบบ เพราะสามารถกำกับ-ควบคุม-ชักนำได้ แต่ไม่เป็นผลดีใดๆ กับเสถียรภาพของประเทศ คิดดูง่ายๆ ไม่มีประเทศไหนที่อยากลงทุนกับประเทศที่เปลี่ยนนายกฯ ทุกปี นโยบายขาดความต่อเนื่อง ประชาชนขาดความเชื่อมั่น

ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีใครอยากลงทุนกับประเทศที่พรรคอันดับหนึ่ง จากการเลือกตั้งถูกยุบพรรค ไม่มีประเทศไหนที่อยากลงทุนกับประเทศที่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะล้มเมื่อไรก็ล้มได้ 

เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณอนุทินต้องเลือกก็คือ เลือกว่าจะอิงกับระบบที่บิดเบี้ยวแบบนี้ หรือร่วมกันใหม่ สร้างระบบการเมืองที่เป็นที่มีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับ ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่น่าเชื่อถือ

แต่แน่นอน นั่นต้องอาศัยการต่อรองกับ Deep State น่าเสียดายที่ Deep State ประเทศนี้ก็ยังหาสถานะที่ลงตัวของตัวเองไม่ได้

อะไรอยู่ข้างหลังคุณอนุทิน-ประชาชน

ข้อสำคัญที่แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนก็คือ ในโลกความจริง คุณอนุทินและพรรคภูมิใจไทยมี ‘แฟนคลับ’ ไม่มากนัก ทั้งแฟนคลับจริง และแฟนคลับจัดตั้ง คะแนนบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทยอยู่ที่ 1.1 ล้านเสียง แม้แต่ในจังหวัดบุรีรัมย์ คะแนนบัญชีรายชื่อของภูมิใจไทยก็ยังน้อยกว่าพรรคก้าวไกล

ต้องยอมรับว่าพรรคน้ำเงิน ได้เสียง สส.จากบ้านใหญ่ ที่แต่ละคนก็มี ‘แสง’ ในตัวเอง แต่ประเด็นก็คือ หาก สส.เหล่านี้ ไม่อยู่พรรคภูมิใจไทย ก็มีคนเลือกเป็นกอบเป็นกำอยู่ดี

ขณะเดียวกันแม้ภูมิใจไทยจะเป็นพรรคปีกอนุรักษนิยม ก็เป็นพรรคที่ ‘ขวา’ ก็ตั้งข้อสังเกต ขณะที่ ‘ซ้าย’ ก็ไม่เลือก

ในเวลา 4 เดือน คุณอนุทินจำเป็นต้องสร้างกระแสให้พรรคน้ำเงินเป็นทางเลือกที่จับต้องได้ ต้องสร้างผลงานให้ได้ โดยไม่ฟังเสียงสิ่งที่อยู่ด้านหลังโดยรอบมากนัก

แน่นอน วันนี้คุณอนุทินอาจมองว่า ตัวเองมีหลังพิงที่มั่นคง ทั้งพรรคพันธมิตร นักการเมืองสายดีล หรือแม้แต่ Deep State แต่หากละเลยเสียงประชาชน เขาก็จะกลายเป็นเพียง ‘นายกฯ ชั่วคราว’ ที่ถูกจดจำในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในฐานะผู้สืบต่อระบบที่บิดเบี้ยว ไม่ใช่ผู้กล้าที่สร้างระบบใหม่

เส้นทางทั้งหมดนี้ คุณอนุทินต้องเลือกด้วยตัวเอง



Tags: , , , , , , , , , ,