นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่มักปักหลักอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงและศูนย์กลางทางวัฒนธรรมซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ แต่หากต้องการมาใช้ชีวิตสบายๆ ชิลๆ เดินเล่นกิมลมชมสถาปัตยกรรมหน้าตาแปลกประหลาดในเมือง ผู้เขียนแนะนำให้นั่งรถไฟลงมาทางใต้ เพียงชั่วโมงเศษๆ ก็จะถึงรอตเตอร์ดัม เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป
รอตเตอร์ดัมถูกขนานนามว่าเมืองไร้หัวใจ (stad zonder hart: city without a heart) เนื่องจากเหตุทิ้งระเบิดกลางใจเมืองจนราบเป็นหน้ากลองเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 หลงเหลือเพียงตึกไม่กี่แห่งไว้ให้ดูต่างหน้า ชาวดัทช์พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส รื้อโครงสร้างเมืองเก่าเพื่อวางผังเมืองใหม่ สร้างถนนและทางเท้าให้กว้างขวาง ย้ายชุมชนที่อยู่อาศัยไปอยู่รอบนอกส่วนใจกลางเมืองสงวนไว้เพื่อพาณิชยกรรม
เมืองที่ถูกถล่มไม่ต่างจากกระดาษเปล่าให้ชาวสถาปนิกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นพื้นที่จริง ทุกมุมเมืองจึงเต็มไปด้วยเรื่องเล่าของอาคารหน้าตาล้ำสมัย ประติมากรรมหน้าตาแปลกประหลาด และย่านที่เต็มไปด้วยสีสัน ในบทความนี้ ผู้เขียนจะพาไปทัวร์สถานที่ห้ามพลาด ส่วนใครที่อยากรับประสบการณ์แบบชาวดัทช์ก็สามารถเช่าจักรยานออกปั่นเที่ยวเมืองได้จากสถานีหลักรอตเตอร์ดัม
ก้าวแรก สถานีหลักรอตเตอร์ดัม (Rotterdam Central Station)
หากคุณเดินทางมารอตเตอร์ดัมโดยรถไฟ หลังจากเดินออกจากสถานีลองหันหลังดูนะครับ คุณจะพบกับอาคารแรกที่ผมอยากแนะนำให้รู้จัก นั่นคือสถานีหลักรอตเตอร์ดัม ก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1957 ออกแบบโดยสถาปนิก Sybold van Ravesteyn ก่อนจะปิดปรับปรุงและเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อ 5 ปีก่อน
Rotterdam Centraal Station
ไม่ว่าใครหากได้มองสถานีหลักรอตเตอร์ดัมก็คงนึกถึงถาดฟอยล์ใส่อาหาร ตามชื่อเล่นของสถานีแห่งนี้ว่าแคปซาลอน (Kapsalon) ฟาสต์ฟู้ดประจำเมืองรอตเตอร์ดัมที่มีส่วนประกอบคือเฟรนช์ฟรายส์ เนื้อสไลด์ ชีส แล้วอบในถาดฟอยล์ก่อนโรยด้วยผักกะหล่ำตบท้ายด้วยซอส ซึ่งขอบอกตามตรงว่าไม่อร่อยเท่าไร (ฮา)
สำหรับใครที่อยากสำรวจเมืองด้วยสองล้อก็สามารถเช่าจักรยานได้ที่ชั้นใต้ดินของสถานีนี้ ซึ่งอยู่หน้าทางเข้าลานจอดจักรยานใต้ดินที่มีความจุนับพันคัน สมกับเป็นประเทศแห่งจักรยาน
ป้ายต่อไป สถานีเบลก (Blaak Station)
หากคุณปั่นไปทางตะวันออกเฉียงใต้เข้าใกล้แม่น้ำสัก 10 นาทีก็จะเจอลานกว้างที่มีแผ่นโลหะขนาดใหญ่ให้ร่มเงา ใกล้ๆ กันมีอาคารขนาดยักษ์รูปทรงกระบอก ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ตึกรูปร่างคล้ายดินสอ แสดงว่าคุณมาถึงสถานีเบลกแล้วครับ
หาที่จอดจักรยานที่ใกล้ที่สุด ล็อคให้เรียบร้อย แล้วเตรียมท้องโล่งๆ และกระเป๋าสตางค์ให้พร้อมก่อนจะเดินเข้าสู่อาคารทรงกระบอก The Market Hall (De Markthal) เป็นตลาดหรูหราในร่มที่จำหน่ายอาหารสดและอาหารปรุงสุกกว่าร้อยร้านค้า แต่อย่ามัวตะลึงกับอาหารละลานตาด้านล่าง เพราะความเจ๋งของตึกนี้คือเพดานด้านบนที่ตกแต่งด้วยภาพอาหารสดและดอกไม้สวยงาม
The Market Hall (De Markthal)
ในตลาดแห่งนี้มีของที่ใครๆ ก็ต้องลองมิฉะนั้นเรียกว่ามาไม่ถึงเนเธอร์แลนด์นั่นคือเฮอร์ริงสไตล์ฮอลแลนด์ คือเนื้อปลาเฮอร์ริงสีชมพูดองในน้ำปรุงรสซึ่งอาจมีส่วนผสมของเกลือ ไซเดอร์ ไวน์ ชา น้ำตาล และสารพัดเครื่องเทศ เสิร์ฟพร้อมกับหอมใหญ่หั่นพอดีคำและผักดองเคียง โดยอาจสั่งขนมปังมาแกล้มเพื่อให้อิ่มท้องหรือทานเปล่าๆ ให้ถึงรส นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีชีสหลากหลายชนิดให้ลองชิมและลองช้อป ส่วนใครมีงบในกระเป๋าไม่มาก ชั้นล่างก็มีซูเปอร์มาร์เก็ตราคาย่อมเยาให้จับจ่ายใช้สอย แต่หากใครโชคดีไปตรงกับวันที่มีตลาดนัด ก็อย่าลืมออกมาเดินสัมผัสบรรยากาศตลาดนัดฝรั่งบนลานกว้างด้านหน้านะครับ
หลังจากอิ่มท้อง ลองเดินออกมาที่เบลกสเตชัน หันหลังให้ The Market Hall แล้วแหงนหน้ามองฟ้า สิ่งที่คุณจะพบก็คือกล่องสี่เหลี่ยมสีเหลืองสดใสหน้าตาแปลกประหลาด นั่นคือ Cube Houses นวัตกรรมที่อยู่อาศัยซึ่งออกแบบโดย Piet Blom สถาปนิกที่พยายามตีโจทย์ว่าจะใช้พื้นที่อย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด กลุ่มอาคารดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัยจริงโดยหนึ่งหลังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับนักท่องเที่ยวที่สงสัยว่าข้างในเป็นอย่างไร รวมถึงมีบางหลังเปิดเป็นที่พักให้จับจอง
Cube Houses
ชมชีพจรเมืองท่าริมแม่น้ำ Maas
มาถึงเมืองท่าทั้งทีสิ่งที่ห้ามพลาดคือการชมชีพจรริมน้ำ แม้ท่าเรือพาณิชย์จะอยู่แถบปากแม่น้ำค่อนข้างไกลจากตัวเมือง แต่นานๆ ครั้งเราจะได้เห็นเรือสำราญหรือเรือขนส่งลำยักษ์ผ่านเข้ามาให้เห็นบ้าง สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นพาดผ่านลำน้ำคือสะพานอีราสมุส (Erasmus Bridge) สะพานแขวนที่มีแท่งคอนกรีตสีขาวสวยสง่าเป็นที่มาของชื่อเล่น ‘หงส์ (The Swan)’
Erasmus Bridge และ De Rotterdam ตึกที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ (อาคารด้านซ้าย)
ส่วนอาคารที่ตั้งเด่นเป็นสง่าข้างๆ สะพานสีขาวคืออาคารที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ De Rotterdam ตึกความสูง 44 ชั้นที่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 160,000 ตารางเมตร ออกแบบโดย Rem Koolhaas สถาปนิกชาวรอตเตอร์ดัม สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 2013 และคว้ารางวัลตึกสูงที่ดีที่สุดในสหภาพยุโรปในปีถัดมา ตึกดังกล่าวประกอบด้วยอาคารสามอาคารที่เชื่อมต่อกันออกแบบให้เป็นเมืองที่อยู่ในเมือง ประกอบด้วยออฟฟิศ ที่อยู่อาศัย โรงแรม และพื้นที่นันทนาการ
ไม่ใกล้ไม่ไกลยังมีอาคารสุดเก๋ที่ประกอบด้วยอลูมิเนียมไล่สี Maastoren ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และเป็นสำนักงานใหญ่ของ Deloitte บริษัทสอบบัญชียักษ์ใหญ่ อีกอาคารที่ผู้เขียนชอบด้วยการออกแบบที่โดดเด่นคือสำนักงานใหญ่ Unilever ประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารชื่อ The Bridge (De Brug) กล่องกระจกความสูงสี่ชั้นความยาว 130 เมตรที่พาดผ่านโรงงานดั้งเดิมซึ่งเริ่มเดินเครื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ของ Unilever
Maastoren ตึกที่สูงที่สุดในเนเธอร์แลนด์
The Bridge (De Brug) ตึกสำนักงานใหญ่ของ Unilever
เยือนย่านศิลปะ ชมพิพิธภัณฑ์หรือนั่งชิลในคาเฟ่
ย่านสุดท้ายที่คนมาเที่ยวรอตเตอร์ดัมต้องแวะไปคือ Cool District ย่านที่อุดมไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารชื่อดัง รวมถึง ‘ร้านกาแฟ’ ซึ่งหมายถึงคาเฟ่ที่มีกัญชาเพื่อสันทนาการจำหน่ายนั่นเอง
ส่วนใครยังอยากเที่ยวให้คุ้มก็สามารถปั่นต่อไปยังสวนพิพิธภัณฑ์ (Museum Park) ซึ่งเชื่อมต่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะ 3 แห่ง 3 สไตล์ตั้งแต่ Kunsthal Rotterdam อาคารสุดโมเดิร์นที่มักหยิบจับงานร่วมสมัยจี๊ดจ๊าดมาจัดแสดง พิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่รวบรวมภาพวาดฝีแปรงศิลปินชื่อก้องโลกจากหลากยุคหลายสมัย (แต่ปัจจุบันปิดปรับปรุงอยู่) และ พิพิธภัณฑ์ Chabot ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินเอ็กซเพรสชันนิสม์ชาวดัทช์ Henk Chabot ทั้งสามแห่งมีนิทรรศการศิลปะสับเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องโดยสามารถเช็คได้ทางเว็บไซต์
ถ้าใครสนใจอยู่รอตเตอร์ดัมต่ออีกสักวัน ผู้เขียนมีมรดกโลก 2 แห่งที่น่าไปชม สำหรับคนที่ต้องการปั่นจักรยานไปตามท้องทุ่ง ชมวิวกังหันลมมรดกโลก สามารถพาจักรยานคู่ใจมานั่งเรือจากท่าบริเวณสะพานอีราสมุสไปยัง คินเดอร์ไดค์ (Kinderdijk) กลุ่มกังหันลม 19 หลังที่ทำงานร่วมกันเป็นระบบบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่อายุราว 280 ปี (อ่านเรื่องราวของกังหันลมได้ที่ ไปฮอลแลนด์ใต้ แวะ ‘Kinderdijk’ ในวันที่กังหันยังหายใจ) ส่วนใครสนใจอาคารอุตสาหกรรม สามารถปั่นต่อไปทางตะวันตกของเมื่อเพื่อชมโรงงานฟานเนลล์ (Van Nelle Factory) อาคารที่สร้างเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 สะท้อนโรงงานในอุดมคติสมัยใหม่ ใช้วัสดุทั้งเหล็กกล้าและกระจกโปร่ง พร้อมทั้งดีไซน์ที่คำนึงถึงฟังก์ชันและความทันสมัย
สำหรับคนที่เบื่อหน่ายความพลุกพล่านของนักท่องเที่ยวและอาคารหน้าตาโบราณในอัมสเตอร์ดัม อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมรอตเตอร์ดัมนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!
เอกสารประกอบการเขียน
Rotterdam – City of Architecture
Tags: เนเธอร์แลนด์, รอตเตอร์ดัม