ถ้าใครเคยแวะเวียนมาขอนแก่น คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘บ้านเฮง’ ร้านชื่อดังที่อยู่คู่เมืองมานานเกือบ 70 ปี จนกลายเป็น ‘ห้องรับแขกประจำเมือง’ ที่เปิดต้อนรับผู้มาเยือนเมืองขอนแก่นด้วยกลิ่นหอมของกุนเชียงโบราณ พร้อมข้าวต้มร้อนๆ และชาจีนหอมๆ ยามเช้า
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในอำเภอบ้านไผ่ สู่ร้านอาหารเช้าและของฝากกลางเมืองที่คนท้องถิ่นก็รัก นักท่องเที่ยวก็หลง บ้านเฮงในวันนี้กำลังขับเคลื่อนด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ ฝน อังวราวงศ์ ทายาทรุ่น 3 ผู้ที่ไม่เพียงสืบทอดสูตรกุนเชียงโบราณจากบรรพบุรุษ แต่ยังตีความธุรกิจเก่าให้กลับมารุ่งเรืองและทรงเสน่ห์อีกครั้ง ผ่านการสื่อสารและเล่าเรื่องที่เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน
บทสนทนานี้จะพาเราไปรู้จักกับเบื้องหลังการรีแบรนด์ หนึ่งในแบรนด์อาหารที่เก่าแก่ที่สุดของภาคอีสาน โดยคนรุ่นใหม่ผู้ใช้ ‘รากเหง้า’ เป็นแรงส่งที่ทรงพลัง
Gen 3 ไม่ได้เข้ามาเพื่อเปลี่ยนทุกอย่าง แต่ขยี้ทุกสิ่งให้คมขึ้น
“ฝนเป็นรุ่นที่ 3 รับไม้ต่อจากอากงเลี่ยงเฮง และคุณอาภรณ์ ลิ้มธีระกุล มาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว และเป็น 4 ปีแบบเต็มตัวจริงๆ ที่เริ่มรีแบรนด์บ้านเฮงใหม่ แต่ถ้านับช่วงที่เตรียมตัวก่อนเปิดจริง ก็ต้องบวกไปอีกเกือบ 2 ปี เพราะเราทำการบ้านเยอะมาก ก่อนที่ลูกค้าจะได้เห็นร้านในแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
ฝนเล่าย้อนถึงช่วงแรกเริ่มแบบเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ จากวันแรกที่ก้าวเข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัว บ้านเฮงในสายตาเธอไม่ได้เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เธอให้คำนิยามสิ่งที่ทำว่า ‘ทำให้ทุกอย่างคมขึ้น’ ต่างหาก
“แบรนด์เราอยู่คู่เมืองขอนแก่นมาเกือบ 70 ปีแล้ว เคยมีการพยายามจะปรับภาพปรุงแบรนด์มาแล้วรอบหนึ่งเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนในยุคสมัยของคุณแม่ แต่ด้วยความที่ท่านเก่งเรื่องการผลิตมากกว่าเรื่องการสร้างแบรนด์ จึงอาจไม่สามารถขยี้การสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างเต็มที่”
เมื่อถึงมือคนรุ่นใหม่ สิ่งที่เปลี่ยนจึงไม่ใช่แค่หน้าตาโลโก้หรือการตกแต่งร้าน แต่คือการดำดิ่งลงไปค้นหาว่า ‘เราคือใคร’ แล้วดึงสิ่งนั้นขึ้นมาบอกเล่าอย่างจริงใจและมีศิลปะ
“การให้ความสำคัญกับแก่นแท้ของแบรนด์ คือหัวใจของการรีแบรนด์ของบ้านเฮง ตอนที่เราตัดสินใจว่าจะเริ่มกระบวนการรีแบรนด์ สิ่งแรกที่เราทำคือเรากลับมาดูว่า ตัวเราเองเป็นใคร กำเนิดมาจากเมืองไหน เชี่ยวชาญด้านใด และมีปณิธานของการดำรงอยู่อย่างไร จากนั้นใช้ความรู้และสัญชาตญาณที่มีในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง โดยระลึกอยู่เสมอว่าจะเป็นตัวเอง จะไม่พยายามเป็นคนอื่น เพื่อทำให้ตัวตนของแบรนด์ชัดที่สุดและเป็นเราจริงๆ”
บ้านเฮงคือ จีน-อีสาน
เมื่อถามถึงตัวตนของบ้านเฮง ฝนไม่ลังเลที่จะตอบสั้นๆ ว่า
“บ้านเฮงเป็นจีน-อีสาน”
คำตอบที่ฟังดูเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เพราะครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และวัฒนธรรมที่แทรกซึมอยู่ในทุกการกระทำบ้านเฮง
บ้านเฮงคือภาพแทนของคนอีสานเชื้อสายจีน ที่หยั่งรากในขอนแก่นมานานเกือบร้อยปี ผ่านยุคเปลี่ยนผ่าน แต่ไม่เคยละทิ้งความเป็นตัวเอง “ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าคนจีนในขอนแก่นมีเยอะมาก โดยเฉพาะแถบเส้นรถไฟเก่า บ้านไผ่-กรุงเทพ เราโตมากับวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความอร่อย ความตั้งใจดี ความพิถีพิถัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ฝังอยู่ในอาหาร ในร้าน และในแบรนด์บ้านเฮงอย่างเป็นธรรมชาติ”
บ้านเฮงคือ ‘กุนเชียงบ้านไผ่’ จากบ้านไผ่ จังหวัดขอนแแก่น ที่ขึ้นชื่อว่า ‘อำเภอนี้มีแต่ของอร่อย’ 
ฝนพาย้อนกลับไปเมื่อกว่า 35-70 ปีก่อน ในยุคที่กุนเชียงจาก อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศไทย โดย 1 ใน 2 ยี่ห้อกุนเชียงที่สร้างชื่อเสียงให้บ้านไผ่อย่างมากในขณะนั้นคือ เฮงง่วนเฮียงตราตึก โดยอากงของฝน
ด้วยคุณภาพที่จัดอยู่ในระดับพรีเมียมทำให้กุนเชียงโบราณของอากงขายดีจนผลิตไม่ทัน ลูกค้าจากที่ซื้อไปกินเองเพียงอย่างเดียว ก็เริ่มซื้อกุนเชียงของอากงไปเป็นของฝาก เป็นของดีที่อยากส่งต่อ
และแม้ในยุคนั้นจะยังไม่มีคำว่า จ้างผลิตหรือ OEM แต่ก็มีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนไม่น้อยมารับกุนเชียงของอากงไปขายต่อในเยาวราชและพื้นที่ต่างๆ จนทำให้กิจการของอากงเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในยุคนั้น “ไม่แน่นะ กุนเชียงที่คนกรุงเทพฯ ได้กินตั้งแต่เมื่อ 30-50 ปีก่อน อาจเป็นกุนเชียงจาก อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น แต่เคยไม่รู้ก็ได้” เธอเล่าไปยิ้มไป
สิ่งที่ทำให้กุนเชียงบ้านไผ่แตกต่างจากกุนเชียงอื่นๆ ในตลาดยุคนั้น คือ รสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสของกุนเชียงที่มีความพิเศษอันเกิดจากการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง และขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถัน
“และบ้านเฮงคือ แบรนด์กุนเชียงเก่าแก่ของอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น” ฝนกล่าว
วลี ‘เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้’
ฝนเล่าว่า หนึ่งในประโยคที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอของบ้านเฮงมาตั้งแต่ยุคอากง คือคำว่า ‘เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้’ ฟังผิวเผินอาจดูเหมือนแค่คำพูดธรรมดา แต่เมื่อเข้าใจบริบทและความคิดของคนรุ่นก่อน นี่แหละคือหลักคิดที่สะท้อนคุณภาพและความซื่อสัตย์ทางใจ
‘เสียเงินไม่ว่า’ หมายถึง ต่อให้ต้นทุนสูง กำไรน้อย ก็ไม่เป็นไร ขอแค่สิ่งที่ลูกค้าได้ไปต้องดีจริง ส่วน ‘เสียหน้าไม่ได้’ ก็คล้ายกับการพูดว่า เสียแบรนด์ไม่ได้ เพราะในสมัยก่อนยังไม่มีคำว่าแบรนด์อย่างทุกวันนี้ สิ่งเดียวที่ยืนยันความเชื่อใจได้คือ ‘หน้า’ คือหน้าตาชื่อเสียงของคนทำที่ลูกค้ารู้จักกันในชุมชน
“ลูกค้าของอากงเมื่อก่อนคือ บ้านนั้น บ้านนี้ คนละแวกเดียวกัน บางคนเป็นเพื่อน เป็นญาติ หรือไม่ก็โตมาด้วยกัน ของที่ออกจากมือไปจึงต้องมีคุณภาพ ลูกค้าคือเพื่อน คือคนรู้จัก ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นคนในบ้านไผ่ด้วยกัน”
แนวคิดนี้กลายเป็นมรดกทางจิตวิญญาณที่ส่งต่อมาถึงบ้านเฮงในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ทำอาหารให้อร่อย แต่ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าเหมือนซื่อสัตย์กับคนในครอบครัว
จากร้านกุนเชียงสู่ร้านของฝาก
ฝนเล่าว่า บ้านเฮงไม่ได้ตั้งใจจะเป็นร้านของฝากตั้งแต่แรก “ตั้งแต่สมัยรุ่นอากง เราเป็นร้านขายกุนเชียง แต่เพราะคุณภาพดี คนกินติดใจ เริ่มซื้อไปฝากผู้อื่นที่เขาจะเดินทางไปเยี่ยมเยียน”
สมัยก่อนยังไม่มีคำว่า ‘ของฝาก’ เหมือนสมัยนี้ มีแค่คำว่า “อันนี้ดี อันนี้อร่อย ซื้อไปฝากคนอื่นกันเถอะ” ซึ่งพฤติกรรมการซื้อฝากแบบนี้เฟื่องฟูมากในช่วง 30-50 ปีที่ผ่านมา ผลที่ตามมาคือร้านกุนเชียงคุณภาพสูงอย่างบ้านเฮง จึงเริ่มมีแพ็กเกจจิ้งที่เหมาะกับการให้ลูกค้าซื้อไปฝากผู้อื่น
ในปัจจุบันคนขอนแก่นจำนวนมากก็ยังแวะเวียนมาทั้งกินอาหารเช้า และซื้อสินค้าที่บ้านเฮงกลับไปติดตู้เย็นที่บ้านกันเป็นปกติ หลายครอบครัวมาซื้อบ่อยถึงเดือนละครั้ง และในช่วงเทศกาล ลูกค้ากลุ่มเดิมก็จะซื้อไปฝากคนอื่นๆ ซึ่งทำให้บ้านเฮงเป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่มีฐานลูกค้าประจำที่เหนียวแน่นมากๆ และเพิ่มขึ้นเรื่อยแม้แทบไม่ทำการตลาดใดๆ
เราไม่ใช่แค่แบรนด์ท้องถิ่น แต่คือ ‘คนท้องถิ่น’
เมื่อถามว่าทำอย่างไรให้บ้านเฮงอยู่ในใจคนท้องถิ่นได้นานขนาดนี้ ฝนเล่าว่า “บ้านเฮงไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ที่ฝังอยู่ในใจคนท้องถิ่น แต่บ้านเฮงก็คือคนท้องถิ่น เราพูดภาษาอีสานชัดเจนและสะท้อนวัฒนธรรมอาหารของคนจีนในภาคอีสานอย่างแท้จริง ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าจึงไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ แต่เป็นความผูกพันในฐานะคนอีสานเหมือนกัน ราวกับว่าแบรนด์กับลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมเดียวกัน”
ความท้าทายของผู้บริหารรุ่นที่ 3 ในตลาดที่แข่งขันสูง
ฝนเคยได้ยินคุณแม่พูดว่า สถานการณ์ตลาดตอนนี้แตกต่างจากยุคของเขาโดยสิ้นเชิง ทั้งรุ่นคุณแม่และรุ่นอากง ไม่เคยเจอสภาวะพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและสภาวะตลาดที่แข่งขันกันรุนแรงระดับนี้มาก่อน
ในฐานะผู้บริหารรุ่นที่ 3 ฝนเองก็มองว่า “ตลาดทุกวันนี้ทั้งท้าทาย ทั้งสนุก ไม่เพียงแต่ต้องเจอกับแบรนด์ท้องถิ่นด้วยกันเองที่คิดอะไรไม่ออกก็ก๊อบปี้อย่างเดียว แบรนด์ยังต้องรับมือแบรนด์ระดับประเทศที่เข้ามาแย่งตลาดในพื้นที่ สิ่งที่ทีมบ้านเฮงยึดถือจึงกลายเป็นการทำทันที และเรียนรู้ให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย”
“ยุคนี้ไม่มีใครมีคำตอบตายตัวหรอกว่าทำแบบไหนจะดีที่สุด จะดีเสมอ เราต้องลงมือทำและเรียนรู้ให้ไวที่สุดเท่านั้น จึงจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”
รีแบรนด์บ้านเฮงให้ ‘เฮง’ ยิ่งกว่าเดิม
ในการรีแบรนด์ มีการเปลี่ยนแปลงส่วนไหนบ้าง และลูกค้าให้ฟีดแบ็กอย่างไร
“การรีแบรนด์ของเราแม้จะทำอย่างลึกซึ้งในทุกมิติ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่ลูกค้าสัมผัสได้มากที่สุดจากเราคือ ชื่อแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ บรรยากาศร้าน และคุณภาพการบริการที่เปลี่ยนไป
“หนึ่งในสิ่งที่ทีมงานรอดูรีแอ็กลูกค้ามากที่สุด คือเรื่อง ‘ชื่อแบรนด์’ ที่เราตัดสินใจเปลี่ยนจากเฮงง่วงเฮียงตราตึก เป็นบ้านเฮง เหตุผลมันมาจากว่า ตอนเราสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าตนเองช่วง 1 ปีแรกของการเตรียมงาน เราค้นพบว่าเกือบครึ่งของลูกค้าประจำที่ซื้อสินค้าเรามาหลายสิบปี พูดชื่อแบรนด์เราผิดๆ ถูกๆ ลูกหลานของลูกค้าบางคนถึงขั้นไม่จำชื่อร้านเลย จำแต่โลเคชัน ทำให้เวลาแนะนำหรือบอกต่อเป็นปัญหาของลูกค้าที่ต้องพูดซ้ำหลายรอบ
“ในการคิดชื่อใหม่ให้กับแบรนด์ ขณะนั้นเราคำนึงไว้ในใจว่าต้องได้ชื่อที่ จำง่าย ลูกค้าเก่ารู้สึกว่าเชื่อมโยงกับแบรนด์เก่าได้ และต้องแสดงตัวตนของแบรนด์ได้ดีมากในหลายมิติ เรา Brainstorm กันจนสุดท้ายได้ชื่อ บ้านเฮง ออกม
“ในส่วนของ บรรจุภัณฑ์ บรรยากาศร้าน และการบริการ ถูกปรับให้สื่อสารเรื่องราว รากเหง้า และจุดแข็งของแบรนด์ให้ลูกค้าเข้าใจง่ายที่สุด
“พอเราไม่ลืมที่มาและความตั้งใจของตนเอง ไม่ลืมว่าลูกค้ารักเราเพราะอะไร เราจะสามารถรีแบรนด์ที่อยู่มานานหลายชั่วอายุคนได้อย่างไม่หลงทิศหลงทาง ผลลัพธ์คือลูกค้าเก่าแฮปปี้ รู้สึกว่าใช่เลย นี่แหละคือร้านเดิมที่เขาคุ้นเคย แต่เป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นในทุกทาง แบรนด์ที่เคยเป็นไม้ใกล้ฝั่งกลับได้มาสนุกและมีความสุขไปกับการดูแลลูกค้าอีกครั้ง”
คุณภาพคือสิ่งที่ลดไม่ได้
บ้านเฮงมีการปรับตัวและปรับเปลี่ยนสินค้าอย่างไรให้เข้ากับยุคสมัย
“อีกหนึ่งสกิลที่สำคัญพอๆ กับการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยคือ การรู้ว่า ‘สิ่งใดไม่ควรเปลี่ยน’ แน่นอนว่าเรื่องความสะอาดหรือกระบวนการผลิตพื้นฐานต้องถูกพัฒนาตามมาตรฐานสมัยใหม่เสมอ แต่ในการผลิตก็มักจะมีขั้นตอนบางอย่างที่ช่วยสร้างความพิเศษให้กับสินค้าที่เราควรคงไว้เหนือกาลเวลา
“ยกตัวอย่างเช่น กุนเชียงโบราณซึ่งเป็นสินค้าขายดีที่สุดของเราเกือบ 70 ปีที่ผ่านมา หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในกุนเชียงที่ดีที่สุดในประเทศไทย กุนเชียงโบราณทุกล็อตจะต้องผ่านการอบด้วยเตาถ่านไม้เป็นเวลา 2 วัน 2 คืน โดยต้องมีคนคุมไฟเข้าเช็กเป็นระยะ ใช้ทั้งสกิล ใช้ทั้งแรง และใช้เวลามาก ซึ่งทำให้กลายเป็นขั้นตอนที่มีความละเมียดละไมและต้นทุนสูงมาก
“แม้เราจะเสียเงินไม่น้อยในการรักษาขั้นตอนนี้ไว้ แต่มันทำให้กุนเชียงของเรามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีเนื้อสัมผัสพิเศษที่อุตสาหกรรมใหญ่เลียนแบบไม่ได้ เมื่อเราเข้าใจว่านี่คือเสน่ห์ของเรา เราจะรู้ว่ามันก็คือสิ่งที่ไม่ควรถูกลดทอนหรือเปลี่ยนแปลง”
จากของฝาก สู่ห้องรับแขกของเมืองขอนแก่น
บ้านเฮงสื่อสารอย่างไรกับกลุ่มเป้าหมาย ให้คนรู้สึกว่า มาขอนแก่นต้องแวะบ้านเฮง หรือจำได้ในฐานะเป็นห้องรับแขกของเมือง
“จริงๆ ส่วนนี้เราแทบไม่ต้องทำอะไรเยอะเลย เพราะเราศึกษาตัวตนของเรามาอย่างดีจนทราบว่าบ้านเฮงเป็น ‘ของรับแขก’ ของเมืองขอนแก่นอยู่แล้ว เป็นมานาน คนท้องถิ่นที่ก็ซื้อไปฝากคนอื่น คนจากที่อื่นก็ซื้อกลับไปทานเองและฝากคนที่เขารัก เราแค่ปรับรูปลักษณ์ให้ของรับแขกกลายเป็น ‘ห้องรับแขก’ คือจากสิ่งที่ถูกซื้อไปฝาก กลายเป็นสถานที่ที่คนขอนแก่นนำแขกของตนเองมาใช้เวลาร่วมกัน
“อย่างที่เล่าให้ฟังว่าการรีแบรนด์ของบ้านเฮง คือการขยี้ตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจน เมื่อเรามีรากของความเป็นแบรนด์อาหารท้องถิ่นแท้ๆ เราก็นำรากนั้นมาขยี้ในการอาหาร บริการ และสถานที่ของเราให้มีเอกลักษณ์ เวลาคนต่างถิ่นแวะเวียนมาบ้านเฮง เขาก็จะรู้สึกว่านี่แหละคือเสน่ห์แบบบ้านๆ เป็นของแท้ที่เขาอยากสัมผัส เป็นสิ่งที่บ้านเฮงหยิบยื่นให้คนต่างถิ่นที่มาเยือนเมืองขอนแก่น จึงมีเสน่ห์ของมันอย่างเป็นธรรมชาติ”
ขอนแก่นไม่มีความบังเอิญ เมืองที่ถ้าลงมือทำจริง ทุกอย่างเป็นไปได้
ในฐานะคนที่ทำธุรกิจท้องถิ่นมองว่า เสน่ห์ของขอนแก่นคืออะไร แล้วบ้านเฮงสะท้อนเสน่ห์เหล่านั้นออกไปอย่างไรบ้าง
“ฝนชอบเมืองขอนแก่นมาก แม้โชคชะตาจะทำให้ฝนโชคดีมีโอกาสได้ไปลองอยู่มาหลายเมืองทั้งในและต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่า ‘ขอนแก่นนี่แหละ ใช่แล้ว’ ไม่เงียบเกินไป และ ไม่แออัดหรือวุ่นวายเกินไป เหมือนเมืองนี้มีความกลมกล่อมบางอย่างที่คนคนหนึ่งสามารถอยู่ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบพอดีๆ
“ถ้าในแง่ข้อการทำธุรกิจ ฝนเคยได้ยินผู้ใหญ่ในเมืองหลายคนพูดประโยคหนึ่งเหมือนกันว่า ‘ขอนแก่นเป็นเมืองที่ไม่มีความบังเอิญ’ ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยมากๆ ความเข้าใจของฝนคือ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในเมืองนี้ ถ้าเราลงมือทำจริง เป็นเมืองที่มีทั้งเสน่ห์ ทั้งโอกาส มีผู้บริโภคที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เสมอ
“ยกตัวอย่างบ้านเฮงก็ได้ วันที่ฝนกลับมาช่วยคุณแม่แบรนด์กำลังร่อแร่ และธุรกิจของฝากในขอนแก่นโดยรวมก็เริ่มซบเซา แต่แม้ในจุดที่แบรนด์เรากำลังจะตาย เมื่อลงมือทำอย่างจริงจัง ทีมงานบ้านเฮงก็ยังสามารถชุบชีวิตแบรนด์ของตนเอง ให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง และดูจะรุ่งเรืองกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“ขอนแก่นเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ใช่เมืองที่รอปาฏิหาริย์หรือความบังเอิญ แต่เป็นเมืองที่ถ้าคุณทำจริง เมืองจะตอบกลับมาด้วยโอกาส ส่งให้ไอเดียที่ดีไปต่อได้”
ถ้าคนรุ่นใหม่อยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด มองว่าขอนแก่นยังมีโอกาสเติบโตไหม?
“คนรุ่นใหม่ที่นี่ก็เยอะ แต่คนรุ่นเก่าที่ขอนแก่นก็ไม่ยอมแก่เหมือนกัน (หัวเราะ) อินกับเทรนด์ใหม่ๆ เข้าคาเฟ่ ใช้ชีวิตร่วมสมัยมากๆ ถ้าเราทำอะไรดีๆ ออกมา คนที่นี่ก็พร้อมเปิดใจลิงทั้งนั้น ขอแค่ทำให้ดี ทำให้จริง ทำให้ถูกโซนเมือง และทำให้ถูกเวลา”
แนะนำสินค้าต้องหิ้วกลับไปฝากคนอื่นเวลามาบ้านเฮง
“แนะนำกุนเชียงโบราณและไส้กรอกอีสาน
“กุนเชียงโบราณของเราเป็น Best Seller มา 70 ปี อาศัยแค่การบอกปากต่อปากล้วนๆ บ้านเฮงมีกุนเชียงประมาณ 3-4 สูตร แต่สูตรที่เป็นเอกลักษณ์และแท้จริงของแบรนด์คือ สูตรกุนเชียงมันน้อย ซึ่งเป็นสูตรออริจินัลที่ลูกค้าท้องถิ่นและลูกค้าจากต่างจังหวัดชื่นชอบ เนื่องจากรสชาติที่กลมกล่อมและมีความเฉพาะตัว โดยการผลิตสูตรนี้ต้องใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงและมีต้นทุนที่สูงกว่าปกติ เพราะใส่มันในปริมาณน้อยกว่ากุนเชียงทั่วไป
“ไส้กรอกอีสานขายดีมากมา 20 กว่าปีแล้วเช่นกัน ใครที่ชอบไส้กรอกอีสานคุณภาพดี มันน้อย เนื้อเยอะ แนะนำให้ลอง มีทั้งแบบเปรี้ยวและไม่เปรี้ยวตามความชื่นชอบ
“อย่างที่บอกว่า บ้านเฮงคือจีน-อีสาน ขนาดสินค้าขายดี 2 อันดับแรก ยังเป็นไส้กรอกจีนกับไส้กรอกอีสานเลย (หัวเราะ)”
แผนการขยายสาขาและการจัดจำหน่าย
ปัจจุบันมี 2 สาขา บ้านเฮง Flagship Store ใจกลางเมืองขอนแก่น และบ้านเฮงสาขาสนามบินขอนแก่น สำหรับลูกค้าที่เคยมาเยือนและต้องการสั่งซื้อซ้ำ สามารถสั่งซื้อออนไลน์ผ่านไลน์ @baanheng
ความสนุกและความท้าทายของการทำธุรกิจท้องถิ่น
“ความสนุกและความท้าทายของธุรกิจท้องถิ่นจะเกิดขึ้นเมื่อคุณประสบความสำเร็จไปถึงจุดหนึ่ง คุณจะต้องเลือกว่าจะกลายร่างเป็น Mass หรือคงตนเป็น Local ไม่ว่าด้วยเหตุใด เมื่อคุณถึงทางแยกนั้นฝนหวังว่าคุณจะเลือกในสิ่งที่ทำให้คุณสนุก มีความสุข และภูมิใจกับสิ่งที่ทำ” ฝนกล่าว
ภาพบ้านเฮงในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
ฝนเล่าว่า ตอนนี้บ้านเฮงเหลือเพียงเฟสสุดท้ายของการรีแบรนด์เท่านั้น หลังจากนั้นบ้านเฮงจะรักษาแก่นแท้และตัวตนเดิมให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฝนตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่า จะให้บ้านเฮงเป็นพื้นที่ของความทรงจำอันอบอุ่นผ่านมื้ออาหารให้กับลูกค้าทุกคน
“คนขอนแก่นจำนวนมากกินบ้านเฮงมาตั้งแต่เด็ก เป็นเวลานานกว่า 60-70 ปีแล้ว เราอยากรักษาความทรงจำดีๆ เหล่านั้น เพราะมันก็คือความทรงจำดีๆ ของเราเหมือนกัน” ฝนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หัวใจสำคัญของการรับไม้ต่อ
เมื่อถามถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับรุ่นต่อไปที่จะมาสานต่อบ้านเฮง ฝนเน้นว่า แก่นแท้และตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์ต้องได้รับการสื่อสารและรักษาอย่างเข้าใจ
“บ้านเฮงคือ ของอร่อยที่อยู่คู่เมืองขอนแก่นมาอย่างยาวนาน เราเป็นแบรนด์ที่สะท้อนวัฒนธรรมอาหารของคนจีนในภาคอีสานอย่างแท้จริง และนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่เราภูมิใจ และมีความสุขที่ได้รักษาไว้” ฝนกล่าวทิ้งท้าย