กำลังจะเข้าฉายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 กันยายน 2023 สำหรับ ‘Talk to Me จับ มือ ผี’ ภาพยนตร์สยองขวัญสั่นประสาทจากค่าย A24 ว่าด้วยเรื่องของ มีอา (Mia) วัยรุ่นสาวคนหนึ่งที่สูญเสียแม่อันเป็นที่รักอย่างปริศนา จนทำให้จิตใจของเธอดำดิ่งไปสู่เหวแห่งความโศกเศร้า
กระทั่งวันหนึ่ง กลุ่มเพื่อนนำ ‘ซากมือปริศนา’ เข้ามาพัวพันในชีวิตของเธอ โดยอ้างว่า สามารถติดต่อวิญญาณได้ เพียงแค่จุดเทียน จับมือ และกล่าวคำว่า ‘พูดกับฉันสิ’ เพื่อเชิญวิญญาณให้ ‘สิงสู่’
ทว่าเรื่องราวกลับไม่ง่ายดังที่ใครคิด เมื่อมีอาและเพื่อนๆ ลิ้มลองการสื่อสารกับวิญญาณจนเข้าขั้น ‘เสพติด’ และเกิดเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างขึ้น ชีวิตของเธอจึงเปลี่ยนไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันหวนกลับ
แม้จะเป็นผลงานแรกจากสองพี่น้องฝาแฝด ไมเคิล ฟิลิปปู (Michael Philippou) และแดนนี ฟิลิปปู (Danny Philippou) ยูทูเบอร์ชื่อดังชาวออสเตรเลีย ที่ผันตัวมาชิมลางในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ แต่พวกเขากลับทำได้ดีเหนือความคาดหมายของใครหลายคน
ดังเห็นจากกระแสตอบรับดีเยี่ยมในต่างประเทศ หลังผู้ชมเข้าไปให้คะแนนในรอตเทนโทเมโทส์ (Rotten Tomatoes) อยู่ที่ 4.2 เต็ม 5 ดาว อีกทั้งยังมีบทวิจารณ์เชิงบวกต่อหนังในสื่อต่างประเทศหลายสำนัก
“หนังเรื่องนี้มีหัวใจหลักคือการเล่นกับอารมณ์ ความรู้สึกเศร้าโศกที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ก่อนจะปะทุในตอนจบ เหมือนภาพของเลือดที่สาดกระเซ็น แต่ Talk to Me ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีด้วยความเรียบง่ายและตรงไปตรงมา”
“ไม่แปลกใจเลยที่พี่น้องฟิลิปปูแทบจะสิงเราไปแล้ว นี่สิคนที่เติบโตและโด่งดังในยูทูบ พวกเขาทำให้ฉากแรกที่ล้มเหลวในเรื่องเริ่มต้นอย่างดีเยี่ยม ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น แต่อย่าไปจับมือพวกเขาเชียวละ” ส่วนหนึ่งของเสียงชื่นชมในเอพี (Associated Press: AP) และรอตเทนโทเมโทส์ ต่อเรื่อง Talk to Me
ขณะที่กระแสในประเทศไทยได้รับตอกย้ำตั้งแต่ฉายรอบสื่อ เมื่อความประทับใจล้นเปี่ยมแสดงออกผ่านเสียงปรบมือดังสนั่นหลังภาพยนตร์ฉายจบ รวมถึงเสียงจากนักวิจารณ์และคอหนังหลายคนที่ให้คะแนนค่อนข้างสูง พร้อมรีวิวรายละเอียดบางอย่างเพื่อการันตีว่า Talk to Me เป็นหนังผีไอคอนิกแห่งปี 2023
ไม่ว่าจะเป็นการสอดแทรกเรื่องราวที่มากกว่าการเป็นหนังผีทั่วไป เช่น ปัญหาในครอบครัว ปัญหาสุขภาพจิตในหมู่วัยรุ่น ประเด็นทางสังคมอย่างเชื้อชาติและเพศสภาพ รวมถึงการถ่ายทอด ‘สัญญะบางอย่าง’ เพื่อเล่นกับใจคนดูผ่านตัวละครหลักตั้งแต่เริ่มเรื่อง เหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์ผีเรื่องนี้แตกต่างจากพล็อตหนังผีเดิมๆ
โดยสองพี่น้องฟิลิปปูเปิดเผยที่มาของหนังเรื่องนี้ว่า พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจาก The Exorcist (1973) ภาพยนตร์สยองขวัญสุดคลาสสิกที่โดดเด่นในความสมจริงและความสมเหตุสมผลของตัวละคร และ Memories of Murder (2003) ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่เต็มไปด้วยปริศนาจาก บอง จุนโฮ (Bong Joon-ho) ผู้กำกับภาพยนตร์รางวัลออสการ์ (Oscar) อย่าง Parasite (2019)
“Memories of Murder ของบอง จุนโฮ เป็นแรงบันดาลใจสำคัญสำหรับเราในการผสมผสานรสชาติที่หลากหลายในเรื่อง ก่อนหน้านี้เราได้รับแจ้งจากฝ่ายสคริปต์ในเรื่อง Concrete Kings ว่า ไม่มีภาพยนตร์ไหนที่ผสมประเภทของหนัง (Genre) ไปเรื่อย เราจึงพูดว่า บอง จุนโฮทำได้!
“แม้ว่าเขาจะตอบกลับว่า ภาพยนตร์เกาหลีมีโทนหนังเป็นของตัวเอง แต่เราก็แสดงความต้องการว่า นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการจะทำ นั่นก็คือการสร้างภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวเดียว แต่สะท้อนผ่านอารมณ์ที่แตกต่างกัน เหมือนกับชีวิตที่ไม่ได้มีแค่อารมณ์เดียว” ไมเคิลแสดงความคิดเห็น
ขณะเดียวกัน พี่น้องฟิลิปปูก็ต้องการสร้างหนังผีที่สะท้อนวิถีชีวิตของกลุ่มวัยรุ่นเจน Z ผู้เติบโตมาการมีอยู่ของโลกอินเทอร์เน็ต และคุ้นชินกับการเผยแพร่ทุกอย่างลงโซเซียลมีเดีย
ดังจะเห็นได้จากบางฉาก เมื่อเกิดสถานการณ์คอขาดบาดตายในเรื่อง แต่ตัวละครทั้งหมด ยังสนุกสนานและจดจ้องไปที่การถ่ายวิดีโอเพื่ออวดในโลกโซเชียลมีเดีย
“ผมต้องการอยากเห็นว่า เด็กๆ จะตอบสนองอย่างไร หากพบเจอคนถูกผีสิง ดังที่เห็นในเรื่อง พวกเขากำลังก่อวีรกรรม และไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรลงไป พอมีตัวละครลงไปชักบนพื้น เด็กๆ ทุกคนต่างถ่ายรูป หัวเราะเยาะ แต่กลับไม่มีใครช่วยเขาเลย” แดนนีเล่าเบื้องหลังของฉากนี้บางส่วน
“เจน Z คือโลกที่เราเติบโตมา ถ้าเราจะสร้างภาพยนตร์ที่สะท้อนความเป็นปัจจุบัน และทำให้คนเข้าใจมากที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังก็ต้องไปเป็นตามที่เห็น
“โซเชียลมีเดียมีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันทำให้เราอยากเรียกร้องความสนใจจากทุกคน เมื่อมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น คุณจะหยิบโทรศัพท์ออกมาและเริ่มบันทึก มันเป็นกลไกแยกตัวคุณจากการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว” ไมเคิลอธิบายเพิ่มเติมว่า วัยรุ่นในเรื่องใช้โซเชียลมีเดียเพื่อปกป้องตนเองในฐานะผู้ชม มากกว่าผู้ก่อเหตุ ซึ่งพฤติกรรมนี้เป็นกลไกหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ แดนนียังเปิดเผยว่า การถอดสัญญะในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นับตั้งแต่การกุมมือของตัวละคร และประโยค ‘พูดกับฉันสิ’ ซึ่งสะท้อนถึงความเปล่าเปลี่ยวของวัยรุ่นยุคใหม่ ที่ต้องการใครสักคนพูดคุยและอยู่เคียงข้างด้วย โดยอ้างอิงประสบการณ์ของเขาตอนอายุ 16 ปี หลังจากแดนนีประสบอุบัติเหตุจนมือสั่น แต่พี่สาวของเขากลับ ‘กุมมือ’ ด้วยความอบอุ่น
“แนวคิดว่าด้วยมือบ่งบอกความสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ เป็นสิ่งที่ตราตรึงในใจผมเสมอ มือเป็นแรงจูงใจที่ดีในการเขียนสคริปต์ เราคิดได้ตั้งแต่ก่อนจะเล่นกับเรื่องมือของซากศพด้วยซ้ำ” แดนนีอธิบายถึงที่มาการใช้มือเป็นสัญญะสื่อสารหลักในภาพยนตร์
เช่นเดียวกับการเปรียบเปรย ‘การเสพติดจากการถูกผีสิง’ ว่า เหมือนกับอาการเสพติดของยา แอลกอฮอล์ หรือเซ็กซ์ ที่วัยรุ่นหลายคนรู้ว่าไม่ดีกับร่างกาย แต่พวกเขายังยินดีที่จะตกอยู่ในสภาวะนี้เสมอ
ทว่าเรื่องราวสุดสยองขวัญนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด โดยสองผู้กำกับออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาลงมือเขียนภาคต่อของ Talk to Me เรียบร้อย โดยจะใช้ชื่อว่า ‘Talk 2 Me’
“ตอนที่เราเขียนภาคแรก เราก็อดไม่ได้ที่จะเขียนฉากสำหรับภาคต่อด้วย เพราะมือปริศนานี้มีตำนานเล่าขานและการสานเรื่องราวของตัวละครต่อ ทุกอย่างล้วนมีประวัติเบื้องหลังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎทุกข้อ ทุกส่วนของมือ พวกเราจึงคิดว่า เรื่องนี้มีอะไรให้ต้องพิสูจน์กันต่อ” แดนนีและไมเคิลระบุ โดย A24 ก็ประกาศอย่างเป็นทางการเรียบร้อย
สำหรับใครที่อดใจรอกำหนดฉายอย่างเป็นทางการไม่ไหว Talk to Me ยังเปิดรอบ ‘Sneak Preview’ ให้รับชมกันเนิ่นๆ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม-6 กันยายน 2023 ในโรงภาพยนตร์ที่ร่วมรายการ
อ้างอิง
https://www.digitalspy.com/movies/a44658940/talk-to-me-rotten-tomatoes-score/
https://www.escapistmagazine.com/talk-to-me-is-a-social-media-horror-for-gen-z/
https://www.majorcineplex.com/movie/talk-to-me
https://www.rogerebert.com/interviews/talk-to-me-interview
Tags: ไนท์เอดจ์พิคเจอร์ส, ฉายแสงแอดเวนเจอร์, Talk to Me, พี่น้องฟิลลิปปู, จับมือผี, ปัญหาสุขภาพจิต, Gen Z, เจน Z, หนังผี, มือผีสิง, หนังสยองขวัญ, Michael Philippou, ภาพยนตร์, Danny Philippou, คนรุ่นใหม่, Night Edge Pictures, A24