การประท้วงในกรุงซานติอาโก เมืองหลวงของประเทศชีลี เกิดจากกลุ่มนักเรียนประท้วงการขึ้นค่ารถไฟใต้ดินจาก 800 เปโซเป็น 830 เปโซ (จากราว 34 บาทเป็น 35 บาท) ในชั่วโมงเร่งด่วน หลังจากเมื่อเดือนมกราคมเพิ่งขึ้นไป 20 เปโซ (ราว 0.85 บาท) ด้วยการไม่ยอมจ่ายค่าโดยสาร ก่อนประเด็นจะขับเคลื่อนไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ค่าครองชีพและอัตราอาชญากรรมที่สูงขึ้น
เหตุการณ์การประท้วงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงปะทะกับเจ้าหน้าที่ มีการวางเพลิงและทำลายสำนักงานใหญ่ของบริษัทไฟฟ้า ธนาคาร หนังสือพิมพ์เอลเมร์กูรีโอ สถานีรถไฟใต้ดิน ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง และธุรกิจร้านค้าอื่นๆ ในเมืองหลวง โดยทางการมีการส่งทหารและตำรวจราว 9,500 นาย เข้าระงับการประท้วงด้วยการยิงแก๊สน้ำตาและน้ำแรงดันสูง
ประธานาธิบดี เซบาสเตียน ปินเยรา ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในวันเสาร์ และมีการแถลงทางโทรทัศน์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมไปถึงประกาศยกเลิกแผนการขึ้นค่ารถไฟใต้ดิน พร้อมทั้งขยายภาวะฉุกเฉินครอบคลุมกรุงซานติอาโกและอีก 9 แคว้นในภาคเหนือและใต้ แต่สถานการณ์ยังคงคุกรุ่น มีรายงานว่าจนถึงตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 15 ราย และถูกจับกุมกว่า 1,400 คน แต่ผู้ชุมนุมประท้วงก็ยังไม่ยอมสลายตัว
ล่าสุดในการชุมนุมประท้วงในคืนที่ 15 ประธานาธิบดี เซบาสเตียน ปินเยรา ได้ประกาศนโยบายสวัสดิการพื้นฐาน โดยจะเพิ่มเงินบำนาญพื้นฐาน 20% และเสนอกฎหมายให้รัฐช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่มีราคาแพง รวมไปถึงการเพิ่มค่าแรงของผู้ที่มีรายได้ต่ำ และเพิ่มอัตราการเก็บภาษีแก่ผู้ที่มีรายได้สูง
อ้างอิง
https://www.bbc.com/news/world-latin-america-50148714
ภาพ : Rodrigo Garrido, Edgard Garrido, Ivan Alvarado/REUTERS
Tags: การประท้วง, ชิลี, เซบาสเตียน ปินเยรา