“มันเป็นเรื่องของเพื่อนรักสองคน…ต้าเกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่ถูกเลี้ยงดูมาแบบที่ไม่ได้รับความอบอุ่น จึงมีเพียงเพื่อนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว และเอกที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่พร้อม มีเพียงย่าที่เลี้ยงดูเขา เด็กหนุ่มทั้งสองใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา เป็นนักเลงและเข้าสู่ขบวนการค้ายาเสพติด ในที่สุดทั้งสองต้องประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน ต้าเสียชีวิตจากโรคเอดส์ ส่วนเอกต้องติดคุก …”

อ๋น-ภนุกูล ศิริวรรณา เล่าเรื่องย่อของภาพยนตร์สั้นซึ่งมีเค้าโครงมาจากชีวิตของเขาให้ผมฟัง ตอนนี้หนังถ่ายทำจนเกือบจบแล้ว และกำลังจะเข้าสู่กระบวนการตัดต่อ เขาบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเสร็จภายในเดือนหน้า

ก่อนหน้านั้นสองปี อ๋นมาหาเรา—คือผม และเอ๋ ศิริพร ฉายเพ็ชร น้องจาก มอส. (มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม) ที่ร้านข้าวแกงหน้าวัดร่ำเปิง จังหวัดเชียงใหม่ อ๋นเป็นคนเฮฮา เขาคุยสนุก และเป็นกันเองเฉพาะกับเอ๋ ผู้ที่พาผมมาถ่ายรูป กับผม เขาปรายตามามองเป็นระยะ แต่ยังไม่ได้เอ่ยปากคุยกัน นอกจากกล่าวสวัสดีทักทาย เขาคงอยากดูทีท่าผมก่อน

เรานั่งกินข้าวและคุยกันได้พักหนึ่งก่อนที่จะย้ายไปคุยกันต่อที่บ้านอ๋นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เขาแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อเอ๋เสนอว่าให้ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาไป ผมคิดว่าน่าจะดีที่ทำให้ผมก้าวเข้าไปสู่โลกของเขาอีกก้าวหนึ่ง แต่ก็เข้าใจดีว่าคนแบบเขาไม่น่าจะไว้ใจใครง่ายๆ คนที่เคยอยู่ในวงการนักเลง คงจะไม่ยอมให้ใครที่เพิ่งรู้จักกันมานั่งใกล้ๆ ลงเอยด้วยการที่อ๋นขี่มอเตอร์ไซค์นำหน้า และเราขับรถตามไปตามเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามซอกซอยเล็กๆ ไม่นานเราก็พบบ้านของอ๋น

ผมรู้มาคร่าวๆ ก่อนแล้วว่าอ๋นเป็นใคร และเคยทำอะไรมาบ้าง แต่เมื่อเขาเปิดโอกาสให้เราไปนั่งคุยกันที่บ้านของเขา ผมจึงอยากฟังเรื่องเล่าจากปากของเขาเองอีกครั้ง ผมอยากได้ยินน้ำเสียง เห็นแววตา และรับรู้อารมณ์ของเขา แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะถามดีไหม ผมหันไปหาเอ๋เชิงปรึกษา เอ๋พยักหน้า แล้วผมก็เริ่มคุยกับเขาสั้นๆ ก่อนถ่ายภาพ

“อ๋นติดคุกเพราะอะไร”

“ผมติดคุกเพราะฆ่าคนสองคน ตอนอายุ 17-18 ปี”

“ฆ่ายังไง”

“คนแรกปาดคอ คนที่สองแทง” อ๋นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนเล่าฉากต่อสู้ในหนังที่ดูมาหลายรอบแล้ว แต่คนฟังอย่างผมรู้สึกหวิวๆ ที่ลำคอ

“โกรธแค้นอะไรกัน”

“ก็เขม่นกัน”

จากคดีฆ่าคนตายสองศพ ศาลพิพากษาจำคุกเขา 60 ปี แต่ได้ลดโทษ เพราะอ๋นยังเป็นเยาวชน จึงเข้าไปอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนประมาณ 3 ปีครึ่ง ก่อนที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลังออกจากสถานพินิจฯ อ๋นตั้งแก๊งไอยราที่เชียงใหม่ ด้วยความเป็นคนมีประวัติโลดโผน จึงเป็นที่ยอมรับนับถือในหมู่วัยรุ่น ไม่นานเขามีลูกน้อง 500-600 คนเข้ามารวมอยู่ในกลุ่ม เมื่อกลุ่มขยายใหญ่เข้า เรื่องต่างๆ ก็ทยอยเข้ามาในวงจรชีวิตและส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องที่ฉุดเขาเข้าไปอยู่ในโลกด้านมืดขึ้นเรื่อยๆ อ๋นติดคุกบ่อยครั้งในข้อหาทะเลาะวิวาท พกอาวุธปืน และเกี่ยวพันกับยาเสพติด

เขาวนเวียนเข้าออกคุกเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของชีวิต จนคุกกลายเป็นเหมือนบ้านพักร้อน  

สายตาของอ๋นที่มองผมดูเป็นมิตรและมีความวางใจมากขึ้น เมื่อเราใช้เวลาคุยกันที่โต๊ะตรงชานบ้านไปได้สักพัก ผมขอเขาถ่ายภาพและขอให้เขาย้ายตำแหน่งถ่ายรูปไปมา เขาให้ความร่วมมืออย่างดี ผมมองหามุมไปรอบๆ บริเวณบ้าน เห็นพ่อของอ๋นซึ่งยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง แต่ดูเหมือนความผูกพันระหว่างพ่อลูกนั้นค่อนข้างห่างเหิน อ๋นไม่สนิทกับพ่อมากนัก ต่างคนต่างใช้ชีวิตเมื่อแม่ของเขาจากไปตั้งแต่อ๋นยังไม่รู้ความ ส่วนยาย, คนที่เขาเคารพรักและเลี้ยงดูเขามาตลอด นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ

“ถอดเสื้อหน่อยได้ไหมอ๋น ผมอยากเห็นรอยสัก”

อย่างไม่ต้องประวิงเวลา อ๋นถอดเสื้อโปโลสีน้ำตาลอ่อน เผยให้เห็นรอยสักแบบญี่ปุ่นอยู่ที่แผงหน้าอก และต้นแขน รอยสักนั้นเป็นรูปเป็นร่างแต่ยังลงสีไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ รอยสักนี้คงเป็นที่ระลึกของความห้าวในวัยหนุ่ม

อ๋นยืนอยู่ในแสงแดดรำไรหน้าฝาผนังไม้สีน้ำตาลเข้มที่ขับสีผิวสีน้ำตาลและรอยสักให้เด่นชัดขึ้น ผมมองผ่านวิวไฟน์เดอร์ ปรับโฟกัสที่ตาของเขา สิ่งที่ผมเห็นคือดวงตาที่ยังคงฉายแววกร้าว ดุดัน แม้ว่าอารมณ์ของเขาจะดูสงบนิ่ง แต่ราวกับว่าความร้อนระอุในวัยหนุ่มยังคุกรุ่นอยู่เสมอ มันแสดงตัวผ่านดวงตาแข็งกร้าวปนไปกับความรู้สึกบอบบาง ว้าเหว่ และเศร้า แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

แก๊งไอยรา ยาเสพติด การทะเลาะวิวาท ทั้งหมดนั้นเป็นอดีตไปแล้วเมื่ออ๋นตัดสินใจทิ้งสิ่งเหล่านั้นไว้ข้างหลัง อาจเป็นเพราะเขาเห็นคุณค่าในตัวเองที่จะทำอะไรได้มากกว่าที่เคยทำ อาจเป็นเพราะความไว้ใจและความปรารถนาดีของคนรอบข้าง และอาจเป็นเพราะความรักที่เขาได้รับ

ภาคสองของชีวิตอ๋นเริ่มจากการได้พบปะพูดคุย และพบความจริงใจจากคนบางกลุ่มที่พร้อมเปิดใจรับฟังเรื่องราวในชีวิตของเขา

4-5 ปีก่อน อ๋นโชคดีพอที่จะคว้าโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิต เมื่อตัดสินใจเข้าอบรมกับ มอส. แม้ว่าการเข้าไปร่วมกลุ่มในครั้งแรกๆ เกิดจากการอยากลอง อยากเที่ยวเล่น และอยากออกไปจากโลกใบเดิมเพียงชั่วครั้งชั่วคราวก็ตาม แต่กระบวนการเปิดใจรับฟัง การเขียนเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ การเห็นโลกที่เปิดกว้างและหลากหลาย เพื่อนและพี่ในสังคมกลุ่มใหม่ที่เปิดรับเขานั้นช่วยคลี่คลายชีวิตของอ๋นให้ไปสู่เส้นทางที่มีคุณค่ากับตัวเอง ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงทีละน้อย อ๋นเริ่มเห็นความเป็นไปได้อื่นๆ ในชีวิต เขาเริ่มห่างจากยาเสพติดจากเดิมที่คิดว่าไม่สามารถเลิกได้ เขาหางานทำ เขาเว้นระยะห่างจากเพื่อนกลุ่มเดิม เพื่อพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นทำได้ จากนั้นอ๋นก็กลับเข้าไปชักนำผู้คนเหล่านั้นให้เดินตาม

“อ๋น คราวหน้าถ้าผมอยากถ่ายภาพน้องๆ ของอ๋นเพิ่มได้ไหม” ผมถามเพราะอยากรู้จักคนแบบอ๋นเพิ่มขึ้น

“พี่จะเอากี่คน” อ๋นถาม

“10 คน 20 คน” พอได้ไหม

“300-400 คน ก็ได้ ผมเรียกแป๊บเดียว พี่อยากได้เมื่อไรก็บอกมาละกัน” อ๋นเสนอ

ผมถ่ายภาพอ๋นอีกภาพหนึ่งก่อนจากมา เขาพาผมเข้าไปดูในห้องนอน ห้องนั้นรกแบบห้องของชายหนุ่มตัวคนเดียว ในห้องนั้นเล่าเรื่องของอ๋นอีกมุมหนึ่งที่เขาไม่ได้เล่าให้ฟังจากปาก…เป็นบางด้านของความละเอียดอ่อน เหนือหัวนอนเป็นภาพของ ‘L’ ในภาพยนตร์เรื่อง Death Note ซึ่งอ๋นบอกว่าเท่ดี แต่สิ่งที่ผมสะดุดตาคือภาพของชิสุในกรอบเล็กๆ บนหัวเตียง ‘แพนด้า’ คือชื่อของหมาในรูป มันกำลังวนเวียนอยู่บนเตียง และในอ้อมแขนของอ๋น ขณะที่ผมขอให้เขานั่งนิ่งๆ บนเตียง

ก่อนจากกัน ผมถ่ายภาพอ๋นกับพ่อ และอ๋นกับยายให้เขาไว้เป็นที่ระลึก

“ผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นกำลังใจให้ผม” เขาพายายมายืนหน้ากล้อง แล้วดึงหญิงชราตัวเล็กๆ เข้ามากอด

“กับพ่อ เราใกล้ชิดกันขึ้นมาก เพราะป้าช่วยเป็นสื่อกลางให้” อ๋นเล่าเมื่อผมถ่ายภาพเขากับพ่อ

“ตอนเแรกพ่อยิ้มให้ ชมผม แล้วถามว่ามีเงินใช้ไหม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว ตอนหลังได้งานทำ พ่อก็บอกว่า ดีแล้วมีงานดีๆ ทำ” อ๋นเล่าด้วยรอยยิ้มที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้า

ในความเงียบก่อนจากกัน ดวงตาของอ๋นอ่อนโยนเป็นประกายเจือรอยยิ้มขัดเขิน เมื่อเอ๋ถามเขาถึงความรัก อ๋นกำลังมีความรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ถูกกีดกันจากผู้ปกครองของเธอ ชายหนุ่มบอกว่าเขากำลังพิสูจน์ตัวเองในนามของความรัก เขาเปลี่ยนตัวเองมาหลายปีแล้ว สมัครเข้าทำงานสุจริต แต่กระนั้นอดีตอันโลดโผนของเขาไม่อาจถูกลบเลือนไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ ความอดทนเท่านั้นที่เขาใช้เป็นอาวุธเพื่อพิสูจน์ว่า ชายหนุ่มอันธพาลคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

“ผมต้องการให้โอกาสตัวเองครับพี่” อ๋นบอกอย่างนั้น

“ถ้าผมไม่ไขว่คว้า นอกจากผมพลาดแล้ว โอกาสก็จะไปอยู่ในมือคนอื่นด้วย” เขากล่าวย้ำ

ฉากที่ 20

“ก่อนที่เอกจะพ้นโทษ เพื่อนในห้องขังได้บอกไว้ว่า เราน่ะมันเป็นขี้คุก เรามีรอยสัก ยังไงพวกผู้ใหญ่ข้างนอกก็มองว่าเราเป็นเพียงจุดดำของสังคมเท่านั้น ชีวิตพวกเราไม่มีทางที่จะมีอนาคตที่สดใสอย่างคนปกติพวกนั้นหรอก มึงต้องทำใจไว้”

เอกยิ้มให้เพื่อนและออกมาเจอกับแสงข้างนอกที่สว่างมาก ทำให้รู้สึกถึงอิสรภาพ และคิดว่าเขาควรจะเริ่มตันชีวิตใหม่เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้

 

ภนุกูล ศิริวรรณา

35 mm Digital Camera

Fact Box

ปัจจุบัน อ๋นทำงานเป็นพนักงานขายที่บริษัทประดับยนต์แห่งหนึ่ง เขาอยากสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อมีครอบครัวและมีบ้านเป็นของตัวเอง

เรื่องของอ๋นเป็นหนึ่งในหนังสือ สะพรั่ง The New Blooms ทางที่ยังไม่แผ้วถางของ 10 นักกิจกรรมรุ่นใหม่ (สำนักพิมพ์ Wongklom Learning, 2559)

ขอบคุณ ‘เอ๋’ ศิริพร ฉายเพ็ชร (มอส.) และผู้ร่วมทำงานชิ้นนี้

Tags: , , ,