ไม่นานมานี้ The World’s 50 Best เว็บไซต์จัดอันดับโรงแรมชื่อดังประกาศจัดอันดับ 100 โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ปรากฏชื่อของ ‘โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ’ ติดอยู่ในลำดับที่ 60 นับเป็นก้าวสำคัญภายหลังการกลับมาเปิดตัวต้อนรับแขกเต็มรูปแบบในระยะเวลาเพียง 1 ปี

ชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ The Momentum ว่า ในระยะเวลาเพียง 1 ปีที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กลับมาเปิดต้อนรับแขกผู้เข้าพัก สามารถคว้ารางวัลมิชลิน คีย์ (MICHELIN Key) และติดอันดับ 60 โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก นับเป็นความภูมิใจของชาวดุสิตธานี และทำให้รู้สึกว่าการปิดโรงแรมเดิมเป็นเวลา 5 ปีนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

รักษาการประธานกรรมการดุสิตธานีให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 30-40 ปีก่อน ห้องพักขนาด 30 ตารางเมตรถือว่าใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคู่แข่งเริ่มมีการปรับไซซ์ห้องให้ใหญ่ขึ้นเป็น 45-60 ตารางเมตร แต่โครงสร้างเก่าของโรงแรมดุสิตธานีเดิม ‘ไม่สามารถรองรับได้’ ตนจึงไปศึกษาโรงแรมที่ต่างประเทศเป็นเวลากว่า 8 ปี ก่อนจะตัดสินใจทุบตึกโรงแรมเดิม เพื่อสร้างโรงแรมใหม่ให้รองรับกับความต้องการของตลาด

ชนินทธ์เล่าต่อว่า แม้ในช่วงแรกจะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมและทีมงานภายในอยู่ไม่น้อย แต่ก็เจรจาอยู่หลายครั้งกับการ ‘อนุรักษ์’ เอกลักษณ์เดิมของโรงแรมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของเสาที่ออกแบบโดย ท่านกูฏ-ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ ศิลปินชั้นครูผู้บุกเบิกจิตรกรรมฝาผนังไทยร่วมสมัย ที่มีน้ำหนักกว่า 5 ตัน หรือ ‘ยอดชฎาสีทอง’ ที่เป็นเอกลักษณ์เดิมของดุสิตธานี โดยได้รับความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยศิลปากรเข้ามาช่วยดูแลงานอนุรักษ์ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ชนินทธ์เห็นว่า ในการลงทุนทำโรงแรมใหม่นั้น ต้องไม่มีแค่โรงแรมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีแหล่งรายได้ระยะสั้น ที่ทำเงินให้กับดุสิตธานีด้วย ประกอบกับเหตุผลที่ในย่านพระราม 4 ยังไม่มีพื้นที่แหล่งการค้าสักเท่าไร จึงเป็นเหตุผลที่โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Central Park) จะต้องมีพื้นที่เรซิเดนซ์ ออฟฟิศ และพื้นที่รีเทลในโครงการเดียวกัน

นอกจากนั้นบนพื้นที่ดาดฟ้าของศูนย์การค้าดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ยังมี ‘ดุสิตอรุณ’ สวนลอยฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจตจำนงร่วมของสำนักงานพระคลังข้างที่และดุสิตธานี ที่ต้องการทำ ‘พื้นที่สาธารณะ’ ให้กับชุมชน สามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ ขณะเดียวกันยังช่วยลดมลภาวะ PM2.5 ที่อยู่ในอากาศได้ด้วยจากต้นไม้ขนาดเล็กที่ปลูกอยู่บนสวนลอยฟ้าแห่งนี้

“ดุสิตอรุณเป็นความตั้งใจของกลุ่มดุสิตธานี ที่จะมอบพื้นที่สีเขียวของประชาชนที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีที่จะตอบแทนสังคม และสร้างความยั่งยืนผ่านโครงการสวนดุสิตอรุณ” รักษาการประธานกรรมการดุสิตธานีกล่าว

ทั้งนี้ชนินทธ์ยังเล่าถึงเกร็ดเล็กๆ ของการออกแบบสวนแห่งนี้ได้อย่างน่าสนใจว่า ซินแซจากเกาะฮ่องกงแนะนำให้ทำสวนที่มีความลาดเอียง ไม่ใช่สวนที่ตั้งราบอยู่บนดาดฟ้าเท่านั้น เพราะสวนแห่งนี้จะ ‘โอบรับ’ และ ‘กักเก็บ’ พลังงานที่ดี ไม่ใช่การสะท้อนพลังงานที่ดีออกไป

ชนินทธ์เล่าต่อว่า แม้โรงแรมดุสิตธานีเดิมจะไม่อยู่แล้ว แต่จิตวิญญาณของดุสิตธานียังคงอยู่ คือต้องการเป็นตัวแทนแห่งความอบอุ่น งดงาม รวมถึงเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ประเทศไทยยังมี ‘โรงแรมสัญชาติไทย’ ที่ให้บริการระดับสากล สามารถยืนอยู่ระดับเดียวกับเครือใหญ่ของต่างประเทศได้

“ทั้งหมดคือจิตวิญญาณความเป็นดุสิตธานี ที่แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป แต่การบริการที่อบอุ่นยังคงอยู่มาตั้งแต่ปี 2513 เพื่อสร้างความประทับใจที่ได้รับเกียรติเป็นโรงแรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก” ชนินทธ์ทิ้งท้าย

Tags: , , , , ,