ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดน้ำท่วมขึ้นที่อำเภอหาดใหญ่ในระดับที่เรียกว่า ‘มหาอุทกภัย’ เพราะหากย้อนกลับไปช่วงปี 2543 และ 2553 ก็เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งก็มีภาพของผู้คนที่ติดอยู่บนหลังคาบ้าน ในอาคาร ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร แบบเดียวกับภาพเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ในตอนนี้

เอาเข้าจริงๆ ประเทศไทยคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทรัพยากรในการแก้ปัญหาน้ำท่วมมากที่สุด ทั้งในแง่ ‘เวลา’ ที่ใช้ในการเตรียมรับมือ (อย่างหาดใหญ่ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เว้นระยะห่างกันถึง 10 ปี) มีบทเรียนให้ถอด มีงบประมาณ ไม่นับรวมหน่วยงานที่มีอำนาจในการจัดการน้ำที่มีอยู่มากกว่า 1 หน่วยงาน แต่แล้วทำไมเมื่อเกิดน้ำท่วม การช่วยเหลือ การอพยพ และการจัดการจึงยังดูเหมือนไทยเป็น ‘มือใหม่’ กับการเผชิญอุทกภัย

การจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ สะเปะสะปะ บอกให้อพยพ แต่ไม่บอกว่า ‘จะต้องไปที่ไหน’ และ ‘จะไปอย่างไร’ ในกระแสน้ำที่สูงและเชี่ยวกราก ทำให้ในตอนนี้ แม้ว่าการจัดการของภาครัฐที่เดิมทีไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าใครเป็นหัว ใครเป็นท้ายของการบัญชาการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะเริ่มเห็นโครงร่างชัดเจนขึ้นในภายหลัง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อประชาชนที่ยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก

พวกเขารอคอยอยู่ในตึกสูงที่ถูกน้ำล้อมด้วยความหิวโหย ท่ามกลางเสียงเรือเจ็ตสกีและเฮลิคอปเตอร์ที่ผ่านเหนือศีรษะเพื่อไปช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่า บางคนติดอยู่ภายในบ้านที่มีน้ำท่วมมิด ต้องลอยคอรับออกซิเจน

The Momentum รวบรวมเสียงสะท้อนจากผู้ประสบภัยเท่าที่เราจะเข้าถึงได้ เพื่อส่งเสียงไปถึงภาครัฐ ในยามที่พวกเขาเพิ่งจะเริ่มทำงานกันอย่างเต็มกำลัง เผื่อว่าจะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขสถานการณ์มหาอุทกภัยครั้งนี้พอจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า พวกเขาจะช่วยเหลือประชาชนที่ยังรอคอยด้วยความหวังอย่างไร

ผู้คนเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ ‘อดอยาก’

เป็นเวลากว่า 4 วันจนถึงวันนี้ ที่พ่อและน้องสาวของ วรรณิสา ฉิ้มร่องดำ ยังคงเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ภายในอำเภอหาดใหญ่ เธอเล่าว่า พวกเขาติดอยู่ภายในวัดพุทธิการาม (ปลักกริมสระน้ำ) ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยไม่มีอาหาร ร่วมกับคนอื่นๆ อีกประมาณ 30 ชีวิต

“เราโทร.ไปทุกหน่วยงานแล้ว และทุกหน่วยงานก็ตอบรับเรา แต่ยังไม่มีใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือ เขาใช้คำว่า ‘ประสาน’ และบอกว่าที่ที่พ่อหนูติดอยู่น้ำมันเชี่ยว”

วรรณิสาเล่าด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ว่า พื้นที่ที่พ่อกับน้องสาวของเธอติดอยู่นั้นยังคงมีน้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยว จึงมีการระดมเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือยังจุดอื่นๆ ที่สามารถเข้าไปได้ก่อน หรือเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมองว่าสาหัสกว่า เช่น พื้นที่เขต 8 ของหาดใหญ่ใน แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงมาก คือความเป็นอยู่ของผู้คนภายในวัด ที่กำลังเข้าสู่ภาวะ ‘อดอยาก’ แล้วในตอนนี้

ในตอนอพยพย้ายไปอยู่ภายในวัด พ่อของเธอมีข้าวสารอยู่ 1 กิโลกรัม กับเตาแก๊สแบบพกพา จึงสามารถหุงข้าวแจกจ่ายให้คนทั้ง 30 ชีวิตที่อยู่ร่วมกันได้ แต่ในวันนี้ ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว

“น้องสาวของเราล้มหมดสติ เพราะไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน จนถึงวันนี้ ในวัดยังมีเด็กวัย 2 เดือนที่มีอาการอิดโรย เสียงแหบ ดูอ่อนเพลีย เพราะงอแงตลอดจากการไม่ได้ดื่มนม ตัวของแม่เด็กเองก็คงไม่มีน้ำนมให้น้อง เพราะก็ไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน” เธอกล่าว และยังคงรอคอยอย่างมีความหวังว่า จะมีข่าวดีเกิดขึ้นเร็วๆ นี้กับครอบครัวของเธอที่ขาดการติดต่อไปแล้วกว่า 2 วัน

คนหาดใหญ่ที่ยังไม่ถึงคิวช่วยเหลือ

ภาวะอดอยากยังแผ่ขยายไปยังผู้อยู่อาศัยในอาคารชั้น 2 ที่น้ำท่วมไม่ถึง อย่างกรณีของ ทัศนวลี มุกแก้ว ที่ต้องกินข้าวซึ่งหุงไว้เมื่อ 2 วันก่อน และอยู่กับน้ำเปล่า 3 ขวด เพื่อประคองชีวิตให้ถึง ‘คิว’ ที่เฮลิคอปเตอร์หรือเรือสักลำจะเข้ามาช่วยเหลือให้ออกจากพื้นที่

“ฝากกระจายเสียงหน่อยว่า บ้านเลขที่ 116 บนถนนอนุสรณ์อาจารย์ทอง ซอยพัฒโน ยังไม่มีหน่วยงานหรือเจ็ตสกีเข้ามาสักลำเลย ระดับน้ำตอนนี้มิดชั้นหนึ่งแล้ว ไหลเชี่ยว ออกไปเองไม่ได้ ในบ้านมีเด็ก 3 คน ผู้ใหญ่ 4 คน ไม่มีใครเข้ามาเลย ทั้งเรือทั้งเฮลิคอปเตอร์เข้ามาแล้วก็ผ่านไปทั้งวัน พยายามโบกมือขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครมา” เขากล่าว

อีกปัญหาหนึ่งที่กำลังทำให้สถานการณ์ของทัศนวลีแย่ลงคือ แบตเตอรีโทรศัพท์มือถือที่กำลังลดลงเรื่อยๆ ในช่วงที่ยังไม่มีการจ่ายไฟฟ้าตามปกติ ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาจะติดต่อกับโลกภายนอกได้ยากขึ้นไปอีกในยามวิกฤต

“ผมติดอยู่ที่นี่มา 3 วันแล้ว โดยที่ไฟฟ้าใช้ไม่ได้ เราออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่ติดคลอง ถ้าเดินออกไปอาจตกคลองได้ แบตเตอรีที่มีอยู่ตอนนี้ ถ้าหมดก็คือหมด จึงอยากจะให้ช่วยประสานหน่อย เพราะว่าตอนนี้คนทั้งซอยยังไม่มีใครได้รับความช่วยเหลือเลย”

ศิรอักษร จอมใบหยก ในฐานะผู้ประสานความช่วยเหลือและเป็นปากเสียงให้กับคนนับหลายสิบชีวิตที่ติดอยู่ภายในสินทองอพาร์ทเม้นท์ ถนนเพชรเกษม อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งยังไม่มีความช่วยเหลือใดๆ เข้าไปถึง กล่าวว่า

“เราปักหมุดเคสในแอปฯ และติดต่อ สส.กับอดีตผู้สมัครในพื้นที่หลายพรรค เขาบอกว่าตอนนี้เขาเร่งเต็มที่แล้ว แต่เคสมันเยอะมากจริงๆ แล้วเคสญาติของเรามันยังไม่วิกฤตขนาดนั้น ก็เลยเข้าใจว่าต้องรอเท่านั้นเลย” 

ทั้งนี้เธอเล่าถึงการใช้ชีวิตของผู้คนที่ยังติดอยู่ภายในว่า “ทุกคนต้องอาศัยชาร์จมือถือจากมอเตอร์ไซค์กัน เสียบทั้งวันได้กันวันละสัก 10% และไม่รู้ว่าแบตฯ จะหมดกันทุกคันเมื่อไร” ขณะเดียวกัน ในหอพักแห่งนี้มีผู้หญิงติดอยู่ด้วย นอกจากอาหารกับน้ำดื่ม สิ่งที่ต้องการอย่างเร่งด่วนคือผ้าอนามัย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน

ผู้ป่วยติดเตียงยังรอความช่วยเหลือ

ในช่วงที่สัญญาณโทรศัพท์ยังคงใช้การได้บ้างไม่ได้บ้าง แหวน (นามสมมติ) ยังคงพยายามติดต่อสามีของเธอที่ยังคงติดอยู่บริเวณด้านหลังโรงแรมวี เวิลด์ บูติค หาดใหญ่ ถนนราษฎร์อุทิศ ที่บ้านเลขที่ 59/60 ในสภาพที่ขาดแคลนน้ำและอาหาร โดยตั้งแต่เช้าจรดเย็น เธอง่วนอยู่กับการโทรศัพท์ และต้องโทร.อยู่อย่างนั้น เพราะเมื่อโทร.ไปประมาณ 50 สาย จึงจะมีสัก 1 ครั้งที่เธอติดต่อกับสามีได้ เนื่องจากสัญญาณไม่เสถียร และอินเทอร์เน็ตยังคงใช้งานไม่ได้

“เพราะสัญญาณโทรศัพท์มันติดๆ ดับๆ เราเลยต้องโทรหาเขาตลอด รู้สึกดีใจมากที่ได้ยินเสียงของเขา มันแปลว่าเขายังมีชีวิตอยู่”

ในตอนแรกก่อนที่น้ำจะท่วม สามีของแหวนยังคงอยู่อาศัยในบ้านชั้นเดียวได้ตามปกติ แต่ในตอนนี้บ้านหลังเดิมไม่สามารถโอบอุ้มชีวิตได้อีกต่อไป ก่อนที่น้ำจะท่วมบ้านจนมิดหลัง สามีของเธอตะเกียกตะกายขึ้นไปบนหลังคาบ้านพร้อมกับผู้ป่วยติดเตียง เพื่อย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังที่มี 2 ชั้น ก่อนจะพบว่า ภายในบ้านหลังนั้นมีผู้สูงอายุอยู่อีกถึง 3 คน กับเด็กอีก 1 คนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน

“ผู้ป่วยติดเตียงเขาเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้สูงอายุอีกคนป่วยเป็นหลอดเลือดสมองตีบ และมีความดันกับเบาหวาน เขาจำเป็นต้องกินยา แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะหยิบยาทันไหมตอนเกิดน้ำท่วม” แหวนกล่าวด้วยความกังวล

แม้จะเป็นเคสที่ดูร้ายแรงและควรได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่หลายๆ หน่วยงานที่เธอติดต่อไปกลับไม่ได้มองเช่นนั้น ผู้ป่วยทั้งหมดจึงยังคงต้องอาศัยอยู่ภายในบ้าน โดยขาดทั้งน้ำดื่มและอาหารมาหลายชั่วโมง

แหวนติดต่อมาอีกครั้งในช่วงเย็นของวันที่ 26 พฤศจิกายนว่า “ติดต่อแฟนได้แป๊บๆ เขาบอกว่าไม่มีหน่วยงาน ไม่มีอาหารอะไรเข้ามาเลย ถ้าบอกแบบนั้น แปลว่าทั้งซอยก็คือยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ สามีติดตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว ขอเรื่องอาหารและก็น้ำให้กับพวกเขาด้วยนะคะ” เธอกล่าว

เสียงสะท้อนถึงรัฐบาล

ปัจจุบันยังมีอีกหลายชีวิตที่ติดอยู่ภายในอาคารสูงของอำเภอหาดใหญ่ แม้ตัวของพวกเขาหนีน้ำขึ้นที่สูงได้ทัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของพวกเขาจะไร้ความเสี่ยง หรืออยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่ขาดทั้งน้ำ ไฟฟ้า และอาหาร

ทั้งนี้ ในขณะที่โฆษกรัฐบาลยืนยันหนักแน่นว่าตนเอง ‘ไม่ได้ล้มเหลว’ ในการจัดการกับมหาอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ ทั้งยังย้อนบุคลากรโรงพยาบาลในพื้นที่ที่ออกมาเปิดเผยถึงสภาพการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยภายในโรงพยาบาลท่ามกลางความมืดสนิทว่า “ไฟฟ้ายังใช้ได้ตามปกติ” ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่

สิ่งที่ผู้ประสบภัยต้องการคือ ‘ความช่วยเหลือที่เป็นความช่วยเหลือจริงๆ’ ไม่ใช่การลงพื้นที่เพียงชั่วคราว เพื่อให้รู้ว่ามาแล้ว แต่คือการระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่ เพื่อกอบกู้ชีวิตของผู้คนในเมืองให้ได้โดยเร็ว เชื่อเหลือเกินว่า ประชาชนไม่ได้อยากเห็นภาพการด่าตัวแทนข้าราชการโชว์สื่อ แต่อยากได้ ‘ชีวิตปกติ’ ของพวกเขาคืนกลับมาโดยเร็วมากกว่า

“เพื่อนเราทำงานที่สนามบินเล่าให้ฟังว่า อนุทินลงพื้นที่แค่ถ่ายรูปแล้วก็กลับ ไม่ได้ทำอะไรเลย คนหาดใหญ่โกรธกันมากๆ พรุ่งนี้อนุทินจะลงพื้นที่หาดใหญ่อีก ไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้าง” ปอย (นามสมมติ) สะท้อนการทำงานของรัฐบาล 

Fact Box

ข้อมูลติดต่อของผู้ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ

  • ครอบครัวของแหวน (นามสมมติ): บ้านเลขที่ 59-60 ด้านหลังโรงแรม We World boutique haatyai เขต 8 ซอย 7 ถนนราษฎร์อุทิศ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีผู้ป่วยติดเตียง คนชรา เด็ก และผู้ใหญ่อีก 4 คนติดอยู่ภายในบ้าน 4 วัน เบอร์โทรศัพท์ 09-8090-9972, 09-5438-9435, 09-5959-5488, 08-4098-2825
  • ทัศนวลี มุกแก้วและครอบครัว: บ้านเลขที่ 116 บนถนนอนุสรณ์อาจารย์ทอง ซอยพัฒโน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยังคงติดอยู่ภายในบ้านในสภาพขาดแคลนอาหาร เบอร์โทรศัพท์ 06-4726-0860
  • ครอบครัวของวรรณิสา ฉิ้มร่องดำ: วัดพุทธิการาม (ปลักกริมสระน้ำ) ถนนพลพิชัย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ่อและน้องสาวติดอยู่ภายในวัดร่วมกับประชาชนอีก 30 คน มีภาวะขาดแคลนอาหารและร่างกายเริ่มอ่อนล้า เบอร์โทรศัพท์ 06-3085-7075
  • สินทองอพาร์ตเมนต์ ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีประชาชนติดอยู่ภายใน ขาดแคลนผ้าอนามัย อาหารและน้ำดื่ม เบอร์โทรศัพท์ 06-2594-0612, 06-5073-5655
Tags: , , , , , , , ,