ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กกำลังเผชิญกับการสูญเสียรายได้ครั้งใหญ่ที่สุด หลังบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ได้แก่ The North Face, Unilever, Patagonia, Coca-Cola และ Starbucks แห่ถอนโฆษณาออกจากเฟซบุ๊กตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการไม่ระบุว่าโพสต์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าข่ายปลุกปั่นความเกลียดชังต่อเชื้อชาติและสร้างความเข้าใจที่ผิดให้กับสังคม

การคว่ำบาตรของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนแคมเปญ ‘Stop Hate for Profit’ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจหันมายืนหยัดร่วมกับชาวอเมริกัน เพื่อปกป้องเสรีภาพ ความเท่าเทียมและความยุติธรรมในสังคม โดยการระงับการลงโฆษณาในเฟซบุ๊กตลอดเดือนกรกฎาคม หากเฟซบุ๊กไม่มีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นกับการจัดการข้อความที่มีเนื้อหาเหยียดสีผิวและความเกลียดชังต่อเชื้อชาติ

Unilever คือบริษัทรายใหญ่ล่าสุดที่ยืนยันว่าจะถอนโฆษณาออกจากเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ ไปจนถึงสิ้นปลายปีนี้ โดยได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “สถานการณ์ในสังคมปัจจุบันนี้ ได้วางรากฐานใหม่ในการแสดงความรับผิดชอบของภาคธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ ว่าพวกเราควรจะเรียนรู้ ตอบสนอง และแสดงออกอย่างไรเพื่อขับเคลื่อนสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ” การตัดสินใจถอนโฆษณาของ Unilever ส่งผลให้แบรนด์ลูกอย่าง Dove, Knorr และ Lipton ถอนตัวตามไปด้วย แม้ว่า Ben and Jerry’s ได้ประกาศถอนตัวก่อนหน้าบริษัทแม่หนึ่งสัปดาห์ 

ทางด้าน Patagonia บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้ากลางแจ้งรายใหญ่ ได้ออกมายืนยันการคว่ำบาตรว่า เฟซบุ๊กล้มเหลวกับการจัดการ ‘คำโกหกที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและการโฆษณาชวนเชื่อที่อันตราย’ ซึ่งบริษัทไม่อาจนิ่งเฉยต่อการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและกระตุ้นความกลัวและความเกลียดชังในสังคมไปมากกว่านี้ได้ และจะถอนการโฆษณาไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กได้ปฏิเสธที่จะจัดการโพสต์ของทรัมป์ และยืนยันว่าโพสต์ดังกล่าวไม่เข้าข่ายปลุกปั่นความเกลียดชังต่อเชื้อชาติและความรุนแรง ซึ่งแตกต่างจากท่าทีของทวิตเตอร์อย่างชัดเจน ที่ติดคำเตือนและจำกัดการเข้าถึงโพสต์ของทรัมป์ทันที นอกจากนี้ เฟซบุ๊กยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเมินเฉยต่อโพสต์ของทรัมป์ที่พูดถึงกระแส Black Lives Matter ว่า “when the looting starts, the shooting starts” หรือ “เมื่อการปล้นเริ่มขึ้น การยิงตอบโต้ก็จะเริ่มขึ้น” 

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การคว่ำบาตรทางโฆษณาจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเฟซบุ๊ก เนื่องจากรายได้จากการโฆษณาเมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา:

https://www.bbc.com/news/business-53146256

https://edition.cnn.com/2020/06/28/business/facebook-ad-boycott-list/index.html

https://www.washingtonpost.com/technology/2020/06/26/facebook-advertising-boycott-unilever/

https://edition.cnn.com/2020/06/26/tech/facebook-boycott/index.html

https://www.theguardian.com/business/2020/jun/24/ben-and-jerrys-joins-facebook-advertising-boycott-racism

https://edition.cnn.com/2020/06/22/tech/facebook-boycott-hate-trnd/index.html

ภาพ: REUTERS/Dado Ruvic (BOSNIA AND HERZEGOVINA 

Tags: ,