เราต่างรู้สึกกันใช่ไหม ว่าคนรอบตัวเป็นโรคซึมเศร้ากันเพิ่มมากขึ้น เรื่องนี้ไม่ได้คิดไปเอง ล่าสุดมีตัวเลขจากในสหรัฐอเมริกาที่พบว่า คนเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี 2013 กับ 2016

ตัวเลขนี้มาจากข้อมูลของผู้ทำประกันสุขภาพในสหรัฐอเมริกา 41 ล้านคน ที่ทำประกันกับบริษัทบลูครอสบลูชิลด์ (Blue Cross Blue Shield) พบว่าในปี 2016 มีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มากกว่า 9 ล้านคน แม้ตัวเลขนี้จะไม่ใช่ภาพแทนที่ครบถ้วน แต่ก็พอบอกอะไรได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ที่อาศัยในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ก็ต้องทำประกันสุขภาพกับเอกชน

โรคซึมเศร้าอาจจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม ชีววิทยา สิ่งแวดล้อม และจิตวิทยา เมื่อดูในภาพรวม พบว่าชาวอเมริกันเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอายุ แต่กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นมีอัตราเพิ่มเร็วมากที่สุด

เมื่อจำแนกตามอายุ คนหนุ่มสาวและวัยรุ่นมีประสบการณ์เป็นโรคซึมเศร้าในอัตราที่เร็วมาก วัยรุ่นที่อายุ 12-17 ปี เป็นโรคซึมเศร้าจำนวน 2.6% เพิ่มขึ้น 63% จากปี 2013 ที่มีจำนวน 1.6% ส่วนคนหนุ่มสาวที่อายุระหว่าง 18-34 ปี ในปี 2016 เป็นโรคซึมเศร้า 4.4% เพิ่มขึ้น 47% จากปี 2013 ที่มีจำนวน 3%

กลุ่มอายุที่มีคนเป็นโรคซึมเศร้าสัดส่วนสูงที่สุด คือผู้ใหญ่ที่อายุระหว่าง 35-49 ปี จากการสำรวจพบว่า ปี 2016 มีผู้ใหญ่ 5.8% เป็นโรคซึมเศร้า ขณะที่สามปีก่อนหน้านี้มี 4.6%

อัตราการเป็นโรคซึมเศร้าแตกต่างกันในแต่ละรัฐ ในโรด ไอส์แลนด์มีอัตราโรคซึมเศร้ามากที่สุดคือ 6.4% ส่วนที่ฮาวายมีน้อยที่สุดเท่ากับ 2.1%

“อัตราคนเป็นโรคซึมเศร้าที่สูงขึ้นในกลุ่มผู้ใหญ่และคนหนุ่มสาว จะส่งผลกระทบทางสุขภาพอย่างสำคัญในทศวรรษที่กำลังจะมาถึง” เทรนท์ เฮย์วูด รองประธานอาวุโส ของบลูครอสกล่าวในแถลงการณ์

บริษัทประกันบอกว่า โรคซึมเศร้าเป็นภาวะที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ซื้อประกันมากเป็นอันดับที่สอง รองจากความดันโลหิตสูง เพราะว่าผู้ที่มีภาวะซึมเศร้ามักมีแนวโน้มจะมีปัญหาสุขภาพอื่นด้วย เช่น โรคเรื้อรัง หรือการใช้ยาในทางที่ผิด

รายงานยังระบุว่า “มีการคาดการณ์ว่าในปี 2030 โรคซึมเศร้าจะเป็นสาเหตุอันดับแรกที่ทำให้อายุสั้นลง ทั้งหญิงและชายจะมีอายุสั้นลงเฉลี่ย 9.7 ปี”

นอกจากรายงานของบลูครอสบลูชิลด์แล้ว บริษัทประกันสุขภาพอื่นๆ เช่น ซิกน่า (Cigna) ก็พบว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่รู้สึกโดดเดี่ยว ส่วนสมาคมจิตแพทย์อเมริกันสำรวจความคิดเห็นพบว่า คนอเมริกันเกือบ 40% มีความวิตกกังวลมากกว่าปีก่อน

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจากรายงานนี้คือ อัตราการเป็นโรคซึมเศร้าที่สูงในเด็กและคนหนุ่มสาว และความเสี่ยงยิ่งมากขึ้นถ้าไม่ได้รับการรักษา

 

ที่มา:

Tags: ,