หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นโยบาย ‘บ้านเพื่อคนไทย’ อีกหนึ่งนโยบายเรือธงของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร จะเป็นรูปเป็นร่าง เริ่มเปิดให้มีการจับสลากสิทธิผู้ที่จะได้อยู่อาศัยในโครงการเฟสแรกสิ้นปีนี้ รวมถึงเริ่มก่อสร้างทันทีในไตรมาส 4 ปีนี้เช่นกัน

บ้านเพื่อคนไทย เกิดขึ้นตามความคิดของนายกฯ แพทองธาร ที่มีความเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีได้ คือมีที่อยู่อาศัยที่ราคาสมเหตุสมผล จับต้องได้ อยู่ใกล้เมือง เดินทางสะดวก-ติดรถไฟฟ้า และมีคุณภาพไม่ย่อหย่อนไปกว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ และเป็นของตัวเองจริงๆ

ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะหากย้อนกลับไป ประเทศไทยแทบไม่เคยมีโครงการบ้านราคาย่อมเยา ราคาสมเหตุสมผล ให้กับผู้มีรายได้น้อย-ปานกลางมาเนิ่นนาน คนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ต้องคอยผ่อนคอนโดมิเนียม หรือเช่าคอนโดมิเนียมที่ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ทาวเฮาส์-บ้านเดี่ยว ไม่ต้องฝันถึง เพราะราคาสุดเกินเอื้อม

ข้อมูลพื้นฐานของประเทศนี้ยังพบว่า คนไทยกว่า 5.87 ล้านครอบครัว หรือคิดเป็นกว่า 27% ของจำนวนครอบครัวทั้งหมด ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ต้องอาศัยบ้านคนอื่นหรือเช่าบ้านอยู่ เมื่อต้องทำงานเพื่อหาเช่า ไม่อาจมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองได้ จึงเป็นอีกหนึ่งบ่วงที่รั้งชีวิตไม่ให้เจริญเติบโตไปมากกว่านี้

แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายหลัก จับตลาดกลุ่ม First Jobber หรือกลุ่มทำงานครั้งแรก แพทองธารเชื่อว่า หากคนกลุ่มนี้มีบ้านของตัวเอง จะส่งผลต่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้ดอกผลเป็นการทำงานสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศเจริญเติบโตได้ดีขึ้น

สำหรับพื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านเพื่อคนไทย คือพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยใจกลางเมือง ซึ่งมีหลายพื้นที่ที่ปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยเฟสแรกมีทำเลทอง 4 พื้นที่ คือพื้นที่พัฒนาย่าน กม.​11 หลังกระทรวงพลังงาน ไม่ไกลจากถนนวิภาวดีรังสิต, พื้นที่ธนบุรี ตรงข้ามตลาดศาลาน้ำร้อน, พื้นที่เชียงราก จังหวัดปทุมธานี ใกล้ถนนเลียบคลองเปรมประชากร และพื้นที่ถนนทุ่งโฮเตล ติดสถานีรถไฟเชียงใหม่

สนนราคาต่อเดือน 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร เริ่มที่ 9 แสนบาท 2 ห้องนอน เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านบาท โดยเป็นสิทธิการถือครองแบบเช่าระยะยาว (Lease Hold) 99 ปี ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 4,000 บาทเท่านั้น ไม่ต้องดาวน์ และสามารถผ่อนได้นานถึง 30 ปี อย่างไรก็ตามจำกัดเพดานรายได้ คือต้องเงินเดือนไม่เกิน 5 หมื่นบาท และต้องเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกเท่านั้น

ขณะที่ภายในบ้านตกแต่งอย่างทันสมัยไม่แพ้คอนโดมิเนียมราคา 2-3 ล้านบาท เพราะต้องไม่ลืมว่าแพทองธารและครอบครัวต่างก็มีประสบการณ์บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รู้ดีว่าแบบไหนที่ ‘ลูกบ้าน’ ประทับใจ และยังมีจุดขายอีกอย่างที่รัฐบาลภาคภูมิใจ คือมี ‘ชักโครกไฟฟ้า’ ไม่ต่างกับที่คนไทยเคยไปใช้กันในประเทศญี่ปุ่น

ที่น่าสนใจก็คือ หลังเปิดให้จองเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 มีผู้จองสิทธิกว่า 2.26 แสนคน ผ่านเกณฑ์คัดเลือกรอบแรก 1.35 แสนคน ขณะที่เฟสแรกสามารถรับได้เพียง 5,000-6,000 ยูนิตเท่านั้น สะท้อนว่าความต้องการบ้านราคาสมเหตุสมผล ราคาย่อมเยา เป็นของตนเองนั้น ‘ล้นทะลัก’ เพียงใด

สำหรับโครงการนี้จะดำเนินการโดยบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด บริษัทลูกซึ่งทำหน้าที่บริหารสัญญาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั่วประเทศ ประเมินงบประมาณก่อสร้างเบื้องต้นอยู่ที่เพียง 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าคุ้มหากเทียบกับการให้คนไทยได้เช่าบ้านอยู่ มีบ้านเป็นของตัวเองในที่ดินทำเลทอง ด้วยราคาถูกเพียงนั้น

ในตอนแรก โครงการบ้านเพื่อคนไทยจะเดินเร็วกว่านี้ หากติดที่ ‘กระทรวงมหาดไทย’ ซึ่งอยู่ในมือของอีกพรรคการเมืองหนึ่งไม่ยอมผลักดันให้เกิดการแก้ไขพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. 2562 เพื่อขยายเวลาเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี แต่เมื่อพรรคเพื่อไทย โดย ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กุมบังเหียนเต็มตัว กฎหมายนี้ก็เดินหน้าทันที โดยคาดว่าร่างแก้ไขพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวจะสามารถเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ในสมัยประชุมหน้า

หากเป็นไปตามแผน บ้านเพื่อคนไทยจะเริ่มต้นจาก 5,000 ยูนิต ก่อนขยายไปเรื่อยๆ โดยจากการประเมินเบื้องต้น ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่มีอยู่ สามารถเบ่งออกเป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพได้ถึง 1 แสนยูนิต และยังมีที่ดินแปลงดีๆ เดินทางสะดวกอีกมากที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ จัดสรรให้คนไทยได้มีบ้าน มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

และหากทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ บ้านเพื่อคนไทย จะไม่ใช่แค่คอนโดมิเนียม ไม่ใช่แค่ห้องสี่เหลี่ยม แต่คือความหวังของคนที่มีอยากมี ‘บ้าน’ เป็นของตัวเองสักครั้งในชีวิต แน่นอน อาจไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ชั่วข้ามคืน แต่หากสามารถส่งต่อบ้าน ส่งต่อความมั่นคงให้คนรุ่นนี้ได้ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมที่ทุกคนมีที่ยืนอย่างภาคภูมิ

Tags: , ,