ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข่าวการเกยตื้นตายอย่างปริศนาของสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอย่างวาฬ โลมา สิงโตทะเล หรือพะยูน ถูกยกเป็นหัวข้อข่าวที่เราเห็นกันบ่อยเสียจนนึกกลัวว่า หลายคนอาจรู้สึกชินชากับเหตุการณ์สะเทือนใจลักษณะนี้ไปเสียแล้ว
น่าเศร้าที่ดูท่าในปี 2023 นี้ สถานการณ์ข้างต้นมีแต่จะเลวร้ายลงทุกขณะ เมื่อตัวเลขการตายของสัตว์กลุ่มนี้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
“ยังไม่ทันหมดปี มีวาฬเพชฌฆาตตายในเขตประมงไปแล้วมากถึง 9 ตัว”
“สิงโตทะเลและโลมาหลายร้อยตัวยังคงทยอยเกยตื้นตายบนชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย”
“ในปีนี้ มีวาฬหลังค่อมและวาฬมิงค์อย่างน้อย 14 ตัวถูกพบเป็นศพไม่ไกลจากชายฝั่งนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์”
และไม่ใช่แค่เพียงสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่อาศัยในทะเลเท่านั้น แม้แต่ประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่อาศัยในน้ำจืด ก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่ต่างกัน
“พบซากโลมาแอมะซอน 140 ตัวในทะเลสาบทางตอนเหนือของบราซิล”
การที่สัตว์น้ำลอยตายและถูกพัดขึ้นมาเกยตื้นบนฝั่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ถึงกระนั้น บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัจจัยเร่งที่นำไปสู่สาเหตุเหล่านั้น ครึ่งหนึ่งคือความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกเดือด ส่วนอีกครึ่งหนึ่งย่อมหนีไม่พ้นมลพิษจากอุตสาหกรรมและการขนส่งทางไกล
ขนาดเรือเดินสมุทรที่ใหญ่โตขึ้นทุกวัน
เรือเดินสมุทรและเรือประมงขนาดถือเป็นภัยคุกคามสำหรับสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม อ้างอิงจากการสูญเสียประชากรวาฬไรต์ (Right Whale) แห่งมหาสมุทรแอตแลนติก 98 ตัวในปี 2017 ที่ในปีนั้นปีเดียว มีวาฬไรต์ถึง 12 ตัว ที่ตายเพราะว่ายชนเรือ
หลังจากนั้นในปี 2019 ถึงปี 2022 มีรายงานการตายของวาฬใกล้ชายฝั่งรัฐนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์บ่อยครั้ง หากอ้างอิงข้อมูลจากการท่าจะพบว่า ในเวลาเพียง 3 ปี ท่าเรือของทั้ง 2 รัฐนี้รองรับตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มมากขึ้นถึง 27%
ฟังผิวเผินจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มมากขึ้นอาจดูเหมือนไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเลขการตายของสัตว์น้ำเลยแม้แต่น้อย แต่อย่าลืมว่ายิ่งมีตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากขึ้น เรือที่ขนส่งก็จะต้องใหญ่ขึ้นไปตามลำดับด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่าง ‘MSC Irina’ เรือบรรทุกสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้ มีความยาวถึง 399 เมตร หากจะเทียบให้เห็นภาพ คือเป็นความยาวที่สามารถเอาชนะความสูงของตึกมหานครและตึกใบหยกได้สบายๆ
แม้ว่าการลดความเร็วในการเดินเรือจะสามารถลดความเสี่ยงที่วาฬจะได้รับอันตรายได้บ้าง แต่คงไม่มีกลุ่มทุนกลุ่มใดยินดียอมสละเวลาอันมีค่าดุจเงินทองง่ายๆ เพราะสาเหตุเพียงเท่านี้
ห่วงโซ่อาหารที่เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ในรัสเซียต้องเร่งเข้ามาตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะมีทีมวิจัยพบซากนากทะเลถึง 7 ตัวอยู่ในท้องของศพวาฬเพชฆาต
“มันเรื่องผิดวิสัยอย่างมาก เพราะปกติแล้ววาฬเพชฌฆาตจะไม่กินนากทะเล” โอลา ฟิลาโทวา (Olga Filatova) นักวิจัยสัตว์จำพวกวาฬชาวรัสเซียอธิบายว่า พวกวาฬเพชรฆาตมักกินแมวน้ำ สิงโตทะเล โลมา หรือแม้แต่วาฬชนิดอื่น ทำให้นักวิจัยหลายกลุ่มตั้งข้อสงสัยว่า บางทีพฤติกรรมการล่าที่เปลี่ยนแปลงไปของวาฬตัวนี้ อาจเป็นคำตอบเบื้องหลังประชากรนากทะเลในหมู่เกาะอะลูเชียนและอ่าวอลาสกาที่ลดลงอย่างฮวบฮาบในช่วงไม่นานมานี้
นอกจากนี้ สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนและอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูง ยังส่งผลให้ประชากรปลาที่เป็นอาหารของทั้งวาฬ โลมา และสิงโตทะเล ว่ายน้ำเข้ามาใกล้ฝั่งมากขึ้น สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเหล่านี้จึงจำเป็นต้องว่ายตามเหยื่อเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้โอกาสที่วาฬจะว่ายชนเรือ หรือโลมาจะเข้าไปติดกับอวนประมงเพิ่มสูงขึ้นตาม
อ้างอิง
https://www.cbsnews.com/news/sea-lions-dolphins-deaths-southern-california-coast-domoic-acid/
https://www.theguardian.com/us-news/2023/jun/28/california-beaches-sea-lions-dolphins-dead
Tags: climate change, Environment