“การเลี้ยงมดก็เหมือนเรากำลังเล่นบทพระเจ้า นี่คือเมืองเมืองหนึ่งที่เราสร้างขึ้นมา หน้าที่ของเราคือเริ่มจากหาเจ้าเมืองมา 1 ตัว จัดหาอาหาร สร้างที่อยู่อาศัย ควบคุมอุณหภูมิต่างๆ เพื่อขยายจำนวนประชากรและดูแลรับผิดชอบชีวิตพวกเขา”
นับเป็นเวลาราว 6 ปีแล้ว ที่ ‘กานต์ รมยาสัย’ และสัตว์เลี้ยงตัวจิ๋วได้ร่วมเดินทางผจญภัยมาด้วยกัน จากเด็กที่เคยตั้งคำถามกับวัฏจักรการใช้ชีวิตของมดคันไฟธรรมดาๆ สู่การเป็นกูรูมดหลากหลายสายพันธุ์ และผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ คนเลี้ยงมด : Ant Keeping Thailand ที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า 1 แสนคน
“ย้อนกลับไปสมัยเด็ก ผมชอบนั่งดูมดว่ามันใช้ชีวิตอย่างไร ในรังที่มดเดินเข้าไปมีหน้าตาเป็นอย่างไร และมีอาณาจักรเป็นแบบไหน ผมเคยเอาใบไม้ กิ่งไม้ ไปวางไว้เหมือนเป็นเมืองให้เขา เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่ามดที่อยู่บนพื้นดินซึ่งเห็นได้ทั่วไปคือมดงานเดินหาอาหาร แต่พอเริ่มศึกษาถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วเมืองของมดอยู่ใต้ดิน ผมอยากเห็นเมืองนั้น จึงอยากนำมาเลี้ยงเพื่อจำลองเมืองใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินแทน”
หลังจากเริ่มสนใจ กานต์พยายามค้นหาข้อมูลในการเลี้ยงมดที่เป็นภาษาไทยมาตลอดเกือบสิบปี แต่กลับไม่เป็นผล เนื่องจากขณะนั้น มดไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยมากนัก การสืบค้นข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการนำมาเลี้ยงจึงเป็นเรื่องยาก จนกระทั่งมีโอกาสได้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จึงพบว่าประชากรในสหรัฐฯ เลี้ยงมดกันอย่างแพร่หลาย การจะหาแหล่งข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่การสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตด้วยตนเอง ไปจนถึงการพบปะและพูดคุยกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงมดจึงเป็นเรื่องง่าย
“ผมเริ่มเลี้ยงมดที่อเมริกาเป็นครั้งแรก ด้วยความที่ประเทศเขามีคนเลี้ยงค่อนข้างเยอะ การจะออกไปเก็บข้อมูลและหาอุปกรณ์ในการเลี้ยงต่างๆ จึงสะดวกและครบครัน ต่างจากประเทศไทยที่ไม่ค่อยมีใครเลี้ยง ข้อมูลว่าหายากแล้ว อุปกรณ์หายากกว่า”
เมื่อได้ก้าวเข้ามาในแวดวงการเลี้ยงมดอย่างเต็มตัว การเลี้ยงเพียงแค่ 1 รังดูจะไม่เพียงพอสำหรับคนที่หลงเสน่ห์ในสัตว์ขนาดจิ๋วอย่างกานต์ แต่เนื่องด้วยนางพญามดที่อเมริกามีการขายกันในราคาค่อนข้างสูง หากต้องซื้อตลอดก็ดูจะสิ้นเปลือง กานต์จึงใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สะสมมาลองเดินทางออกไปหานางพญามดทั้งจากในป่าและทะเลทรายด้วยตนเอง
มดแต่ละสายพันธุ์จะออกบินประมาณ 1 ครั้งต่อปี ขึ้นอยู่กับสถานที่ โดยแต่ละชนิดจะออกบินในช่วงเวลาต่างกัน บางชนิดออกบินในเดือนพฤษภาคม บางชนิดออกบินในเดือนพฤศจิกายน นอกจากต้องเลือกช่วงเวลาให้เหมาะสม การเลือกนางพญามดที่ผ่านการผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญในการไม่ไปรบกวนธรรมชาติเช่นกัน
“ผมได้ลองไปเดินป่า เดินทะเลทรายเพื่อศึกษาดูชีวิตของมด และจับนางพญามดมาเลี้ยงเอง พอจับมาเลี้ยงเองได้ตั้งแต่แรก เราจะเลี้ยงกี่ตัวก็ได้ เพราะว่ารู้แหล่งที่จะไปหามาเลี้ยงเองได้แล้ว”
อย่างไรก็ดี มดเป็นสัตว์เฉพาะถิ่น โดยจะอ้างอิงธรรมชาติและสภาพแวดล้อมตามถิ่นที่เกิดสูงมาก ทำให้สามารถเกิด เติบโต และขยายพันธุ์ได้ต่อเมื่ออยู่ในถิ่นอาศัยแรกตามธรรมชาติเท่านั้น การนำนางพญามดมาเลี้ยงจึงต้องจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนที่อยู่อาศัยเดิมของมด จึงจะทำให้เติบโตและดำรงชีวิตต่อไปได้ แต่ไม่สามารถเพาะพันธุ์หรือขยายพันธุ์ได้ เนื่องจากการนำมาเลี้ยงในพื้นที่ปิดอย่างรังมดที่ครอบด้วยกระจกไม่สามารถจำลองธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ 100% เช่น อากาศที่ร้อนในตอนเช้า อากาศที่เย็นในตอนกลางคืน หรือฝนที่ตกลงมาเพียงหนึ่งครั้งต่อปี ปัจจัยสำคัญเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการนำนางพญามดสายพันธุ์ต่างๆ มาเลี้ยง ทำได้เพียงเลี้ยงเพื่อให้เติบโต ไม่ใช่การเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์
“ความจริงมดแทบทุกชนิดเลี้ยงได้หมด แต่เราต้องรู้จักธรรมชาติของเขาว่าอยู่อาศัยอย่างไร ต้องการอุณหภูมิ อาหาร และความชื้นแบบไหน ถ้าสามารถจำลองสิ่งต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาให้เขาได้ เราก็เลี้ยงได้ ยกเว้นมดจำพวกเร่ร่อน (Nomadic Ant) ที่ไม่ได้ทำรังเป็นเรื่องเป็นราว มดพวกนั้นจะมีจำนวนมหาศาลและใช้พื้นที่ในการเลี้ยงเยอะ คงเป็นไปได้ยากที่จะนำมาเลี้ยงในที่ปิด เพราะธรรมชาติของเขาคือการอพยพไปเรื่อยๆ ”
นอกจากนี้ กานต์เสริมว่า โดยปกติแล้ว มดหนึ่งรังไม่ได้มีชีวิตอยู่เพียงแค่ 1-2 ปี แต่อาจมีอายุยืนยาวมากถึง 10-20 ปี การเลี้ยงมด 1 รัง ไม่ได้มีมดงานเพียง 5-10 ตัว ยิ่งผ่านระยะเวลาไปนานเท่าไร จำนวนมดงานก็จะเพิ่มขนาดการเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ และเมื่อมดมีจำนวนมากขึ้น ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนรัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้เลี้ยงสามารถควบคุมจำนวนประชากรมดได้ด้วยการจำกัดปริมาณการให้อาหารเพื่อชะลอการเจริญเติบโตของมด โดยการให้น้ำหวานและโปรตีนในปริมาณจำกัด น้ำหวานจะใช้ในการดำรงชีวิต ส่วนโปรตีนจะให้นางพญากินเพื่อออกไข่ หรือนำไปป้อนตัวอ่อน เพื่อให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตเป็นมดงานต่อไป ยิ่งให้โปรตีนมาก มดงานก็จะขยายจำนวนเร็วมาก
จากความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมเรื่อยมา ประกอบกับนิสัยส่วนตัวของกานต์ที่ชอบเล่าเรื่องด้วยการเขียนเป็นทุนเดิม เขาจึงเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจ คนเลี้ยงมด : Ant Keeping Thailand เพื่อบันทึกเรื่องราวและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆ เกี่ยวกับมด ซึ่งโดยมากแล้ว แนวคิดในการเล่าเรื่องของกานต์จะมาจากภาพถ่ายในระหว่างที่เขาเฝ้าดูการใช้ชีวิตของมด หลังกดชัตเตอร์และย้อนกลับมาดู เมื่อเห็นแอ็กชันหรือสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภาพ เรื่องที่อยากเล่าก็จะผุดขึ้นมาในความคิดของเขา จึงทำให้การถ่ายทอดเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงตัวจิ๋วน่าสนใจ ขณะเดียวกัน ด้วยความที่การเลี้ยงมดในช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นสิ่งใหม่ในประเทศไทย จึงทำให้ยอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็นชุมชนของคนไทยที่สนใจอยากเลี้ยงมด หรือเข้ามาแบ่งปันและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมด ทั้งในแฟนเพจและกลุ่มเฟซบุ๊ก
ปัจจุบัน นอกจากมดจะทำให้เกิดชุมชนแล้ว ยังสามารถต่อยอดไปเป็นไอเดียในการสร้างธุรกิจให้กานต์ได้อีกด้วย แต่เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเวลาการออกบิน และระยะเวลาในการเลี้ยงดูก่อนส่งขายที่ใช้เวลานาน จึงทำให้ธุรกิจของกานต์จะเน้นไปที่การทำรังมดและอุปกรณ์ในการเลี้ยงมดออกมาขายมากกว่าการขายนางพญามด ซึ่งรังมดทุกรูปแบบที่ผลิตออกมาขายทั้งในและต่างประเทศเป็นงานแฮนด์เมดจากไอเดียและฝีมือของกานต์ทั้งหมด
“ผมแทบจะเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยซ้ำ เพราะการกลับมาทำธุรกิจเกี่ยวกับมดในไทย มันไม่มีรอยเท้าให้เดินตาม เราต้องมาเริ่มทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ผมต้องลองผิดลองถูกหลายครั้งกว่าจะได้รังมดขึ้นมาหนึ่งรัง หรือกว่าจะรู้ว่าประเทศไทยมีมดอะไรที่สามารถนำมาขายได้บ้าง ช่วงแรกจึงเป็นเรื่องยาก แต่พอผ่านมาสองปีครึ่งถึงวันนี้ ทุกอย่างก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาในระดับที่พอใจ ไม่ได้ใหญ่โตมาก เพราะผมไม่ได้จับธุรกิจนี้เป็นอาชีพหลัก แต่ทำเพราะว่าอยากทำมากกว่า”
กานต์แบ่งปันข้อมูลเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ที่สนใจอยากเข้ามาสร้างอาณาจักรให้เพื่อนตัวจิ๋วว่า มดมีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีการดูแลที่ยากง่ายต่างกัน หากอยากเริ่มต้นเลี้ยง มดตะลานถือเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุด เนื่องจากมีขนาดตัวที่ใหญ่ อดทน กินง่าย สามารถพบเจอได้ทั่วไป ส่วนขั้นตอนการเลี้ยงนั้น หากมีอุปกรณ์ในการเลี้ยงอย่างรังมด ก็สามารถเลี้ยงได้ทันที สุดท้ายคือเรื่องการให้อาหาร จำนวนที่เหมาะสมคือสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง นอกจากนั้นจะเป็นเวลาในการนั่งเฝ้าดูพวกเขา
“การเลี้ยงมดคือการเฝ้าดู เพราะเราไม่สามารถเข้าไปกอดหรือสัมผัสเขาได้ เราทำได้แค่ดูการใช้ชีวิตของเขาไปเรื่อยๆ เท่านั้น” กานต์กล่าวทิ้งท้าย
Fact Box
ติดตาม ‘กานต์ รมยาสัย’ และสัตว์เลี้ยงตัวจิ๋วของเขา ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ คนเลี้ยงมด : Ant Keeping Thailand