1 มิถุนายน 2562 เป็นวันแรกที่ผู้ชมทั่วโลกจะได้รับชมซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่เล่าเรื่องยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในชื่อ Arthdal Chronicles ที่จะฉายรายสัปดาห์ผ่านทางเน็ตฟลิกซ์ จากที่ผ่านมา คอซีรีส์เกาหลีน่าจะเคยดูซีรีส์ย้อนยุคหลายต่อหลายเรื่องจนแทบจะจับไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์เกาหลีใต้กันได้หมดแล้ว คราวนี้ทีมผู้สร้างเลยอยากลองท้าทายตัวเองด้วยการพาผู้ชมย้อนไปไกลกว่าที่เคยไปถึงโลกยุคโบราณ พร้อมได้นักแสดงนำระดับแม่เหล็กอย่าง ซงจุงกิ (Song Joong ki), จางดงกอน (Jang Dong-gun), คิมจีวอน (Kim Ji-won) และคิมอ๊กบิน (Kim Ok-bin) มาแสดงฝีไม้ลายมือให้เราได้ชมกัน
ในวันแถลงข่าวเปิดตัว Arthdal Chronicles นักแสดงนำทั้ง 4 ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมกับ 2 นักเขียนบทอย่าง คิมยองฮยอน และ ปาร์กซังยอน ที่มาร่วมเล่าถึงตัวซีรีส์ด้วย โดยทั้งคู่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเขียนซีรีส์ประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดในเกาหลีใต้ จากผลงานที่ผ่านมาอย่าง Six Flying Dragon, Deep Rooted Tree และ Queen Seon-deok รวมถึงผู้กำกับฯ คิมวอนซอก (ที่ตอนแรกบอกว่าจะไม่มาเพราะติดงานโพสต์โปรดักชั่น) ก็ได้แวะมาทักทายทุกคนในที่นั้นด้วยและได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี
บทซีรีส์เรื่องนี้เริ่มเขียนตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว โดยนักเขียนทั้งสองคนสร้างเรื่องราวขึ้นบนอารยธรรมโบราณในจินตนาการ ดัดแปลงชื่อเมืองยุคโบราณของเกาหลีอย่าง ‘อาซาดาล’ (Asadal) มาผสมกับคำว่า Earth ที่ตัดตัว E ออก ซึ่งแง่หนึ่งนั้นมันคือเป็นการท้าทายขนบของการเล่าเรื่องวีรบุรุษในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ว่าไม่จำเป็นต้องยึดโยงอยู่กับตำนานของกรีกหรือโรมันอย่างที่หลายคนคุ้นเคย พวกเขาอยากสร้างตำนานวีรบุรุษยุคโบราณที่มีหน้าตาแบบคนเกาหลี ซึ่งสองนักเขียนยังเพิ่มเติมอีกว่าบทเพลงของจอห์น เลนนอน ช่วยเสริมความกล้าให้พวกเขาที่จะเริ่มเขียนเรื่องนี้ออกมา ในท่อนที่ร้องว่า “Imagine there’s no country”
ความท้าทายคือการสร้างโลกทั้งใบขึ้นมาใหม่ผ่านจินตนาการของผู้เขียน พวกเขาต้องสร้างชุดความคิดและแรงขับเคลื่อนของคนยุคโบราณ ให้คนดูสามารถเชื่อและอินไปกับตัวเรื่องได้ด้วย ทั้งยังมีการสร้างเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในยุคหัวเลี้ยวหัวต่อที่มนุษย์จะกลายเป็นมนุษย์ในยุคประวัติศาสตร์ และถึงกับมีการออกแบบภาษาขึ้นใหม่เพื่อใช้ในซีรีส์เรื่องนี้โดยเฉพาะ นักเขียนทั้งสองทำงานหนักตั้งแต่ขั้นตอนการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับอารยธรรมพื้นเมืองยุคเก่า ทั้งของเกาหลีและโลกตะวันตก นำเสนอผ่านเรื่องการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างชนเผ่าและภายในชนเผ่า ซึ่งนักเขียนระบุว่าที่สุดแล้วมันคือการต่อสู้ระหว่างคนมีอำนาจและคนไร้อำนาจ
ขณะที่บรรดานักแสดงต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าบทของเรื่องนี้ยืนพื้นอยู่บนการตั้งคำถามเชิงปรัชญาที่ว่า “ก่อนที่โลกเราจะเป็นอย่างทุกวันนี้ มันเริ่มต้นขึ้นอย่างไร”
“ตั้งแต่อ่านบทครั้งแรก ผมประทับใจในความกว้างและความลึกของเรื่องราวทั้งหมด ตอนนั้นผมได้แต่นั่งเงียบ เพราะทึ่งกับจินตนาการของผู้เขียน ซีรีส์เรื่องนี้ถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน ตั้งแต่การเมือง ศาสนา สังคมและระบบเศรษฐกิจ ว่ามันเริ่มต้นขึ้นมาอย่างไร มันไม่ได้เป็นการตั้งคำถามแบบจะโชว์ภูมิ แต่มันถูกเล่าอย่างสนุกสนาน เหมือนตอนที่ผมอ่านตำนานกรีกโรมันเมื่อยังเด็กๆ มันเป็นเรื่องที่คุณจะหยุดอ่านไม่ได้เพราะมันสนุกมากๆ” ซงจุงกิกล่าว และนั่นเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันว่าผู้สร้างจะถ่ายทอดแนวคิดที่ว่านี้ออกมาแบบไหน
ขณะที่หลายคนน่าจะสะดุดตากับซีรีส์เรื่องนี้ตรงที่คอสตูม ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมตัวละครจากที่เห็นในตัวอย่างดูแฟนตาซีและเหนือจริงไปมาก สำหรับโลกยุคโบราณในภาพจำของเรา ซึ่งในข้อนี้ ผู้เขียนบทก็อธิบายว่าเป็นความตั้งใจของเขาที่จะลบภาพดินแดนที่ผู้คนเคยรู้จักและสร้างมันขึ้นใหม่ทั้งหมด ผู้คนในโลกใบนั้นก็จะรู้สึกนึกคิดหรือรับรู้ต่อบทบาทหน้าที่ของตัวเองต่างไปจากชุดความคิดของคนยุคนี้โดยสิ้นเชิง
“ผมทำละครย้อนยุคมาก็เยอะ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมตื่นเต้นที่สุด” นักเขียนปาร์กซังยอนประกาศบนเวที
ทางด้านนักแสดงและตัวละครของพวกเขาก็น่าจับตาไม่แพ้กัน ในคราวนี้ ซงจุงกิ รับบท ‘อึนซอม’ หนุ่มลูกครึ่งต่างเผ่าที่มีรูปลักษณ์ต่างจากคนอื่น ระหว่างที่เขาพยายามตามหารากของตัวเอง เผ่าวาฮันที่รับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ก็ถูกโจมตีจากเผ่าสุดแข็งแกร่ง นำโดย ‘ทากน’ ที่รับบทโดย จางดงกอน ทำให้อึนซอมต้องพยายามต่อสู้เพื่อเผ่าวาฮันและเรียกคืนทุกสิ่งที่เขาโหยหามาตลอดและอุตส่าห์ได้รับมาในช่วงเวลาหนึ่ง แต่กลับต้องถูกพรากไป ขณะที่ทากนเองก็มีเรื่องราวที่เขาก็ต้องต่อสู้เช่นกัน ชะตากรรมของคนทั้งคู่คือต้องห้ำหั่นกันจนถึงที่สุด หากคนหนึ่งต้องอยู่ อีกคนอาจต้องตาย
ทางด้านฝ่ายหญิง คิมจีวอน รับบท ‘ทันยา’ ลูกสาวหัวหน้าเผ่าที่เป็นคนรับอึนซอมเข้ามาเป็นคนในครอบครัว ก็ต้องพยายามสู้เพื่อปกป้องคนในเผ่าของเธอ ขณะที่ ‘แทอาลา’ รับบทโดย คิมอ๊กบิน ที่สวยงามและเก่งกาจ เธอที่เป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าอีกเผ่าหนึ่ง ก็ต้องต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจที่กำลังจะเปลี่ยนมือจากผู้หญิงไปสู่ผู้ชาย เมื่อหญิงสาวทั้งสองได้ปะทะกันพลังงานบางอย่างก็ปรากฏ ขณะที่แทอาลาเปรียบเหมือนดาบที่คมมากๆ ทันยาก็เป็นเหมือนโล่ที่แกร่งมากๆ เหมือนกัน
ดูเหมือนเราจะเห็นการจับคู่ตัวละครกันค่อนข้างชัดเจนและชวนเอาใจช่วย อึนซอมคงต้องคู่กับทันยา หากแต่ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพราะต่างไร้ซึ่งอำนาจ ขณะที่อีกคู่หนึ่ง ทากนและแทอาลา มีอำนาจกันทั้งคู่แต่ก็น่าสนใจในแง่ของการเชือดเฉือนระหว่างความรักและการแสวงหาผลประโยชน์จากอีกฝ่าย
ระหว่างการสัมภาษณ์ คิมอ๊กบินผู้รับบทแทอาลาเล่าว่า ในโลกใบนั้น สำหรับบางเผ่าความเป็นหญิงหรือความเป็นชายไม่ใช่ปัจจัยที่จะกำหนดว่าใครจะได้อำนาจ ทั้งสองเพศต่างก็ต้องพิสูจน์ตัวเองและมีความยากลำบากที่ต่างกันไป บางเผ่าอาจจะส่งต่ออำนาจผ่านผู้หญิงเท่านั้น ขณะที่บางเผ่าผู้ชายก็มีบทบาทสำคัญ ส่วนตัวเราจึงค่อนข้างลุ้นว่าผู้สร้างจะสร้างอารยธรรม Arthdal ขึ้นมาในทิศทางไหน เมื่อเกาหลีใต้ทุกวันนี้ต้องเผชิญกับภาพจำเรื่องสังคมชายเป็นใหญ่ หากพวกเขาจะพาเราย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นก่อนหน้านั้น ผู้สร้างจะจินตนาการมันอย่างไรดี
ที่แน่ๆ นอกจากตัวบทแล้ว ทางด้านโปรดักชันของเรื่องนี้ก็นับว่ายิ่งใหญ่ เรื่องวิชวลนั้นคงไม่ต้องพูดถึง ใครที่ได้ดู EP 1 กันไปแล้วก็คงจะตราตรึงไปตามๆ กัน นักแสดงท่านอื่นที่มาแสดงฝีมือกันอย่างคับคั่งก็ล้วนแต่เป็นที่จดจำในเกาหลีใต้ ซีรีส์เรื่องนี้น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ใหม่ในปี 2019 อย่างแน่นอน
รับชม Arthdal Chronicles ได้แล้ววันนี้ ทาง https://www.netflix.com/title/81028895
Tags: ละครย้อนยุค, Netflix, ประวัติศาสตร์, เกาหลีใต้, เกาหลี, เน็ตฟลิกซ์, Arthdal Chronicles, ซงจุงกิ, จางดงกอน, คิมจีวอน, คิมอ๊กบิน