“หากวันนี้ต้องตาย ยังเสียดายเรื่องอะไรบ้าง?”

ประโยคคำถามชวนฉุกคิดจากนิทรรศการ ‘30 Secs Before Death’ ห้องทดลองสัมผัสประสบการณ์ก่อนตาย กับ 30 วินาทีสุดท้ายในชีวิต จาก Deadline Always Exists 

30 Secs Before Death นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Bangkok Design Week 2023 ที่จัดขึ้นในแซนด์บ็อกซ์ครีเอทีฟสตูดิโอ (Inside the Sandbox Creative Studio) ใกล้กับ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ เปิดโอกาสให้ผู้สนใจในเรื่องของชีวิตและความตายมีส่วนร่วมกับกิจกรรม ด้วยการจำลองห้องสี่เหลี่ยมมืดสนิท เต็มไปด้วยจอภาพที่ปรากฏให้เห็นถึงเรื่องราวของตนเอง ผ่านภาพถ่ายของตนเอง ครอบครัว คนสำคัญ และเหตุการณ์ที่อยากจดจำก่อนตาย ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมเลือกส่งเข้ามา และนำไปสร้างสรรค์เพื่อจำลองประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมได้ฉุกคิดถึงชีวิตของตนเองว่า พร้อมที่จะไปจากโลกนี้จริงๆ หรือไม่ หากต้องจากไปจริงๆ ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า มีอะไรที่ยังค้างคาและเสียดายที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอีกต่อไปหรือไม่ 

นอกจากจะได้สัมผัสประสบการณ์ครึ่งนาทีก่อนความตายบนโลกแห่งความจริงแล้ว The Momentum จึงถือโอกาสนี้พูดคุยกับ มินนี่-เมธาวจี สาระคุณ ผู้บุกเบิกแนวคิดในการจัดนิทรรศการ 30 Secs Before Death 

‘Deadline is my inspiration’ 

ในชีวิตที่มีแต่ยังไม่ใช้ 

ในความต้องการที่ยังไม่ได้ลงมือทำ 

ในสังคมที่คนเป็นใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนตาย 

บางที Deadline อาจจะเป็น Inspire ให้คุณกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง

นี่คือคอนเซปต์งานที่เมธาวจีได้กล่าวเอาไว้ เธออธิบายว่า ‘เดดไลน์’ จะทำให้มนุษย์เราตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่างได้ง่ายขึ้น ชีวิตของเราเองก็มีเดดไลน์เช่นกัน ซึ่งเดดไลน์ของชีวิตที่ว่านี้ก็คือ ‘ความตาย’

“ชีวิตมันก็มีเดดไลน์ของมันเหมือนกัน ก็คือความตาย แต่เราแค่ยังมองไม่เห็นความตายนั้น ไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของเราก็ได้ มันไม่มีสัญญาณเตือน การที่ระลึกไว้ว่าเราสามารถตายได้ทุกเมื่อ มันคือการใช้ชีวิตอย่างมีสติ เราก็จะลงมือทำอะไรง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คนที่มินเคยเจอ เขามาเล่นนิทรรศการของมิน เสร็จแล้วกลับไปบอกรักคนที่เขารักเลย เพราะเขาบอกว่าถ้าฉันต้องตายวันนี้ ฉันเสียดายที่ฉันยังไม่ได้บอกรัก”

3 ปีมาแล้วที่ Deadline Always Exists เพจเฟซบุ๊กอันเปรียบเสมือนพื้นที่เล็กๆ ในการสนับสนุนให้ความเศร้าเป็นเรื่องที่เล่าได้ในสังคมได้ถือกำเนิดขึ้น เธอและทีมงานมักจะได้รับข้อความจากผู้คนจำนวนมากที่ส่งเข้ามาบอกว่า ‘อยากตาย’ ‘อยากหายไปจากโลกนี้’ หรือ ‘อยากฆ่าตัวตายจัง’ อยู่บ่อยครั้ง นิทรรศการนี้จึงเกิดขึ้นได้เพราะอยากช่วยให้คนเหล่านี้หรือทุกคนได้ตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ และได้กลับมาทบทวนกับตัวเองอีกครั้งว่าเราพร้อมที่จะตายจริงๆ หรือไม่

“ที่ผ่านมาเรามักพบกับคนที่อยากตายอยู่เสมอ ทำให้เราอยากทำงานสักงานหนึ่งเพื่อเขา เพื่อให้เขารู้สึกว่า จริงๆ แล้ว ชีวิตมันมีอะไรมากมายให้เขายังอยู่ โดยที่เขายังไม่ต้องตายก็ได้ เพื่อให้เขาได้ตามหาความหมายของชีวิต จึงเกิดเป็นงานนี้ขึ้นมา เมื่อก่อนถ้าเราพูดถึงเรื่องความตาย จะมีข้อกำหนดของสังคมว่าอย่าพูดถึงความตาย เพราะจะเป็นลางไม่ดี แต่จริงๆ แล้วความตายก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่เหมือนกัน ทำให้เรามองว่าจริงๆ แล้วเราอาจจะยังไม่ได้พร้อมตายขนาดนั้น”

นอกจากนี้ เธอยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าความตายถือเป็นตัวกำหนดหรือเป็นนิยามในดำเนินชีวิตของเราได้เช่นกัน โดยมองว่าคนที่มีความเชื่อเรื่องความตายแบบหนึ่ง จะดำเนินชีวิตแบบหนึ่ง นั่นหมายความว่าคนที่เชื่อว่าตัวเองสามารถตายได้ตลอดเวลา เขาจะดำเนินชีวิตแบบหนึ่ง เพราะรู้สึกว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายแล้วก็ได้ และอีกฝั่ง คนที่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถตายได้ในเร็วๆ นี้ ก็จะดำเนินชีวิตอีกแบบหนึ่ง เพราะเขาคิดว่าเขามีเวลาอีกเหลือเฟือ ทว่าความจริงแล้วความตายเป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอในสักวัน

“ตอนนี้มินว่าคนยุคปัจจุบันคิดถึงแต่ภาพในอนาคตว่าฉันจะเป็นใครในอีก 10 ปีข้างหน้า ฉันจะมีความสุขแน่ๆ เพราะว่าฉันกำลังจะทำสิ่งต่างๆ แต่วันนี้ฉันจะอดทนก่อนเพื่อที่ 10 ปีข้างหน้า ฉันจะมีความสุข ซึ่งความจริงแล้วสิ่งที่เรามีทั้งหมดตอนนี้มันคือการใช้ปัจจุบันให้เต็มที่ที่สุด 

“คุณไม่รู้หรอกว่าอนาคตที่คุณฝันถึงมันจะไปถึงเมื่อไร หรือจะมีโอกาสไปถึงไหม ลงมือทำสิ่งที่อยากจะทำในตอนนี้เลยดีกว่า เพราะความตายเป็นจุดจบ เราจะไม่ได้เรียนรู้อะไร หรือมีโอกาสใช้ชีวิตหลังจากนั้นอีกแล้ว ดังนั้น มินว่างานนี้เป็นงานซ้อมตายที่จะให้คุณลองสำรวจชีวิตของคุณ แล้วตอบคำถามว่าตัวเองว่าสุดท้ายแล้ววันนี้เรายังไม่ตาย เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่ออะไร”

ก่อนบทสนทนาทั้งหมดจะจบลง The Momentum หยิบคำถามบางส่วนที่ถูกใช้ถามผู้เข้าร่วมนิทรรศการ 30 Secs Before Death ย้อนกลับมาถามผู้จัดเสียเอง

หากวันนี้ต้องตาย จะเสียดายเรื่องอะไรบ้าง? 

“ถ้าเป็นมินเมื่อ 3 ปีก่อน มินคงตอบว่าไม่เสียดาย แต่หลังจากทำ Deadline Always Exists มา 3 ปี ถ้าจะต้องตาย มินรู้สึกว่าเสียดายอนาคต เสียดายชีวิตที่ใช้แล้วแต่ยังใช้ได้อีก เรื่องดีๆ ที่อาจจะเกิดในอนาคต มินเสียดายทั้งหมด

“ชีวิตมินไม่ได้ดีนะ ความจริงแล้วชีวิตมินที่มีเรื่องแย่ๆ เยอะด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้ต้องเดินต่อคือคนรอบข้าง แฟน เพื่อน คือสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ความสุขไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่เสมอไป มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ การทำงานแล้วมีโอกาสได้พัก รู้สึกว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้ทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

“มินว่าการใช้ชีวิตคือการตามหาความหมายของชีวิต ซึ่งความหมายของการใช้ชีวิตแต่ละช่วงอายุก็ไม่เหมือนกัน อย่างตอนนี้ ความหมายในการใช้ชีวิตของมินคือการได้อยู่กับแฟน ได้อยู่กับเพื่อน ได้ทำงาน แต่ถ้ามินอายุมากขึ้น โจทย์ของมินก็จะเปลี่ยนไปแล้ว มินก็จะใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง มินว่าชีวิตมันเกิดมาเพื่อตามหาความหมายทีว่านี้นี่แหละ”

Tags: , , , , ,