บริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ แอมะซอน ได้ออกมาสั่งห้ามการค้าขายเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด หลังเมื่อหนึ่งเดือนก่อน มีรายงานว่า ชาวอเมริกันหลายพันคนได้รับพัสดุบรรจุเมล็ดพืชปริศนาจากจีน โดยทางการสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาประกาศห้ามประชาชนนำเมล็ดพืชไปเพาะปลูกเด็ดขาด เนื่องจากมีความกังวลต่อด้านความมั่นคงทางชีวภาพ
นับตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนเป็นต้นมา แอมะซอนไม่อนุญาตให้นำเข้าเมล็ดพันธุ์และต้นพืชจากต่างประเทศอีกต่อไป และห้ามไม่ให้มีการซื้อขายเมล็ดพันธุ์ในสหรัฐฯ จากผู้ขายที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันอีกด้วย โดยผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่อย่างเคร่งครัด หากไม่ต้องการถูกแบนออกจากระบบ ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า ผู้ขายเมล็ดพืชในต่างประเทศบางรายถูกแอมะซอน ลบรายละเอียดร้านค้าออกจากระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์การปรากฎตัวของพัสดุบรรจุเมล็ดพืชปริศนาจากจีนทั่วสหรัฐฯ และทั่วโลกเมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยลักษณะของหีบห่อส่วนใหญ่มักระบุว่า สิ่งของภายในเป็นเพียงเครื่องประดับ อัญมณี หรือของเล่นแทน สร้างความปั่นป่วนและความกังวลให้แก่กระทรวงเกษตรในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่มีรายงานการพบเมล็ดพืชปริศนามากกว่าหลายพันครั้ง จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องเร่งตรวจสอบที่มาที่ไปของเมล็ดพืชเหล่านี้
ด้านกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ รายงานว่า ทางการจีนได้เข้ามาช่วยเหลือในการสอบสวนครั้งนี้ เพื่อร่วมกันตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ส่งพัสดุปริศนาและเพื่อหาทางหยุดยั้งการส่งพัสดุในลักษณะนี้ในอนาคต ขณะที่ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศของจีนออกมาแถลงว่า เหตุการณ์ทั้งหมดอาจเกิดขึ้นจากการปลอมแปลงข้อมูลบนฉลากของพัสดุ และได้ร้องขอให้สหรัฐฯ ส่งคืนพัสดุทั้งหมดกลับมาเพื่อทำการตรวจสอบที่จีนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ ทางการสหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถระบุวัตถุประสงค์ของปรากฎตัวของพัสดุปริศนาได้อย่างชัดเจน เพียงแต่สันนิษฐานว่า พัสดุปริศนาเหล่านี้เป็นเพียงการทำ ‘บรัชชิง’ (brushing) ของร้านค้าออนไลน์ โดยการส่งสินค้าราคาถูกหรือพัสดุเปล่าไปให้ผู้รับที่ไม่ได้ทำการสั่งซื้อ เพื่อสร้างคำสั่งซื้อปลอม ก่อนจะสวมรอยเป็นผู้ซื้อและเขียนรีวิวสินค้าของตนเอง
ขณะที่ทางแอมะซอน ยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบและค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างร้านค้าที่มีการส่งออกพัสดุปริศนาและการทำบรัชชิงอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะบังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่นี้ในประเทศอื่นๆที่เผชิญปัญหาเดียวกันนี้หรือไม่
ที่มา:
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-54046154
ภาพ: REUTERS/Kevin Mohatt
Tags: Amazon, แอมะซอน
