ถึงจุดหนึ่ง เราคงต้องทำทรีตเมนต์ : ประสบการณ์นวดฟื้นบำรุงหน้าครั้งแรก

ใครที่อายุผ่านพ้นเลข 25 มาแล้วน่าจะเข้าใจดี ว่าผิวหน้าเราไม่เหมือนแต่ก่อน และการจะหวังพึ่งสกินแคร์เพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้ผลอย่างที่เราคาดหมายอีกต่อไป นั่นทำให้ถึงจุดหนึ่งแล้วเราคงต้องหาวิธีการอื่นที่จะตรงเข้าฟื้นบำรุงผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและตรงจุด ว่าแล้วเราก็อยากชวนทุกคนมาลองเปิดประสบการณ์ทำทรีตเมนต์หน้ากันดูสักครั้ง

อันที่จริงแล้ว วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผิวหน้าดี ก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน —พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่า 8 แก้วต่อวัน ลดอาหารประเภทไขมัน เพิ่มผักผลไม้ ขับถ่ายให้เป็นเวลา ออกกำลังกาย และไม่เครียด ฯลฯ แต่สำหรับคนทำงานในยุคสมัยนี้ จะทำให้ครบถ้วนกระบวนความนั้นออกจะยากไปหน่อย อีกทั้งยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่คอยจะมาบั่นทอนผิวหน้า ตั้งแต่มลพิษในอากาศ จนถึงฮอร์โมนในตัวเราเอง ดังนั้นตัวช่วยอื่นจึงจำเป็นไม่แพ้กัน 

ด้วยเหตุที่เกริ่นไปทั้งหมด ผู้เขียนจึงลองตัดสินใจไปทำทรีตเมนต์ที่ Skin Connect ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ เนื่องจากมีพี่ที่รู้จักแนะนำมาอีกต่อหนึ่ง เพราะต้องสารภาพว่าในบรรดาหลากหลายสถาบันดูแลผิวหน้าที่เรียงราย เราตอบได้ยากว่าควรเลือกเดินเข้าร้านไหนดี ดังนั้นการเงี่ยหูฟังเสียง recommend จากคนที่ไว้ใจก็เป็นทางเลือกที่ใช้ได้ทีเดียว และหลังจากได้ลองด้วยตัวเองแล้วเราก็พบว่าการทำทรีตเมนต์หน้า ก็ไม่ได้เป็นเพียงการบำรุงผิว แต่มันยังเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ชั้นเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการนวดกล้ามเนื้อพร้อมกับสูดกลิ่นหอมอโรมาเธอราพีไปในตัว

วิเคราะห์ปัญหาผิว: เข้าใจผิวกว่าที่เคย

ในบรรยากาศสบายๆ เมื่อไปถึงที่ร้านสิ่งแรกที่เราต้องทำคือพูดคุยกับเธอราพิสต์เพื่อประเมินผิวหน้าและเลือกคอร์สทรีตเมนต์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของตัวเอง สำหรับผู้เขียน หลังจากทำการประเมินแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับสิวอุดตันและผิวแห้ง ซึ่งข้อหลังนี้ทำให้ตกใจพอสมควร เพราะที่ผ่านมาใช้ออยล์บำรุงหน้ามาตลอดและไม่คิดว่าที่เป็นสิวอยู่ทุกวันนี้จะเกี่ยวกับเพราะผิวแห้งด้วย ซึ่งพี่เธอราพิสต์ให้คำอธิบายว่าออยล์ที่ใช้นั้นเคลือบบำรุงแต่ผิวชั้นนอก ไม่ได้เข้าไปถึงผิวชั้นใน ทำให้ผิวชั้นในขาดความชุ่มชื้นและอ่อนแอ ดังนั้นจึงควรใช้เซรั่มในการบำรุงผิวชั้นในด้วย ส่วนการทรีตเมนต์ครั้งแรกนี้เราก็ต้องแก้ไขที่ปัญหาขั้นพื้นฐานก่อน นั่นคือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า เพิ่มความกระชับและเพิ่มความมีชีวิตชีวา กับคอร์ส Skin Beauty Hydration Facial รวมถึงส่วนเสริมเป็นทรีตเมนต์ใต้ตาที่อ่อนล้าให้กลับมาสดใส

ขั้นตอนการทรีตเมนต์: ผ่อนคลายระดับสิบ

ก่อนเข้าห้องทรีตเมนต์ เราจะได้เลือกธีมเพลงที่จะเปิดคลออยู่ตลอดเวลา 90 นาที โดยมีให้เลือก 3 แนว คือแจ๊ซ ฟังสบายๆ คล้ายอยู่ร้านกาแฟ / เปียโน เสียงนุ่มๆ ทำนองเนิบนาบ / แนเชอรัล เสียงดนตรีเบาๆ คลอเสียงน้ำ ไหลคล้ายอยู่ในป่า เราเลือกอันสุดท้าย แล้วก็เข้าห้องไปเปลี่ยนชุดนอนรอ

เราเริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้าและสตีมหน้าก่อนเพลินๆ ด้วยเครื่องพ่นไอน้ำ จากนั้นก็ผลัดเซลล์ผิวเพื่อเคลียร์เอาเซลล์ผิวเก่าออกไปและพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ ตามด้วยการกดสิวอุดตันออก ที่ถือว่าเจ็บน้อยมากเทียบกับที่เคยไปกดกับคลินิกหมอสิว (ที่สำคัญคือแทบไม่ทิ้งรอยไว้เลย) ก่อนเริ่มทุกขั้นตอนเธอราพิสต์จะแจ้งหมดว่าเรากำลังจะทำอะไร จะมีตรงไหนที่อาจจะคันยิบๆ หน่อย หรือตรงไหนที่จะเย็นผิวหน่อยๆ ขณะที่เราเองเคลิ้มจนแทบจะหลับ 

ความประทับใจอย่างยิ่งคือกลิ่นหอมระหว่างการทรีตเมนต์ เซรั่มและตัวบำรุงทุกตัวที่ทางร้านใช้เป็นของ Glo แบรนด์สกินแคร์ออร์แกนิกที่เป็นสูตรเฉพาะของ Skin Connect แต่ละตัวมีกลิ่นหอมแนวธรรมชาติอย่างเช่นกลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นแนวสมุนไพร กลิ่นแนวซิตรัส หรือกลิ่นฟรุตตี้จ๋า คิดว่าแต่ละคอร์สก็จะมีลำดับของกลิ่นต่างกันออกไป และอีกส่วนที่ประทับใจมากคือการนวดที่เน้นความผ่อนคลาย ตั้งแต่ใบหน้า รอบดวงตา ไปจนถึงต้นคอและหัวไหล่ ที่ล้วนแต่สอดประสานกัน 

เวลา 90 นาทีกลายเป็นเวลาเพียงสั้นๆ เมื่อเทียบกับความสบาย เสร็จขั้นตอนทุกอย่างแล้วเราจิบเครื่องดื่มและขนมทานเล่นที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ และรีบโผเข้าหาโซนแต่งหน้าเพื่อจัดการกับหน้าสดแสนสดของตัวเองทันที

ผลลัพธ์: ความประทับใจที่สกินแคร์ยังให้ไม่ได้

แม้เป็นเพียงคอร์สพื้นฐานที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้น แต่ในแง่ความประทับใจแรกที่พบกลับเป็นเรื่องสิว หลังจากตื่นเช้ามา เราพบว่าสิวอุดตันที่เคยรำคาญใจได้หายไปหมดแล้ว ส่วนบรรดาสิวที่เริ่มเป่งๆ อยู่ใต้ผิวหนังก็ได้ผุดขึ้นมา รวมถึงที่อักเสบอยู่และเห็นหัวสิวสีเหลืองๆ ได้หลุดหายไป เหลือแต่รอยแดงเล็กๆ ตามธรรมชาติ ที่จะให้มันจางหายไปตามกาลเวลา (หรือถ้าอีกสักหนึ่งหรือสองสัปดาห์เราจะไปต่อที่คอร์สแอดวานซ์ที่ช่วยเรื่องสิว-รอยสิวโดยเฉพาะ ก็ย่อมได้) 

อีกข้อหนึ่งเรื่องความชุ่มชื้นอันที่จริงก็เห็นผลชัดเช่นกัน เราได้เห็นภาพของคำว่า ‘หน้าฟู’ อย่างที่เขาว่ากัน และเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานานตั้งแต่เลยวัย 25 ขึ้นมาแล้ว และคำว่าผิวอิ่มน้ำก็เห็นได้ชัดตอนแต่งหน้า พบว่าเกลี่ยรองพื้นง่ายขึ้นและแต่งหน้าติดทนขึ้นกว่าเดิม ยิ่งเมื่อประกอบกับการพยายามดูแลตัวเองให้ดีขึ้นหลังจากทำทรีตเมนต์ ก็สามารถยืนระยะช่วงเวลาหน้าใสได้เป็นหลักเดือนทีเดียว

และรู้ตัวอีกที เราก็จองคอร์สต่อไปสำหรับการทำทรีตเมนต์ขั้นแอดวานซ์ไปเรียบร้อยแล้ว