คำกล่าวอ้างว่า พรรคประชาชน ‘ไม่เอาทหาร’ กลับมาอีกครั้งในช่วงที่ประเทศไทยกำลังนับถอยหลังสู่การยุบสภาฯ และการเลือกตั้งทั่วไป ตามข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนที่กำหนดเงื่อนไขให้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยุบสภาฯ ภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568
“เขาบอกว่า พรรคประชาชนตรวจสอบทหารและเป็นลักษณะว่าไม่เอาทหาร…อยากถามพรรคประชาชนว่า วันนี้กับเมื่อวานที่ท่านพูดว่าไม่เอาทหาร วันนี้ยังยืนหยัดในแนวทางเดิมหรือไม่” ผู้สื่อข่าวจากจังหวัดอุบลราชธานี ถามผู้แทนจากพรรคประชาชนในเวที Policy Checking Forum “เมื่อ ‘นโยบาย’ ต้องเผชิญหน้า ‘ข้อเท็จจริง’” ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ตอบคำถามด้วยการเรียกร้องให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า พรรคประชาชนเคยพูดว่าไม่เอาทหารจริงหรือไม่ ก่อนจะยืนยันว่า “เราไม่เคยพูดแน่นอนว่าเราไม่เอาทหาร”
ศศินันท์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเวที Policy Checking Forum เมื่อ ‘นโยบาย’ ต้องเผชิญหน้า ‘ข้อเท็จจริง’ ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ว่า
“พรรคประชาชนเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหาร เราทำงานร่วมกับทหารเป็นหลักมาตลอด 2 ปีนี้ นโยบายชุดแรกที่เราทำเป็นเอกสารเสร็จสมบูรณ์คือนโยบายเกี่ยวกับทหาร ซึ่งเราทำร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหลายคนทั้งระดับสูงและระดับปฏิบัติงาน ว่าต้องการนโยบายที่จะช่วยเหลือหรือติดอาวุธให้เขาในแบบไหนบ้าง”
ศศินันท์อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาพรรคชี้แจงหลายครั้งว่า ‘ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร’ ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบายที่พรรคก้าวไกลประกาศก่อนการเลือกตั้งปี 2566 กับ ‘ยกเลิกทหาร’ นั้นเป็นคนละเรื่องกัน
ทีมเฉพาะกิจ Cofact x The Momentum ตรวจสอบข้อเท็จจริงในรัฐสภา ตรวจสอบนโยบายย้อนหลังตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนมาถึงพรรคประชาชนว่า นโยบายเกี่ยวกับทหารและกองทัพที่พรรคเคยสื่อสารต่อสาธารณะนั้นเป็นอย่างไร ไม่เอาทหารจริงหรือไม่
จากพรรคอนาคตใหม่สู่พรรคประชาชน
– 15 มีนาคม 2561 พรรคอนาคตใหม่ยื่นจดแจ้งชื่อจัดตั้งพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
– 24 มีนาคม 2562 เลือกตั้งทั่วไป พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 3 รวมจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 80 ที่นั่ง
– 21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี จากกรณีพรรคกู้เงิน 191.2 ล้านบาท จาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ซึ่งศาลวินิจฉัยว่า เป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
– 6 มีนาคม 2563 กกต.รับรองการเปลี่ยนชื่อพรรคและกรรมการบริหารพรรคร่วมพัฒนาชาติไทยเป็น ‘พรรคก้าวไกล’ อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่เข้ามาสังกัดพรรคก้าวไกล ที่มี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค
– 14 พฤษภาคม 2566 พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ได้ สส.เข้ารัฐสภา 151 คน
– 7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกลและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากการร่วมกันเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง
– 9 สิงหาคม 2567 แถลงเปิดตัวพรรคประชาชน โดยมี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรคประชาชน, ศิริกัญญา ตันสกุล เป็นรองหัวหน้าพรรค และศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการพรรค
พรรรคอนาคตใหม่กับนโยบายกองทัพ
วันที่ 16 ธันวาคม 2561 ธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เปิดตัว ‘12 นโยบายพรรคอนาคตใหม่ เปิดวิสัยทัศน์ เปลี่ยนอนาคต’ ประกอบด้วย โดยนโยบาย ‘ปฏิรูปกองทัพ ลดนายพล เลิกเกณฑ์ทหาร ซื้ออาวุธโปร่งใส’ เป็น 1 ใน 8 นโยบายเสาหลักของพรรค
สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานตรงกันว่า พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย
The MATTER รายงานว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย ยกเลิกเกณฑ์ทหาร หันมาใช้วิธีสมัครใจ ยกเว้นเมื่อเกิดศึกสงคราม รวมทั้งปรับลดกำลังพลประจำการลงครึ่งหนึ่งให้เหลือเพียง 1.7 แสนนาย และลดนายพลให้เหลือ 400 คน จากปัจจุบัน 1,600 คน
The Standard อ้างคำพูดของ พลโท พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ยืนยันหลักการกองทัพต้องอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ลดขนาดกองทัพให้เล็กลงและทันสมัยขึ้น โดยลดกำลังพลลง 40% และลดอัตรานายพลลงเหลือ 1 ใน 4 ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ ลงทุนในงานวิจัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ให้อำนาจการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ของกองทัพอยู่กับกระทรวงกลาโหม
The Momentum เผยแพร่บทความ ประชันนโยบายพรรคการเมือง EP 09: กองทัพ โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายด้านกองทัพของพรรคอนาคตใหม่ว่า ‘รัฐบาลพลเรือนควบคุมกองทัพ เลิกบังคับเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ ปฏิรูปโครงสร้างงบประมาณกองทัพ วิทยาการด้านการป้องกันประเทศ และการผสานระหว่างระบบอุปถัมภ์กับคุณธรรม’
ธนาธรย้ำนโยบายปฏิรูปกองทัพอีกครั้งด้วยการโพสต์ Facebook: Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561 ว่า พรรคอนาคตใหม่เสนอนโยบาย “ปฏิรูปกองทัพให้เป็นกองทัพสมัยใหม่ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ใช้วิธีสมัคร ยกเว้นเวลาเกิดศึกสงคราม, ปรับลดกำลังพลประจำการลงครึ่งหนึ่ง ให้เหลือเพียง 1.7 แสนนาย, ลดจำนวนนายพลจากปัจจุบัน 1,600 คน ให้เหลือเพียง 400 คน” (ลิงก์บันทึก)
ในโพสต์นี้ธนาธรยังจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็น โดยให้เลือกระหว่าง ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ กับ ‘ยังอยากเกณฑ์ทหาร’ ซึ่งมีผู้ใช้ Facebook: 7.8 หมื่นบัญชีร่วมโหวต ผลคือร้อยละ 92 เลือก ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ และร้อยละ 8 เลือก ‘ยังอยากเกณฑ์ทหาร’
พรรคก้าวไกล
ก่อนการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 พรรคก้าวไกลเสนอชุดนโยบายในชื่อ ‘300 นโยบายเปลี่ยนประเทศ’ ในส่วนของนโยบายปฏิรูปกองทัพประกอบด้วย 15 ข้อเสนอ ได้แก่
-
เอาทหารออกจากการเมือง: ห้ามทหารยศนายพลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเวลา 7 ปีหลังออกจากราชการ เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงทางการเมืองโดยอดีตนายพลที่ยังมีสายสัมพันธ์ในกองทัพ
-
กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ยกเลิกสภากลาโหม
-
ตั้งผู้ตรวจการกองทัพที่มาจากสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการทำงานของกองทัพ
-
ยกเลิกศาลทหารในสถานการณ์ปกติ ให้มีได้เฉพาะช่วงการประกาศสงครามเท่านั้น ให้คดีเกี่ยวกับวินัยทหารและคดีอาญาที่ทหารเป็นคู่ความเข้าสู่ศาลปกครองและศาลยุติธรรม
-
ลดขนาดกองทัพ 30-40%
-
ลดจำนวนนายพลเหลือ 400 นาย และสร้างความเป็นธรรมระหว่างข้าราชการทหารกับข้าราชการพลเรือน
-
ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร
-
ปฏิรูปการศึกษาทหาร
-
การนำเข้ายุทโธปกรณ์ต้องมีการจ้างงานและถ่ายโอนเทคโนโลยี (Defence Offset)
-
คืนที่ดินกองทัพให้ประชาชน
-
คืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล
-
เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อยให้ปลอดภัย มั่นคง และมีอนาคต
-
ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
-
ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนภาคใต้
-
ยกเครื่องกฎหมายความมั่นคงพิเศษ ซึ่งรวมถึงกฎอัยการศึก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
วันที่ 18 มีนาคม 2566 พิธาขึ้นปราศรัยบนเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยในช่วงหนึ่งเขาตั้งคำถามว่า ‘ทหารมีไว้ทำไม’
“ทหารมีไว้ทำไม พวกคุณจะไปรบกับใคร สมมติจะมีคนมารุกรานคุณ ผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจะรบชนะด้วย แล้วอีกอย่างตอนนี้มันเป็นเรื่องของอาวุธ ประเทศที่อยู่ใกล้ๆ กันที่เคยทะเลาะกันก็ไม่ทะเลาะกันแล้ว ทุกวันนี้ลดกองทัพได้ บางประเทศไม่ต้องมีกองทัพด้วยซ้ำไปถ้าผู้นำฉลาดพอ มันคือเรื่องกฎกติกาสากล เรื่องระเบียบโลก ยิ่งประเทศเล็กๆ แบบพวกเรายิ่งต้องฉลาด สามารถที่จะทำให้ประหยัดงบกองทัพไปเยอะ ทหารมีไว้ทำไม วันนี้เราจะมาชวนหาคำตอบนี้” พิธากล่าว
การตั้งคำถามว่า ‘ทหารมีไว้ทำไม’ ของพิธาบนเวทีปราศรัยในวันนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะจากผู้สนับสนุนกองทัพว่า สะท้อนถึงการไม่เห็นความสำคัญของทหารและกองทัพ
ข้อความนี้ยังถูกนำมาประกอบเนื้อหาเท็จโจมตีพรรคก้าวไกลว่า ไม่เอาทหารและต้องการยกเลิกกองทัพ โดยเฉพาะในช่วงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งพิธาให้ความเห็นในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ว่าเป็นการตัดคำพูดเพียงบางส่วนมาเผยแพร่โดยขาดบริบท
พิธาอธิบายว่า คำถาม ‘ทหารมีไว้ทำไม’ เป็นการพูดบนเวทีปราศรัยเมื่อปี 2566 ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ‘เขตทหาร’ และมีประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการใช้ที่ดินของกองทัพ อีกทั้งในช่วงนั้นยังมีประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในค่ายทหารด้วย
เมื่อพิธีกรถามพิธาว่า ‘ทหารมีไว้ทำไม’ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลตอบว่า “ทหารมีไว้ปกป้อง ไม่ได้มีไว้ปกครอง ถ้าจะให้ตอบแบบไม่เหมือนเดิมก็คือ ทหารมีไว้ป้องกันการคุกคามจากต่างประเทศ แต่ไม่ยุ่งกับการเมืองภายในประเทศ… มีไว้ระมัดระวังภัยความมั่นคงทุกรูปแบบจากนอกประเทศ แต่ไม่ยุ่งการเมืองในประเทศ
“มุมมองของผมต่อทหารคือ ผมต้องการให้ทหาร Smart ทหารเป็นมืออาชีพ ลดจำนวนทหารลงเพื่อที่จะได้มียุทโธปกรณ์มาสู้กับภัยความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ที่มาจาก Hybrid Warfare ไม่ได้เป็นสงครามแบบดั้งเดิม” พิธากล่าว
พรรคประชาชน
เนื่องจากพรรคประชาชนเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นหลังจากพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 นโยบายของพรรคจึงเป็นการสานต่อจากพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามแนวคิดและนโยบายด้านทหารของพรรคประชาชน ภายใต้การนำของณัฐพงษ์ สามารถประมวลได้จากร่างกฎหมายที่พรรคประชาชนผลักดันและจากชุดนโยบายที่ณัฐพงษ์นำเสนอในการประชุมวิสามัญพรรคประชาชนเมื่อ 25 ตุลาคม 2568
เว็บไซต์พรรคประชาชนรายงานความคืบหน้าร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกล/ พรรคประชาชนเสนอ ซึ่ง ณ สิ้นเดือน พฤศจิกายน 2568 เสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรรวม 134 ฉบับ ในจำนวนนี้มีร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับทหาร ในจำนวนนี้มีร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับทหาร ได้แก่
– ร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร 2 ฉบับ
– ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร (ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร) 2 ฉบับ
– ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ปรับขอบเขตอำนาจศาลทหาร)
– ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร)
– ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 (ยุบ กอ.รมน.)
– ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
– ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ระเบียบราชการกลาโหม)
– ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. ลงวันที่ 4 เมษายน 2559
ร่างกฎหมายแต่ละฉบับมีความคืบหน้าแตกต่างกันไป บางฉบับถูกตีตกไปเนื่องจากเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร (ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร) แต่ยังเหลืออีกฉบับหนึ่งซึ่งเป็นร่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน และร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 (ยุบ กอ.รมน.) บางฉบับอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ บางฉบับได้รับการบรรจุวาระแล้วและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากการผลักดันกฎหมายตามนโยบายปฏิรูปกองทัพแล้ว ในการประชุมสภา สส.พรรคประชาชนยังอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวกับการตรวจสอบการทำงานของกองทัพ เช่น การตรวจสอบเรื่องปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสาร (IO) ของกองทัพ ตรวจสอบนโยบายปฏิรูปกองทัพของพรรคเพื่อไทย และการติดตามคดีการเสียชีวิตของ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ของคณะกรรมาธิการการทหาร ซึ่งเดิมมีวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน เป็นประธาน ก่อนจะลาออกและให้ เอกราช อุดมอำนวย จากพรรคเดียวกันมารับช่วงต่อ
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปี 2569 นโยบายปฏิรูปกองทัพยังคงเป็นหนึ่งในชุดนโยบายและแผนงานของพรรคประชาชนตามที่ณัฐพงษ์นำเสนอในการประชุมวิสามัญพรรคประชาชนเมื่อ 25 ตุลาคม 2568
ณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชน นำเสนอหัวข้อ ‘มุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง 2569’ ในการประชุมวิสามัญพรรคประชาชนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 โดยเปิดเผยชุดนโยบายบางส่วน ซึ่งนโยบายปฏิรูปกองทัพเป็นหนึ่งในนั้น
ข้อสรุป
จากการตรวจสอบนโยบายพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน ที่เผยแพร่ในช่องทางที่เป็นทางการของพรรค รวมทั้งถ้อยคำที่หัวหน้าพรรคคือธนาธร (อนาคตใหม่), พิธา (ก้าวไกล) และณัฐพงษ์ (ประชาชน) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือพูดต่อสาธารณะระหว่างปี 2561-2568 พบว่า มีการนำเสนอนโยบายปฏิรูปกองทัพจริง แต่ไม่มีเนื้อหาใดที่ระบุว่า ‘ไม่เอาทหาร’ หรือ ‘ยกเลิกกองทัพ’
นโยบายปฏิรูปกองทัพถูกจัดอยู่ในหมวดนโยบายด้านการสร้างประชาธิปไตยเต็มใบของพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน ซึ่งประกอบด้วยข้อเสนอหลายข้อ เช่น ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร, ลดจำนวนทหารยศนายพล, ลดจำนวนพลทหาร, ยกเลิกศาลทหารในสถานการณ์ปกติ, ยุบ กอ.รมน., โอนการถือครองที่ดินกองทัพกลับมาเป็นของกรมธนารักษ์ เพื่อให้การจัดสรรที่ดินเป็นประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่, โอนถ่ายธุรกิจกองทัพทั้งหมดมาให้กระทรวงการคลังดูแล, เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย
ประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์นโยบายปฏิรูปกองทัพและข้อเสนอของพรรคการเมืองนี้ได้อย่างเต็มที่ แต่การสรุปว่าพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน ‘ไม่เอาทหาร’ นั้นเป็นการบิดเบือนและเป็นข้อสรุปที่ไม่ตรงกับนโยบายที่พรรคเสนออย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ
Tags: พรรคอนาคตใหม่, พรรคก้าวไกล, ยกเลิกเกณฑ์ทหาร, พรรคประชาชน, นโยบายทหาร, ทหารไม่ยุ่งการเมือง, ทหาร, กองทัพ




