เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่ง กรวิกก็พบว่าเขาได้กลายเป็นปลาไปเสียแล้ว

การกลายร่างเป็นปลานั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ชื่อกรวิกของเขาแปลว่านกการเวก ดังนั้นแม้จะมีหลายครั้งในชีวิตที่เขาจินตนาการว่าตนเองได้กลายร่างเป็นสัตว์ประเภทใดประเภทหนึ่ง เขามักจินตนาการว่าตนเองกลายร่างเป็นนกอยู่เสมอ 

เขาเห็นภาพตนเองกางปีกกระพืออยู่ในอากาศ เขาเห็นร่างตนเองโผบินอยู่ตามแนวชายฝั่ง จนแม้เขาเห็นร่างตนเองนอนหลับสนิทอยู่บนคาคบ จินตนาการเหล่านั้นอาจผนวกรวมมาจากงานเขียนที่เขาเคยอ่าน เรื่องราวของนกนางนวลตัวหนึ่งที่มีชื่อว่าโจนาธานด้วยเหตุนั้นเขาจึงมองเห็นตนเองเป็นนกอยู่เสมอ 

โจนาธานเป็นนกที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการเรียนรู้ โจนาธานเป็นนกที่ไม่แยแสกับการเสาะหาอาหารเพียงเพื่อการอิ่มท้อง มันกินอาหารหรือออกจับปลาเพียงเพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงมาเรียนรู้เรื่องการบิน เขาหลงใหลชีวิตแบบนั้น เขาจึงมองเห็นตนเองกลายเป็นนกที่มีจิตวิญญาณเสรี ดังนั้นเมื่อเขาต้องพบว่าตนเองได้กลายเป็นปลาชนิดหนึ่งที่ดิ้นรนอยู่บนพื้นห้อง เขาจึงแปลกประหลาดใจเหลือเกิน

  ทว่ากรวิกไม่มีโอกาสอยู่กับความประหลาดใจที่ว่านั้นได้นาน แม้ว่ารูปกายภายนอกของเขาจะกลายเป็นปลาไปแล้ว แต่สำนึกของเขายังคงเป็นมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม เมื่อเขาพบตัวเองว่ากลายเป็นปลาและต้องหายใจผ่านครีบเหงือกแทนจมูก เขาก็เริ่มกลัวตาย เขาไม่แน่ใจว่าการหายใจผ่านเหงือกนั้นดีหรือไม่ดีกว่าการหายใจผ่านจมูก สิ่งที่เขารู้คือเขากลัวตาย เขากลัวตนเองจะตายลงไป ตายลงไปในฐานะปลาตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง

      โชคของเขายังดี เพราะก่อนที่เขาจะได้พิสูจน์ว่าจมูกหรือเหงือกที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนอากาศบนพื้นโลกนี้ได้ดีกว่ากัน ใครคนหนึ่งก็หยิบเขาขึ้นจากพื้นห้องและเอาเขาใส่ลงในขวดโหลขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก เขาพลิกตัวสองสามครั้ง เหยียดครีบและหางให้ทำงานก่อนจะเริ่มต้นการว่ายไปมา 

      ว่าย ใช่สิการว่ายคือสิ่งเดียวที่เขากระทำได้ ในสภาพของเขาตอนนี้ เขาไม่อาจวิ่ง ไม่อาจเดิน  ไม่อาจคลานหรือแม้กระทั่งไม่อาจนั่งหรือยืน ในสภาพของเขาตอนนี้ เขาทำได้เพียงแค่ว่ายไปมาในดินแดนของน้ำหรือกระเสือกกระสนตนในดินแดนอื่น สำนึกรู้เช่นนี้ปรากฏกับเขาทีละน้อยพร้อมกับการยอมรับตนเองว่าบัดนี้เขาได้กลายเป็นปลาอย่างสมบูรณ์แล้ว

เขานึกถึงงานเขียนอีกเรื่องเกรเกอร์ แซมซ่าตัวละครในงานนวนิยายชื่อเมตามอร์โฟซิสของ ฟรานซ์ คาฟกาในตอนที่เขาอ่านนวนิยายเรื่องนั้น เขาแทบไม่เคยนึกถึงความกระอักกระอ่วนของแซมซ่า เมื่อต้องรู้สึกว่าตนเองได้กลายร่างเป็นแมลงสาบไปเสียแล้ว แต่ บัดนี้ เขาได้เข้าใจความรู้สึกนั้น แซมซ่าคงดิ้นรนในตอนแรก การดิ้นรนเกิดจากการไม่เข้าใจสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป หลังจากนั้นเป็นการดิ้นรนที่ต้องยอมรับความจริงว่าเขาเป็นแมลงสาบไม่ใช่มนุษย์ และการดิ้นรนสุดท้ายคือการดิ้นรนเพื่อที่จะรักษาสามัญสำนึกของมนุษย์ไม่ให้มันดับสูญไป

      และเพื่อที่จะรักษาสำนึกดังกล่าวไม่ให้ดับสูญไป เขาพยายามทบทวนความรู้ทั้งหมดที่มีเกี่ยวกับปลา เขานึกถึงการกระเสือกกระสนของปลาเป็นสิ่งแรก จากเรื่องเล่าเก่าแก่ที่เขาเคยได้ฟังในวัยเยาว์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของปลาบนพื้นดิน       

      ชายชราคนหนึ่งเคยเล่าให้เขาฟังถึงการหาปลาแบบโบราณ เริ่มต้นจากการขุดหลุมขนาดพอเหมาะลงบนพื้นดินใกล้แหล่งน้ำก่อนจะเอาดินเหนียวจากแหล่งน้ำเหล่านั้นพอกลงที่ปากหลุม เมื่อตกถึงเวลากลางคืน บรรดาปลาที่ได้กลิ่นจากดินพอกที่ปากหลุมจะพากันคิดว่ามีแหล่งน้ำแห่งใหม่ปรากฏขึ้น และแหล่งน้ำใหม่นั้นน่าจะอุดมสมบูรณ์กว่าแหล่งน้ำเดิม  ฝูงปลาที่ปรารถนาเช่นนั้นพากันกระโจนขึ้นมาบนพื้นดินและกระเสือกกระสนไปจนถึงหลุมดังกล่าวก่อนจะพบว่ามันคือหลุมพราง พวกมันตกลงในหลุมนั้นและต้องพบกับความจริงที่ ว่าแทนที่พวกมันจะได้เจอแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ พวกมันกลับตกเป็นแหล่งอาหารของพวกมนุษย์แทน

      กลวิธีเช่นนี้ให้ภาพที่น่าเศร้าเกี่ยวกับการคาดหวังเกินจริงของปลา เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ว่านี้ เขารู้สึกเจ็บปวด เขาว่ายน้ำช้าลง และขณะนั้นเองที่เขาพบว่าปลาสามารถชะลอการเคลื่อนที่ได้ แม้ว่าการเคลื่อนที่ของปลาจะทำให้มีอากาศผ่านเข้าทางครีบเหงือกตลอดเวลา แต่สำหรับปลาการเคลี่อนที่ช้าลงหาได้หมายถึงการขาดอากาศที่เพียงพอ การเคลื่อนที่ที่ช้าลงของปลาหาได้หมายถึงความตาย

เขานึกถึงเรื่องราวของปลาอีกเรื่องหนึ่ง ภาพยนตร์ที่เขาเคยชม ตัวละครเป็นมนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีชีวิตอยู่ในน้ำในฐานะมนุษย์ทดลอง กระนั้นมนุษย์แปลกประหลาดเช่นนั้นยังตกหลุมรัก มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ปกติได้ การเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกปลอมมิได้ทำให้สูญสิ้นหัวใจ แต่ทว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวย่อมไม่มีทางสมหวัง เมื่อนึกถึงความรักอันเป็นอุปสรรคเช่นนั้น เขาก็นึกถึงตนเอง แต่เขาเป็นมนุษย์ในคราบของปลา หรือเป็นปลาที่มีสำนึกเช่นมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ไม่ใช่ Amphibian ดังนั้นเขาควรรู้สึกต่อโลกในฐานะมนุษย์ที่เป็นปลาหรือ Homo Aquaticus ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์หรือในฐานะของปลา

  ว่าแต่เขาเคยพบคำคำนี้ที่ไหน ในตำราเล่มใด สมองอันน้อยนิดในร่างที่เล็กลงทำให้เขานึกถึงอะไรแทบไม่ได้ เขาว่ายวนไปมาในขวดโหลดังกล่าวรอบแล้วรอบเล่าก่อนจะนึกได้ว่า คำดังกล่าวหมายถึงบรรพบุรุษของมนุษย์ที่มีกำเนิดจากท้องทะเล ดำรงอยู่ในท้องทะเล และเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับแห่งท้องทะเล 

เมื่อตระหนักดังกล่าว เขาอดคิดไม่ได้ว่าบรรพบุรุษของตนเองอาจเป็นสิ่งมีชีวิตเพศชายที่ปรากฏในตำนาน เขารู้ดีว่าหลายคนรู้จัก นางเงือก หรือ Mermaid แต่บรรพบุรุษของเขาควรเป็น นายเงือก หรือ Mermen มากกว่า อย่างไรก็ตามคุณสมบัติสำคัญของทั้งนางเงือกและนายเงือกล้วนเป็นแบบเดียวกัน พวกเขามีเสียงขับร้องอันไพเราะ ดึงดูดเรือที่เดินทางในมหาสมุทรให้เข้าหา ก่อนจะหยิบยื่นความตายให้กับทุกคนผ่านทางหินโสโครกขนาดใหญ่กลางทะเล

บรรพบุรุษนายเงือกที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาน่าจะได้แก่ กลอคุส (Glaucus) ผู้ที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อนเช่นเดียวกับเขา กลอคุสประกอบอาชีพชาวประมง ทว่าในวันหนึ่งเขาเห็นปลาตัวหนึ่งกระโดจากพงหญ้าลงไปสู่ท้องทะเล เขาตรวจสอบหญ้าชนิดนั้นและเด็ดมันกินก่อนจะเกิดความรู้สึกที่อยากใช้ชีวิตอยู่ในทะเล เขากระโดดลงไปในทะเลเช่นปลาตัวนั้นในเวลาต่อมา และไม่เคยกลับคืนขึ้นฝั่งอีกเลย ร่างของเขากลายเป็นสีเขียว ขาของเขากลายเป็นครีบหาง และเขาได้ครอบครองท้องทะเลในฐานะนายเหนือหัวของปลาทั้งหลาย

แต่หากบรรพบุรุษของเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีผิวกายสีเขียว เหตุใดเล่าเขาจึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเกล็ดสีทองและไม่อาจมีอำนาจเหนือปลาทั่วไปในขวดโหลใบนี้ได้ เขาพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในขวดโหลนี้เพียงลำพัง มีปลาอีกจำนวนไม่น้อยว่ายอยู่รอบๆ ตัวเขา ปลาเหล่านั้นเคยเป็นมนุษย์ที่มีจมูกไว้หายใจมาก่อนหรือไม่ เขาไม่แน่ใจ เขาพบว่าเขาคิดถึงเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดกับตนเองได้ หากแต่ไม่สามารถคิดถึงเรื่องราวที่เกิดกับปลาตัวอื่น 

เขานึกถึงนิทานอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปลา ปราชญ์สองคนเดินเล่นอยู่บนสะพานข้ามคลอง ปราชญ์คนหนึ่งเห็นปลากำลังแหวกว่ายไปมาอย่างเพลิดเพลินจึงกล่าวขึ้นว่าดูสิ ปลาเหล่านี้ช่างมีความสุขเสียจริงปราชญ์อีกคนได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่าท่านไม่ใช่ปลา ทำไมท่านจึงรู้ว่าปลามีความสุข?” ปราชญ์คนแรกจึงย้อนกลับว่าท่านก็ไม่ใช่ข้าพเจ้า ทำไมท่านจึงรู้ว่าข้าพเจ้าไม่รู้ว่าปลามีความสุข?”          

เมื่อเขาคิดถึงตรงนั้น เขาได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อเขา ชื่อที่แปลว่านกการเวก เขาลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ชายคนหนึ่งในเสื้อกาวน์สีขาวยิ้มให้เขาก่อนจะเอ่ยว่าผมจ่ายยาให้คุณแล้ว นับจากนี้ คุณน่าจะสบายดีขึ้นและคงเลิกคิดว่าตนเองเป็นปลาเสียที เป็นปลานั้นไม่น่ามีความสุขเท่ากับการเป็นมนุษย์เหมือนดังที่เราเป็น

หมายเหตุ: เค้าโครงจากเรื่องสั้นชื่อเมื่อข้าพเจ้าเป็นบ้าไป 36 ชั่วโมงของ มนัส จรรยงค์

Tags: