นับตั้งแต่วันที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 จนถึงเมื่อวานนี้ (11 ธันวาคม 2568) ที่อนุทินประกาศว่า “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ” หลังทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เวลารวมทั้งสิ้น 2 เดือน 10 วัน ถือเป็นการปิดฉากรัฐบาลเร็วกว่ากำหนดอายุ 4 เดือนที่ประกาศไว้

ระยะเวลา 2 เดือน 10 วัน ดูเผินๆ อาจสั้น แต่เมื่อไล่ย้อนกลับไป รัฐบาลอนุทินต้องเจอสารพัดสถานการณ์ ตั้งแต่พิษเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ แก๊งสแกมเมอร์ ไปจนถึงความตึงเครียดตามแนวชายแดน

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า รัฐบาลภายใต้การนำของอนุทินรับมือและแก้ปัญหาวิกฤตต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่คะแนนและความพึงพอใจทั้งด้านบวกและด้านลบ The Momentum ขอให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงเป็นคนตัดสินว่า ‘นายกฯ’ และรัฐบาลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

2 เดือน 10 วัน ของนายกฯ อนุทิน เจอเหตุการณ์เด่นอะไรบ้าง

1. ไม่สานต่อ ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’

นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่เดิมจะเริ่มใช้ 1 ตุลาคม 2568 ถูกเลื่อนไปเป็น 15 พฤศจิกายน 2569 เพราะติดขัดด้านกฎหมาย ต่อมาหลังอนุทินเข้ารับตำแหน่งฯ ระบุว่า “เรื่องนี้ต้องพิจารณาดูก่อน หากทำแล้วประชาชนได้ประโยชน์แน่ เพราะที่ผ่านมาบางโครงการดำเนินการแล้วพบว่ามีการขาดทุน ซึ่งเราต้องรักษาวินัยทางการเงินการคลังด้วย เพื่อให้โครงการสามารถอยู่รอดได้”

ด้านอดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทยแสดงความคิดเห็นในกรณีนี้ว่า เป็นการละเลยปัญหาค่าครองชีพประชาชน โดยทำให้ค่าโดยสารแพงขึ้นถึง 3 เท่า

2. ถนนสามเสน ‘ยุบ’ จนได้ฉายาว่า ‘รัฐบาลธรณีสูบ’

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ถนนบริเวณสามเสน บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ จนกลายเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องขนสรรพกำลังเร่งแก้ไข

ที่น่าสนใจคือผู้รับเหมาที่ดูแลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และมีส่วนรับผิดชอบโดยตรง คือบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่นายกฯ เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน

วันที่ถนนสามเสนยุบเป็นวันเดียวกับที่อนุทินนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ หลายคน (ที่ไม่ชอบ) รัฐบาลชุดนี้จึงตั้งชื่อเล่นว่า ‘รัฐบาลธรณีสูบ’

3. แจกเงินคนละครึ่งพลัส แต่เฟส 2 อาจจะยังก่อน

โครงการคนละครึ่งพลัสเฟสแรก จำกัดสิทธิประมาณ 20 ล้านสิทธิ จนกว่าจะครบวงเงินสิทธิไม่เกิน 4.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ภราดร ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวต้องหยุดไปก่อน เนื่องจากข้อจำกัดของกฎหมายเลือกตั้งที่ไม่สามารถทำได้

4. อนุมัติงบจัด MotoGP เกือบ 4,000 ล้านบาท เอื้อใคร

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้

– เห็นชอบให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก ‘โมโตจีพี’ (MotoGP) ระหว่างปี 2570-2574 รวม 5 ปี

– อนุมัติกรอบงบประมาณสำหรับการจัดการแข่งขันตลอด 5 ปี จำนวน 3,997.86 ล้านบาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น หากมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

ด้าน ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ สส.พรรคประชาชาติ ให้ความเห็นว่า เป็นการใช้งบประมาณเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มอำนาจ เพราะรัฐบาลอนุทินมีอายุแค่ 4 เดือน แต่ทิ้งมรดกหนี้เกือบ 4,000 ล้านบาทให้คนไทยต้องช่วยจ่าย เพื่อจัด MotoGP ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ของบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด ซึ่งมี เนวิน ชิดชอบ, ชิดชนก ชิดชอบ, ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ และกนกศักดิ์ ปิ่นแสง เป็นกรรมการบริษัท

5. รัฐบาลขอโทษ ปมบริหารน้ำท่วมหาดใหญ่ ‘ผิดพลาด’

จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่สามารถป้องกันและลดความเสียหายในอำเภอ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่น้ำเริ่มลดระดับลง พบว่ามีความเสียหาย 9 จังหวัด รวม 1,078,617 ครัวเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,953,206 ราย เสียชีวิต 85 ราย แบ่งเป็นจากน้ำท่วม 55 ราย และไม่ใช่จากน้ำท่วม 30 ราย

จากการรับมือและบริหารสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ การทำงานของรัฐบาลอนุทินถูกมองว่า ‘ล้มเหลว’ ประเมินสถานการณ์พลาด ทำให้ประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง ขณะที่ผู้นำไม่มีศูนย์กลางในการดำเนินงาน รวมถึงเสียงวิจารณ์เรื่องการเยียวยาน้ำท่วม ที่เหมาจ่ายเพียงครัวเรือนละ 9,000 บาท รวมเป็นเงิน 263,070,000 บาท ซึ่งจนถึงวันนี้ ขั้นตอนการเยียวยาก็ยังคงไม่มีความคืบหน้ามากนัก

6. ย้ายข้าราชการระดับสูงล็อตใหญ่

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ครม.มีมติอนุมัติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในสังกัดกระทรวงมหาดไทยรวมทั้งสิ้น 45 ตำแหน่ง ด้านอนุทินปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นการล้างบางพรรคเพื่อไทย และย้ำว่าไม่ใช่การเอาคืนทางการเมือง

ต่อมาในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 4 ธันวาคม ได้แก่

คำสั่งที่ 3659/2568 แต่งตั้งข้าราชการประเภทอำนวยการระดับสูง 7 ราย ให้เดินทางไปรับหน้าที่ตามคำสั่งในวันที่ 11 ธันวาคม 2568 และคำสั่งที่ 3660/2568 ให้ย้ายข้าราชการตำแหน่งนายอำเภอ 196 ราย มีผลในวันที่ 15 ธันวาคม 2568

7. เจ้าภาพซีเกมส์ที่โดนด่ามากที่สุด

ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (SEA Games 2025) ที่มีปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเปิดฉากอย่างเป็นทางการ ทั้งด้านการประชาสัมพันธ์และการเตรียมงาน จนทำให้คนไทยจำนวนมาก ‘ไม่รู้ด้วยซ้ำ’ ว่าประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เช่น

– การประชาสัมพันธ์มีปัญหา ขาดการสื่อสารที่ชัดเจน

– สนามแข่งขันหลายแห่งไม่พร้อม จนต้องประกาศว่า สงขลาไม่ได้เป็นเจ้าภาพแล้ว

– ปัญหาโกงเบี้ยเลี้ยง และการไม่สนับสนุนนักกีฬาอย่างที่ควร

เมื่อถึงวันเปิดงานซีเกมส์อย่างเป็นทางการ ปัญหายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องแบบไร้ช่วงพัก เช่น การขึ้นธงชาติผิดประเทศ แผนที่ประเทศเวียดนามไม่สมบูรณ์ นักกีฬาต้องร้องเพลงชาติเอง ปัญหาการถ่ายทอดสด ไปจนถึงเสียงนักร้องและระบบแสดงโชว์ที่ผิดพลาดจนถูกวิจารณ์ไปทั่ว

8. ปัญหาสแกมเมอร์ ‘ระบาด’

แม้ว่ารัฐบาลอนุทินประกาศว่า จะแก้ปัญหาสแกมเมอร์และการหลอกลวงให้เป็น ‘วาระแห่งชาติ’ โดยยืนยันว่าจะไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร ทั้งยังเร่งปราบปรามอย่างเต็มที่

แต่ในเวลาเดียวกัน กลับเกิดเสียงครหาว่า บุคคลใกล้ชิดและอดีตผู้ที่เคยมีตำแหน่งในรัฐบาล อาจมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรสแกมเมอร์ในกัมพูชา ทำให้ความน่าเชื่อถือและความพร้อมในการประกาศเป็นวาระแห่งชาติถูกตั้งคำถามอย่างหนัก

ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เช่น สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ที่ออกมาตรการคว่ำบาตรกลุ่มธุรกิจสีเทา ที่เชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ในกัมพูชา แต่ประเทศไทยกลับ ‘ไม่มีท่าที’ ใดๆ ที่ชัดเจน

9. ไทย-กัมพูชา: เกมการเมืองบนกระแสชาตินิยม

สถานการณ์สู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาเข้าสู่วันที่ 6 ความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา อนุทินแถลงว่า “พร้อมปฏิบัติการทางทหารทันที” ขณะที่วันนี้รักษาการนายกฯ มีกำหนดโทรศัพท์พูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นอนุทินเองที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยไปเซ็นสัญญาสงบศึกกับ ฮุน มาเนต (Hun Manet) นายกฯ กัมพูชา โดยมีทรัมป์และ อันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกฯ มาเลเซีย ยืนยิ้มเป็นสักขีพยานที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในการประชุมสุดยอดอาเซียน 2025

หลายฝ่ายมองว่า ท่าทีแข็งกร้าวของอนุทินท่ามกลางกระแสชาตินิยม อาจเป็นความพยายามสร้างภาพผู้นำเข้มแข็ง เพื่อปกป้องคะแนนนิยม และเบี่ยงกระแสจากปัญหาน้ำท่วม รวมถึงปัญหาสแกมเมอร์ที่ถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางเหตุการณ์ภายในรัฐบาลอนุทิน ตลอด 2 เดือน 10 วันที่ผ่านมา แล้วประชาชนทุกท่านคิดว่า นายกฯ คนที่ 32 ของไทย ควรได้กี่คะแนน

Tags: , , , , , , , , , , , ,