นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 หลังจาก เทะซูกะ โอะซามุ (Tezuka Osamu) ปรมาจารย์แห่งการ์ตูนญี่ปุ่นในตำนาน ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของมังงะยุคใหม่ เริ่มวางรากฐานในลายเส้นและการเล่าเรื่อง อุตสาหกรรมมังงะ (Manga) หรือการ์ตูนจากญี่ปุ่นก็เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีมังงะหลายเรื่องที่ได้รับความนิยมสูงและกลายเป็นตำนาน รวมถึงถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะ ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์หลายเรื่อง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ดี ไม่นานมานี้ สื่อยักษ์ใหญ่อย่างดิอีโคโนมิสต์ (The Economist) ได้ตีพิมพ์บทความที่ระบุว่า ยุครุ่งเรืองของอุตสาหกรรมมังงะญี่ปุ่นที่เหมือน ‘ไม่มีใครกล้าแตะต้อง’ กำลังค่อยๆ สิ้นสุดลง พร้อมกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ‘มันฮวา’ หรือการ์ตูนของฝั่งเกาหลีใต้ โดยเฉพาะใน ‘เว็บตูน’ หรือแพลตฟอร์มสำหรับอ่านการ์ตูนออนไลน์

อี ฮยอนซอก (Lee Hyun-seok) นักวาดการ์ตูนชาวเกาหลีใต้ผู้เติบโตมากับมังงะญี่ปุ่นอย่างดราก้อนบอลหรือสแลมดังก์ และย้ายไปประสบความสำเร็จในฐานะนักวาดการ์ตูนและบรรณาธิการที่ญี่ปุ่น เล่าว่าในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ‘เว็บตูน’ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการ์ตูนของเกาหลีใต้ที่ปรับให้เหมาะกับสมาร์ตโฟนถือกำเนิด เขาเองไม่ได้ประทับใจนัก โดยระบุว่าเว็บตูนนั้น ‘หยาบ’ และ ‘ผิวเผิน’ เมื่อเปรียบเทียบกับรูปแบบการสร้างสรรค์และโครงเรื่องที่ซับซ้อนของมังงะญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงในปีที่ผ่านมา (2021) เผยให้เห็นว่า ขนาดของตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นลดลง เมื่อเทียบกับการเติบโตของตลาดการ์ตูนเกาหลี โดยปีที่แล้วตลาดสิ่งพิมพ์มังงะหดตัว 2.3% มีมูลค่า 2.65 แสนล้านเยน (1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ขณะที่ขนาดของตลาดเว็บตูนทั่วโลกมีมูลค่า 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะสูงถึง 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030

ทั้งนี้ อี ฮยอนซอกวิเคราะห์ว่า สาเหตุดังกล่าวอาจเป็นเพราะอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่มีความอนุรักษนิยมมาก “มีความเชื่อที่หนักแน่นว่าการยึดติดกับแบบอย่างย่อมดีกว่า”

สอดคล้องกับสิ่งที่ดิอีโคโนมิสต์ระบุ คือรูปแบบทางธุรกิจของอุตสาหกรรมมังงะญี่ปุ่นแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่ทศวรรษ 1960 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงสร้างของการ์ตูนญี่ปุ่นที่กำหนดให้อ่านจากด้านขวาไปซ้าย และอ่านในแนวตั้ง ซึ่งเป็นรูปแบบที่คุ้นเคยเฉพาะในญี่ปุ่น เกาหลี หรือชาวตะวันตกที่เป็นแฟนมังงะเท่านั้น

ที่สำคัญ ถึงแม้ว่ามังงะจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบการอ่านแบบดิจิทัล แต่การออกแบบรูปแบบดังกล่าวยังเหมาะกับการเป็นสื่อสิ่งพิมพ์มากกว่า ส่งผลให้ตัวอักษรและช่องการ์ตูนบนการอ่านแบบสมาร์ตโฟนมีขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ผู้อ่านต้องคอยขยายหน้าจอเข้าออกเพื่ออ่านตลอดเวลา

ในทางกลับกัน การ์ตูนของเกาหลีถูกออกแบบให้พอดีกับหน้าจอสมาร์ตโฟนอยู่แล้ว และตลาดมันฮวาก็ขยายใหญ่ขึ้น โดยได้รับความนิยมผ่านรูปแบบที่อ่านง่ายและการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่าย จากข้อมูลของหน่วยงานกำกับดูแลคอนเทนต์ของเกาหลีใต้ (Korea Creative Content Agency: KOCCA) ระบุว่าในปี 2021 ขนาดของตลาดการ์ตูนมันฮวาภายในประเทศมีมูลค่า 1.538 ล้านล้านวอน (1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

ทั้งนี้ดิอีโคโนมิสต์วิเคราะห์ว่า เว็บมันฮวาของเกาหลีใต้ก็เป็นอีกภาคส่วนที่ได้รับประโยชน์จาก ‘นวัตกรรม’ และ ‘การตลาดที่ชาญฉลาด’ ของเนื้อหาแบบเกาหลีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมบันเทิงอื่นๆ เช่น ซีรีส์เน็ตฟลิกซ์อย่างเรื่อง Squid Game หรือกลุ่มศิลปินเคป็อปอย่าง BTS

อย่างไรก็ดี ดิอีโคโนมิสต์ก็ชี้ให้เห็นว่าอย่างน้อยที่สุด มังงะของญี่ปุ่นก็พยายาม ‘ยึดมั่น’ ในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด และพยายามรักษาจุดแข็งไว้ได้ ทั้งรูปแบบเลย์เอาต์ที่สามารถเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนของมังงะได้ และระบุว่ามังงะหลายเรื่องถือเป็น ‘สิ่งมหัศจรรย์ทางด้านศิลปะ’ จากการออกแบบที่ละเอียดใน ‘ระดับมิลลิเมตร’ เช่น การวาดด้วยหมึกที่ซับซ้อนของมังงะ Vagabond ไปจนถึงภาพวาดที่เหนือจริงของ Berserk ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานระดับตำนานทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ในบทความยังวิเคราะห์ว่า ‘เส้นเรื่องที่แข็งแรง’ และ ‘การวาดที่คราฟต์ราวกับงานฝีมือ’ ของมังงะ ทำให้ตลาดมังงะยังคงรักษาผู้อ่านในประเทศได้อย่างเหนียวแน่น แต่สิ่งนี้ก็เหมือนเป็นดาบสองคมที่ทำให้สำนักพิมพ์มีแรงจูงใจในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเติบโตในธุรกิจอาจดูไม่แน่นอน แต่สำนักพิมพ์เหล่านี้ก็ยังสามารถหาโอกาสในการเพิ่มรายได้จากการดัดแปลงมังงะสู่อนิเมะ หรือการร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทที่ผลิตสินค้าแนวมังงะออกวางขาย

ทั้งนี้ยังมีข้อกังวลอย่างต่อเนื่องสำหรับอนาคตของมังงะญี่ปุ่น โดยเฉพาะแฟนการ์ตูนที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้อ่านเฉลี่ยของนิตยสารที่ตีพิมพ์มังงะยอดนิยมทั้งหลาย อาทิ Weekly Shonen Jump มีจำนวนลดลง เนื่องจากคนหนุ่มสาวเริ่มเปลี่ยนไปอ่านมันฮวาเกาหลีจากบนสมาร์ตโฟนมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์ที่อุตสาหกรรมมังงะของญี่ปุ่นต้องคิดและชั่งน้ำหนักให้ดี การยึดมั่นในจุดแข็งที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ลืมว่า โลกหมุนไปข้างหน้าตลอดเวลาพร้อมกับเทคโนโลยีและสิ่งใหม่ๆ ไม่มีใครหรืออุตสาหกรรมใดหลีกหนีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้

Tags: , , ,