ตำรวจขออนุมัติหมายจับ 5 แกนนำ ‘มายด์ ภัสราวลี-กรกช-ชนินท์-ชลทิศ-เบนจา’ ชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมัน แต่ศาลอาญากรุงเทพใต้ยกคำร้องให้ออกหมายเรียกแทน

วันนี้ (29 ต.ค.63) พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆเก็บรวบรวมหลักฐาน ทั้งเอกสาร วิดีโอ และภาพถ่ายเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรหน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ถนนสาทรใต้ เมื่อคืนวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา

ก่อนขออนุมัติหมายจับ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ อายุ 25 ปี , นายกรกช แสงเย็นพันธ์ อายุ 28 ปี, นายชนินทร์ วงษ์ศรี อายุ 20 ปี , นายชลธิศ โชติสวัสดิ์ อายุ 21 ปี น.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 21 ปี จากศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้าง กระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตาม ป.อาญา มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ จากกรณีเป็นแกนนำไปชุมนุม

ต่อมาศาลนัดไต่สวนคำร้องขอหมายจับ จ.489/2563 ที่ พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.อคฝ. รักษาราชการแทน ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ  ยื่นขอออกหมายจับ และนัดไต่สวนพยานผู้ร้องได้ 1 ปาก เป็นผู้ร้องเบิกความประกอบกับส่งสำเนาสำนวนการสอบสวน และพยานเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมวีซีดีจำนวน 1 แผ่น ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาเป็นนักศึกษา การชุมนุมระยะเวลาสั้นยังไม่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี ประกอบกับผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงเห็นควรให้ผู้ร้องไปดำเนินการออกหมายเรียกก่อน ในชั้นนี้ให้ยกคำร้อง

รายงานข่าวแจ้งว่า มีแกนนำผู้ชุมนุมประมาณ 16 คน ที่อาจเข้าข่ายถูกดำเนินคดี โดยแยกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มยื่นเอกสารต่อนายจอร์จ ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นายวรินทร์ แพททริค แมคเบลน และน.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล

กลุ่มถัดมาคือกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมที่อ่านแถลงการณ์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน ซึ่งกลุ่มนี้มีทั้งหมด 12 คน

ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มผู้ปราศรัย เบื้องต้นพบว่ามี 2 คน คือ น.ส.ภัสราวลี  และนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่