นับว่าเหนือความคาดหมาย เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะกลับไทยอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ท่ามกลางอุณหภูมิอันร้อนระอุของการเมืองไทย และการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังคงชะงักงัน 

ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างทักษิณ ที่อยู่นอกประเทศมาตลอด 15 ปี ตัดสินใจกลับไทย ย่อมแปลว่าสามารถ ‘เคลียร์ทาง’ ได้ การที่ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยตัดสินใจกลับบ้าน ย่อมมีความนัยทางการเมืองบางอย่าง ซึ่งชวนให้วิเคราะห์ไปถึงฉากทัศน์และความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในทางการเมืองที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุคใหม่ ปิดตำนาน ‘ผีทักษิณ’ ที่หลอกหลอนชนชั้นนำมาเกือบสองทศวรรษ ไปสู่ยุคใหม่ที่ยังตั้งชื่อไม่ได้

The Momentum ชวนจับตาปรากฏการณ์นี้ พร้อมกับชวนอ่านเรื่องที่อยู่เบื้องหลังว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร

1. เคลียร์ทางสำเร็จ

ไม่มีเรื่องบังเอิญใดๆ ที่อยู่ดีๆ คนอยู่นอกประเทศมาตลอดจะกลับบ้านได้ ต้องหมายถึงการประสานงานอย่างเข้มข้นระหว่างตัวทักษิณกับฝั่ง ‘ชนชั้นนำ’ ผู้มีอำนาจ ว่ากลับมาแล้วจะปลอดภัย

ปลอดภัยทั้งในแง่กระบวนการยุติธรรมว่าจะไม่มีคดี ไม่มีข้อหาอะไรเพิ่มเติม ปลอดภัยทั้งในแง่สถานที่อยู่อาศัย เพราะอย่างน้อย ทักษิณอาจต้องอยู่ใน ‘เรือนจำ’ หรือสถานที่กักกันอื่นๆ อีกอย่างน้อย 1-2 ปี แล้วต้องปลอดภัย ในแง่ที่จะไม่มีใครหักหลังเขาเพิ่มเติม 

ขณะเดียวกัน โลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรได้มาง่ายๆ ฟรีๆ ประเด็นอยู่ที่ทักษิณ ‘ต่อรอง’ อะไรไว้กับบรรดารัฐพันลึก บรรดา Deep State ที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะกองทัพหรือชนชั้นนำที่อยู่เบื้องหลัง

ต้องไม่ลืมว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 ทักษิณเพิ่งอยู่ในสถานะ ‘ตัวอันตราย’ ขั้นสูงสุด เมื่อเกิดกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ปฏิกิริยาหลังเหตุการณ์นั้นทำให้เขาถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลอื่น และต้องอยู่เงียบๆ นานนับปี กว่าจะได้ปรากฏกายอีกครั้ง

คำถามว่าทักษิณใช้อะไรต่อรองนั้น อาจปรากฏชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าทุกอย่างจะเป็นรูปเป็นร่าง

2. ปิดตำนาน ‘ผีทักษิณ’ 

ต้องไม่ลืมว่าระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 สถานะของอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างเขา ถูกเรียกว่าเป็น ‘ผีทักษิณ’ ที่หลายคนหวาดวิตกเมื่อได้ยินชื่อนี้

จริงอยู่ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีนายกฯ ที่ถูกรัฐประหารและถูกชนชั้นนำเห็นเป็นศัตรูอยู่หลายคน ทว่าไม่มีใครเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งแบบทักษิณ และทุกคนก็ล้วน ‘สยบยอม’ เลือกที่จะอยู่เงียบๆ หากจะมีก็เพียงทักษิณเท่านั้นที่เลือกสู้กลับ ทั้งยังชนะการเลือกตั้งแทบทุกรอบ ทุกสนาม แม้ว่ารัฐธรรมนูญ​ พ.ศ. 2550 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 จะตั้งใจกำจัดหรือจะยุบพรรคทักษิณกี่รอบก็ตาม แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังมีชีวิตยืนยาวในทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมามีลักษณะพิเศษ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคที่ได้อันดับหนึ่งอีกต่อไป พรรคก้าวไกล พรรคที่ซ้าย ‘สุดโต่ง’ กว่า กลับได้รับชัยชนะ เป็นชัยชนะที่สั่นสะเทือนชนชั้นนำ นายทุนทุกระดับ กระทั่งทุกคนเห็นตรงกันว่า หากปล่อยให้ก้าวไกลได้อำนาจรัฐ จะเป็นอันตรายต่อโครงสร้าง จะเป็นอันตรายต่อ ‘พวกเขา’ เพราะก้าวไกลต้องการจะ ‘รื้อ’ ทุกอย่าง

นั่นแปลว่าพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ดี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ดี ล้วนเป็นผีที่น่ากลัวกว่าผีทักษิณ เพราะทักษิณอาจแค่ตามหลอกหลอนเฉยๆ วิธีปราบทักษิณก็เพียงแค่โทรต่อรอง แต่ผีตัวอื่นนั้นไม่รับการต่อรอง และยังตามอาฆาต ตามบีบคอชนชั้นนำต่อไป

เมื่อชนชั้นนำไทยไม่อาจยอมรับพรรคก้าวไกลได้ และพรรคการเมืองฝั่งอนุรักษนิยม ต่อให้ ลด แลก แจก แถม เพียงใด ก็มิอาจได้รับความนิยมเท่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตย อำนาจต่อรองฝั่งทักษิณจึงมากขึ้น ฝั่งอนุรักษนิยมย่อมหันหัวมาทางทักษิณ 

และสุดท้าย ไม่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้จะจบอย่างไร พรรคเพื่อไทยก็อยู่ในสถานะรัฐบาลอยู่ดี

3. ทักษิณกับสถานะ ‘ตัวประกัน’

ในครั้งแรก หลายคนสงสัยกับช่วงเวลาอย่างมากว่า เพราะเหตุใดทักษิณจึงต้องเลือกเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นเดือนเกิดของตัวเองในการเดินทางกลับบ้าน

เรื่องทั้งหมดถูกเฉลยในตอนใกล้จบว่า ปัจจัยสำคัญคือการเป็นช่วงบั้นปลายของรัฐบาลรักษาการโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รัฐบาลก็ไม่ได้มีอำนาจสั่งการอะไรเต็มไม้เต็มมือ ขณะที่ข้าราชการต่างก็ ‘เกียร์ว่าง’ รอรับนายใหม่ รัฐบาลใหม่ ที่ชัดเจนว่าขั้วเดิม น่าจะไม่ได้มีอำนาจเต็มเหมือนที่ผ่านมา

และในเวลาชุลมุนว่าจะเลือกนายกฯ คนต่อไปได้เมื่อไร หน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นแบบไหน อยู่ดีๆ ก็ปรากฏข่าวทักษิณพร้อมเดินทางกลับ

กระนั้นเอง การเดินทางกลับแล้วต้อง ‘รับโทษ’ ในต่างกรรม ต่างวาระ ก็ไม่ต่างกับการดำรงตนเป็น ‘ตัวประกัน’ เพื่อเป็นหลักประกันว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง เพราะการอยู่ในประเทศไทย ในประเทศที่ระบบ ระเบียบ กฎหมาย ยังขึ้นอยู่กับอำนาจนอกระบบ อยู่กับชนชั้นนำ ย่อมแปลว่า ทักษิณก็อยู่ในกำมือ ‘พวกเขา’ เช่นกัน

หลายคนวิเคราะห์ว่า ด้วยเหตุนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว จึงไม่ได้กลับไทยพร้อมกัน เพราะรอดูว่า พี่ชายที่เป็นตัวประกันจะโดนอะไรไหม หรือมีใคร ‘หักดีล’ อะไรอีกหรือไม่

หาก 1 ปีพ้นไปแล้วไม่มีอะไรผิดแปลก อาจเป็นคิวของยิ่งลักษณ์ในการเดินทางกลับบ้าง

4. การเมืองไทยหลังยุค ‘ผีทักษิณ’

ว่ากันว่าเหตุผลหนึ่งของการตัดสินใจกลับไทยของทักษิณ นอกเหนือจากเรื่องอยากกลับมาเลี้ยงหลานและ ‘คิดถึงบ้าน’ แล้ว ส่วนหนึ่งก็คือต้องการกลับมาช่วยพรรคเพื่อไทยที่กำลังเผชิญความท้าทายหลายอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นการเสียสถานะ ‘พรรคอันดับหนึ่ง’ ไปให้กับพรรคก้าวไกล หรือแม้แต่ในระดับหัวๆ ของพรรค ไม่ว่าจะเป็น แพทองธาร ชินวัตร หรือเศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่สามารถคุม ส.ส.เขี้ยวลากดินได้อยู่ ประจักษ์พยานสำคัญคือการที่พรรคคุม ส.ส.ไม่อยู่ ในช่วงการแย่งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรกับพรรคก้าวไกล

ไม่เพียงเท่านั้น พรรคเพื่อไทยยังอยู่สภาพหลากมุ้ง ที่ต่างมุ้งก็ต่างมีผู้นำเป็นเอกเทศ ซึ่งล้วนแล้วแต่อ้างความเป็น ‘สายตรง’ วันนี้ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค แต่ถนนทุกสายก็ยังมุ่งสู่ที่พำนักของทักษิณ เมื่อทักษิณเข้ามาใกล้ประเทศไทย ไม่ว่าจะในฮ่องกงหรือสิงคโปร์

การกลับมารอบนี้เท่ากับ ‘ตัวจริง’ มาเอง ไม่ต้องคอยสั่งการทางไกล แล้วอาจถูก ‘แปลงสาร’ โดยบรรดาคนที่อยู่รอบข้างให้เป็นคุณกับแต่ละกลุ่ม หากแต่สามารถดำรงตนในฐานะ ‘ที่ปรึกษา’ สามารถนั่งบัญชาการทางการเมืองได้ในประเทศ ไม่ต้องคอยถูกใครเป่าหู ไม่ต้องถูกใครแอบอ้างอีกต่อไป

แน่นอนว่า หลังความพ่ายแพ้ของฝ่าย ‘ลุง’ เมื่อทักษิณกลับมานำทัพเอง การต่อสู้กับพรรคก้าวไกลก็จะเข้มข้นขึ้น ดุเดือดขึ้น ขณะเดียวกัน หากเป็นไปตามกระแสที่ว่า พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นพรรค Neo-Conservative หรือพรรคอนุรักษนิยมใหม่ ไปจนถึงขั้นที่หลายคนเรียกว่า เป็นตัวแทนใหม่ของพวก ‘ขวา’ หลังจากที่พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมเดิมหมดสภาพ ล้วนเป็นฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ทั้งสิ้น

แต่คำถามสำคัญที่แวดล้อมอยู่ก็คือ การต่อสู้กับทักษิณที่ยาวนานกว่าสองทศวรรษ มีการยุบพรรคไปสองพรรค ยึดอำนาจไปสองครั้ง และพยายามทุกวิถีทางในการจัดการกับทักษิณ ไม่ว่าจะยึดทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะยึดสนามบิน ไม่ว่าจะชัตดาวน์กรุงเทพฯ นานเกือบครึ่งปีนั้น จะจบลงง่ายๆ อย่างนี้จริงหรือ หรือแท้จริงแล้วทักษิณเป็นเพียง เหยื่อล่อ เป็นเพียงตัวประกัน หรือสุดท้ายแล้วทักษิณจะถูก ‘หักดีล’ อีกรอบ ล้วนเป็นคำถามที่น่าสนใจ

เพราะถึงที่สุดแล้ว การเมืองไทยเต็มไปด้วยทั้ง ‘ความเป็นไปไม่ได้’ และ ‘ความเป็นไปได้’ ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจสูงสุดจะวาดภาพหรือขีดเส้นให้ไปทางไหนเท่านั้นเอง

Tags: , , , ,