“สิ่งที่ต้องคงไว้คือตัวตนของกลุ่มหมวกฟาง” อ.โอดะเปรียบตนเองดัง ‘สุนัขเฝ้ายาม’ ที่คุม One Piece live-action ดุจต้นฉบับ

เวลานี้คงสิ้นข้อสงสัยแล้วว่า One Piece live-action คือผลงานเพียงไม่กี่เรื่อง ที่ดัดแปลงจากต้นฉบับมังงะแล้วประสบความสำเร็จ ถึงขั้นได้รับคำชื่นชมจากแฟน One Piece ล้นหลาม บ้างก็ว่าในส่วนเนื้อเรื่องสามารถเก็บองค์ประกอบและจุดเด่นจากมังงะได้ครบถ้วน (หากไม่นับเรื่องดาบของตัวละครโซโล ที่งอระหว่างการต่อสู้)

รวมถึงในส่วนของการคัดเลือกนักแสดงที่มาสวมบทตัวละครกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ก็ทำได้ยอดเยี่ยม สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณทุกกระเบียดนิ้ว ราวกับหลุดมาจากหน้ากระดาษ

แต่กว่า One Piece live-action จะออกมายอดเยี่ยมเพียงนี้ เออิจิโร โอดะ (Eiichiro Oda) เจ้าของมังงะ ต้องคอยควบคุมเบื้องหลังและใช้เวลาดูแลในส่วนการผลิตอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนเขาเปรียบเปรยตนเองว่า แทบจะเป็น ‘หมาเฝ้ายาม’ (acted as a guard dog) ให้กับซีรีส์เรื่องนี้ไปแล้ว

ในการสัมภาษณ์กับ ET Canada นิตยสารชื่อดังจากประเทศแคนาดา โอดะอธิบายว่าสิ่งที่ทำให้ One Piece live-action มีผลลัพธ์ออกมาได้ดีเทียบเคียงเวอร์ชันมังงะและอนิเมะนั้น เพราะแนวคิดการสร้างที่เคารพต่อต้นฉบับ

“ถ้าให้ยกตัวอย่างมังงะที่ถูกสร้างเป็นซีรีส์หรือภาพยนตร์ฉบับคนแสดงแล้วประสบความสำเร็จล่ะก็ ผมว่าคงไม่มีใครตอบได้ เพราะส่วนใหญ่มักประสบความล้มเหลวตลอด ดังนั้น นี่จึงเป็นงานท้าทายมาก ว่า Netflix จะทำอย่างไรให้ One Piece live-action ไม่พบจุดจบซ้ำรอยดังเรื่องที่ผ่านๆ มา

“โชคดีที่ทาง Netflix ยืนกรานชัดเจนว่า จะไม่ฉายซีรีส์เรื่องนี้จนกว่าผมจะพอใจและยอมรับในคุณภาพงาน ฉะนั้นงานของผม คือต้องอ่านสคริปต์ จดบันทึกข้อผิดพลาด และทำหน้าที่ดังสุนัขเฝ้ายาม เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่ถูกดัดแปลง จะถูกต้อง เพื่อให้แฟนของ One Piece ประทับใจ

“ผมว่าสิ่งสำคัญที่ต้องคงเอาไว้ คือตัวตนของกลุ่มหมวกฟาง เราต้องเคารพเรื่องนี้ให้มากๆ เพราะนี่คือสิ่งที่แฟนของเรารัก และทำให้ One Piece คงอยู่จนถึงทุกวันนี้”

จุดที่น่าสนใจประการแรกของ One Piece live-action คือการคัดเลือกนักแสดงที่มารับบทเด่นได้สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะคาแรกเตอร์ ‘ลูฟี่’ ตัวเอกของเรื่อง ที่ ‘อินากี้ โกดอย’ (Iñaki Godoy) ผู้รับบทบาทนี้ ที่ก่อนถ่ายทำลงทุนล่องไปในทะเลแคริบเบียนกับในฐานะลูกเรือลำหนึ่ง เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตกินอยู่แบบโจรสลัด

ด้านนักแสดงคนอื่นๆ ที่เป็นแฟนคลับเดนตายของ One Piece ก็สามารถเข้าถึงบทบาทตัวละครได้แนบเนียนทั้งในจอและนอกจอ ราวกับว่านี่เป็นบุคลิกและอุปนิสัยของพวกเขาจริงๆ

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถือเป็นการทำงานอันทุ่มเทของอาจารย์โอดะและเหล่าทีมงาน ที่หวังขยายเรื่องราวกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จึงน่าติดตามต่อ ว่าในซีซันที่ 2 นั้น ซีรีส์เรื่องนี้จะยังคงรักษามาตรฐาน และสามารถตอบสนองความคาดหวังของแฟน One Piece ได้ต่อหรือไม่