ทุกคนต้องการหาตัวตน เพราะฉะนั้น พวกเราล้วนต้องต่อสู้กับความยากลำบาก – ณัฐพงศ์ ดาววิจิตร กล่าวถึงที่มาที่ไปของนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของเขา ‘DILEMMA’
นิทรรศการเดี่ยว DILEMMA เป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ของการเป็นนักวาดภาพประกอบและกราฟิกดีไซเนอร์ของณัฐพงศ์ และเป็นงานที่ได้เห็นพัฒนาการอันก้าวกระโดด ทั้งตัวผลงาน เรื่องราว มุมมอง ความคิดที่ถ่ายทอดออกมาในชิ้นงาน
สำหรับงานภาพประกอบของณัฐพงศ์ เขามักใช้คนเป็นประเด็นหลัก งานของเขาละเอียดอ่อน วาดคนตัวเล็กๆ ทำท่าทางต่างๆ แทรกด้วยวัตถุเล็กๆ กระจายตัวกันไปบนเฟรมภาพทั้งหมด ภาพของเขาน่ารัก เข้าถึงได้ เข้าใจง่าย แต่ก็ทำให้เราใช้เวลาอยู่กับมันได้นานเพราะอยากเห็นรายละเอียดที่ตั้งใจใส่ลงไปในทุกจุด ผนวกกับการใช้คู่สีที่น่ารัก โดยเฉพาะสีฟ้าจับคู่กับแดงที่ดูจะเป็นสีโปรดที่สุด ทำให้เป็นจุดเด่นที่ทุกคนจดจำณัฐพงศ์ได้
แต่ในการทำงานคงไม่มีใครอยากเดินอยู่กับที่ตลอดเวลา เพราะชีวิตคือความไม่คงที่ ทุกคนเปลี่ยนไปในทุกวันเสมอ ต่างต้องการการเติบโตในสายงานหรือมีจุดเป้าหมายชีวิตใหม่ โดยเฉพาะคนที่ทำงานศิลป์ทุกคนต้องออกวิ่งเพื่อค้นหาตัวเองในด้านใหม่ๆ มานำเสนออยู่ตลอด
ความยากของการทำงานสายออกแบบและภาพประกอบ คือการที่สไตล์งานของเรามีโอกาสไปใกล้กับงานของคนอื่นได้ แต่สไตล์งานก็คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเป็นที่จดจำจากบุคคลภายนอก และทำให้ผู้คนวิ่งเข้าหาในยามที่ต้องการงานออกแบบสไตล์นั้นๆ
“สไตล์เดิมมันก็ทำให้เราได้งาน มันง่าย คนก็จำได้ แต่เราว่ามันคงเฉาถ้าต้องทำแบบเดิมไปตลอดชีวิต” ณัฐพงศ์บอก และดูเหมือนว่านักออกแบบทุกคนล้วนเจอสถานการณ์เดียวกัน หากทำงานด้านกราฟิกและภาพประกอบมาระยะเวลาหนึ่ง ก็คิดว่าถึงเวลาที่ควรจะค้นหาอะไรใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ไม่ใช่แค่ตอบสนองกับความต้องการของตัวเอง แต่ก็เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ในสายงานด้วย
จุดเริ่มต้น DILEMMA ของณัฐพงศ์เกิดจากเหตุการณ์ชีวิตหลายอย่างรวมกัน ประเด็นหลักคือการค้นหาสไตล์และนำเสนอตัวตนใหม่ๆ งานภาพประกอบของณัฐพงศ์เปลี่ยนไปค่อนข้างมากในช่วงเวลาสั้นๆ ถึงแม้เขายังพูดถึงเรื่องคน และใช้สี รูปทรงต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่ก็ตาม แต่เขาเกิดความสงสัยว่า ถ้าการวาดคนในรูปร่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้แบบเดิมทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบ แล้วถ้าลองถอยออกมาจนรูปทรงของคนมันผิดเพี้ยน และเหลือรายละเอียดน้อยที่สุด คนจะยังชอบงานของเขาอยู่ไหม? และถ้าลองก้าวขาออกจากความเป็นนักออกแบบ เข้าไปสู่การเป็นศิลปินมันจะเป็นอย่างไร?
ภาพเพ้นท์และงานปั้นที่มีคนท่าทางแปลกประหลาด ถ่ายทอดถึงท่าทางของคนที่กำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นท่าของคนที่กำลังต่อสู้กับความยุ่งเหยิงในใจ คนที่กำลังต่อสู้กับแรงกดดันภายนอก หรือคนที่เจอกับเหตุการณ์หลากหลายจนทำให้ตัวเราผิดเพี้ยนเปลี่ยนไป ซึ่งณัฐพงศ์ถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้อย่างชัดเจน และก็คิดว่า ผู้ชมหลายคนน่าจะรับรู้ความกระเสือกกระสนดิ้นรนของชีวิตได้
งานภาพประกอบของเขาในสมัยก่อนทำให้รู้สึกว่า เรากำลังเป็นใครสักคนที่มองคนตัวเล็กๆ คนอื่นรอบตัวเรา มองเห็นชีวิตในมุมมองกว้างๆ และมีเรื่องของการกระทำเป็นหลักใหญ่ แต่งานชุดนี้ เหมือนว่าเราตัดคนอื่นออกไปแล้วพูดคุยกับตัวเองมากขึ้น กลายเป็นคนตัวใหญ่เพียงคนเดียว ที่สื่อสารด้วยเรื่องของอารมณ์ ความคิด มีความเป็นปัจเจกมากขึ้น และด้วยพื้นฐานของการเป็นนักออกแบบ ณัฐพงศ์จึงยังสร้างงานที่คำนึงถึงผู้ชมอยู่ เรื่องที่เล่าออกมา สามารถส่งไปถึงผู้ชม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เมื่อเทียบกันแล้วงานสไตล์นี้อาจจะ ‘ติสต์’ ไปหน่อยสำหรับการเป็นภาพประกอบ (แปลว่ามันขายยาก) และณัฐพงศ์ก็มองว่า ตัวเองยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่วงการงาน fine art แบบเต็มตัวที่จะสร้างความมั่นคงจากงานสไตล์นี้ งานนี้ในตัวมันเองจึงถือว่าเป็นอีก Dilemma หนึ่งที่ทำให้ต้องเอากลับไปคิดกันจนปวดหัว (มาถึงตรงนี้ คนทำงานสายศิลปะคงเข้าใจ เพราะเรื่องปากท้องน่ะมันสำคัญ)
สำหรับคนที่ทำงานมาพักหนึ่ง อาจจะสัมผัสถึงสิ่งที่ณัฐพงศ์ต้องการจะสื่อได้อย่างดีมาก หรือนี่อาจเป็นปัญหาของ mid-20s crisis ที่กำลังเริ่มเบื่อกับการทำสิ่งที่ทำอยู่ และกำลังมองหาเป้าหมายชีวิตใหม่ๆ ยังเป็นวัยที่โหยหาความก้าวหน้า แต่ประสบการณ์ก็ยังไม่มากพอ และการเริ่มอะไรใหม่ตามใจอยากก็เป็นเรื่องน่าหวาดหวั่น เพราะชีวิตไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น
เมื่อกลับมาคิดดีๆ เรามองว่าในทุกช่วงวัย ทุกจังหวะของชีวิต ทุกคนน่าจะต้องเผชิญกับสภาวะต่อสู้กับตัวเอง ความกระอักกระอ่วน ความสับสนและทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่มีจุดสิ้นสุด แม้ว่าจะมีปัจจัยที่แตกต่างกันออกไป แต่สภาวะเหล่านี้ก็จะกลับเข้ามาทักทายเรา เป็นเหมือนเพื่อนเก่าแก่ที่เราคุ้นเคยดี (แต่ไม่อยากเจอ) DILEMMA จึงน่าจะทำงานกับความรู้สึกของผู้ชมได้หลายช่วงวัย
งานชุด DILEMMA แสดงเอกลักษณ์ของณัฐพงศ์ออกมาอย่างเต็มที่ สมกับเป็นงานนิทรรศการครั้งแรก มันไม่ได้นำเสนอเรื่องราวด้วยเทคนิคศิลปะแปลกใหม่ หรือใช้เทคโนโลยีต่างๆ เป็นสื่อนำเสนองาน มีเพียงกระดาษ ผ้าใบ และสี เป็นการบอกเล่าความรู้สึกนึกคิดของคนหนึ่งคนอย่างเรียบง่าย สามารถเข้าไปแตะความรู้สึกภายในใจได้
ในสภาวะ DILEMMA ที่พบเจอ ณัฐพงศ์มองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่ม ตัวเขามองว่า ยังต้องพัฒนาอีกโดยเฉพาะงานทางด้าน fine art ซึ่งชวนให้เรารอติดตามว่า เขาจะผสานความสามารถด้านงานออกแบบ กับงานศิลปะออกมาในรูปแบบไหนอีก
แต่ก่อนอื่น เรามาสัมผัสการต่อสู้ของคนกับ DILEMMA ที่บอกเล่าโดยณัฐพงศ์ แล้วลองดูว่าเราเองกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่จริงไหม?
Fact Box
- งานนิทรรศการ DILEMMA โดย ณัฐพงศ์ ดาววิจิตร จัดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ตุลาคม ที่ Goose Life Space (BTS สนามเป้า ทางออกที่ 3) https://www.facebook.com/events/1905812059721750/
- ติดตามผลงานของณัฐพงศ์ได้ที่ https://www.facebook.com/Nut.Daovichitr